ข่าวที่ฮือฮาและถกเถียงกันเวลานี้เห็นทีจะไม่มีเรื่องไหนเป็นที่น่าสนใจคนมีใจศิลปิน คนฝักใฝ่ในการเรียนเขียนอ่านตลอดถึงท่านที่สนใจในการเมือง
มีการถกเถียงกันในหมู่นักวิชาการ สิทธิมนุษยชน คนโลกสวยตลอดถึงคนรอกินกล้วยจากแดนไกลได้ออกมาวิจารณ์ ออกมาแสดงความคิดเห็นกันมากว่า “ผู้ทรงคุณวุฒิและกรรมการคัดเลือกมีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไรที่ขจัดสิ่งปนเปื้อนเชื้อร้ายซึ่งได้รับการยกหูชูหางจากทุนสามานย์ชังชาติพยาบาทสถาบันให้พ้นไปจากการเป็นศิลปินแห่งชาติ..”
ศิลปินแห่งชาติ คือ ศิลปินผู้มีความรู้ความสามารถขั้นสูง มีการสร้างสรรค์ผลงานที่ดีเลิศจนเป็นที่ยอมรับในวงกว้างและมีผลงานเป็นประโยชน์ต่อสังคม ที่สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ “ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นกรมส่งเสริมวัฒนธรรม” ซึ่งรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ได้เริ่มจัดทำโครงการศิลปินแห่งชาติขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2527 เพื่อสรรหา เชิดชูเกียรติ ส่งเสริมสนับสนุน และช่วยเหลือศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่มีคุณค่าของแผ่นดินไทย โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ในปัจจุบัน เป็นผู้พิจารณาคุณสมบัติ
ศิลปินแห่งชาติคัดเลือกจากศิลปินผู้มีความสามารถใน 4 สาขาคือ
1.สาขาทัศนศิลป์ ได้แก่ งานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพถ่าย ภาพพิมพ์และสื่อผสม
2.สาขาศิลปะสถาปัตยกรรม ได้แก่ งานออกแบบงานก่อสร้าง และงานสร้างสรรค์อื่นๆ ที่มีคุณค่าทางศิลปะ
3.สาขาศิลปะการแสดง ได้แก่ การละคร การดนตรีแขนงต่างๆ รวมถึงการแสดงพื้นบ้านด้วย
4.สาขาวรรณศิลป์ ได้แก่ งานประพันธ์ชนิดต่างๆ ทั้งนิยาย นวนิยาย บทกวี บันเทิงคดีและเรื่องสั้น เป็นต้น
รางวัลเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติเริ่มมีการประกาศครั้งแรกในปี พ.ศ. 2528 และมีการประกาศรายชื่อเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ผู้ที่ได้รับเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติสี่ท่านแรกคือ 1.นายเฟื้อ หริพิทักษ์ เป็นศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ ประจำปี 2528 เกิดเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2528 ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2536
นายเฟื้อ จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดราชบพิธ และศึกษาต่อด้านจิตรกรรมที่ประเทศอินเดีย เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจึงเข้ารับราชการเป็นอาจารย์สอนศิลปะรุ่นแรกของมหาวิทยาลัยศิลปากร และเป็นประธานโครงการลอกจิตรกรรมฝาผนัง อุโบสถวัดประดู่ทรงธรรม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ด้านผลงานและการทำงานศิลปะ นายเฟื้อเป็นผู้ช่ำชองจิตรกรรมไทยอย่างลึกซึ้ง อีกทั้งยังค้นหาแนวทางสร้างสรรค์ผลงานให้เหมาะกับการแสดงออกด้านจิตรกรรมที่มีลักษณะเฉพาะในการถ่ายทอดสภาพแวดล้อม บรรยากาศ แสง-เงา ประกอบกับความคิดคำนึงเรื่องสีสันที่เป็นลักษณะตามสายสกุลศิลปะยุโรป (อิตาลี) ใช้การสะบัดฝีแปรงที่รวดเร็ว
นายเฟื้อ จึงได้รับยกย่องเป็น “ครูใหญ่ในวงการศิลปะ” สร้างสรรค์ผลงานด้านจิตรกรรมไว้มากมายจนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง
2.นายมนตรี ตราโมท ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง ประจำปี 2528 เกิดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2443 จังหวัดสุพรรณบุรี (ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2538) จบการศึกษาระดับมัธยมตอนปลายที่โรงเรียนพรานหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ และเข้าศึกษาต่อที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ธรรมศาสตร์และการเมือง ต่อมาได้รับพระราชทานปริญญาอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยศิลปากร ปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
การงานในเวลาต่อมา นายมนตรี รับราชการที่กรมพิณพาทย์หลวง กรมมหรสพ สมัยรัชกาลที่ 6 เกษียณอายุราชการในตำแหน่งศิลปินพิเศษ หัวหน้าแผนกดุริยางค์ไทยกรมศิลปากร หลังจากนั้นเข้าดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญดนตรีไทย กรมศิลปากร จนถึงแก่กรรม
นายมนตรีเป็นอัจฉริยะศิลปินที่มีความรู้ความสามารถด้านดนตรีอย่างแตกฉาน ทั้งทางด้านดุริยางค์ วรรณคดี ดนตรีปี่พาทย์ โดยเฉพาะระนาดทุ้ม ที่สำคัญคือเป็นผู้ถวายการครอบประสิทธิ์ประสาทวิชาดนตรีไทย และถวายความรู้ด้านดนตรีไทยแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีผลงานประพันธ์ไทยกว่า 200 เพลง เช่น เพลงโสมส่องแสง เพลงเถา เพลงม่านมงคล เพลงวันชาติ เพลงงามแสงเดือน นอกจากนี้ยังให้ความรู้ด้านโน้ตสากลและดนตรีสากลอีกด้วย
นายมนตรี ยังมีผลงานการแต่งบทกวีนิพนธ์เรื่องสั้นเรื่องยาว บทโทรทัศน์ บทละคร แต่งตำราดุริยางคศิลป์ไทย การละเล่นของไทย ประวัติศาสตร์ดนตรีไทย การละครไทย ในการด้านศึกษายังสร้างหลักสูตรสาขาดนตรีและนาฏศิลป์ไทยให้แก่โรงเรียนนาฏศิลป์
3.ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง ประจำปี 2528 เกิดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2446 ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา (ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2543) สำเร็จหลักสูตรการศึกษาวิชาสามัญจากโรงเรียนในวังสวนกุหลาบ
ด้านหน้าที่การงาน ท่านรับราชการที่กรมศิลปากร เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีไทย ผู้อำนวยการฝึกซ้อมการแสดงนาฏศิลป์ไทย และเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับนาฏศิลป์ไทย
ด้านผลงาน ท่านผู้หญิงแผ้วเป็นผู้รอบรู้ในศิลปวิทยาการด้านนาฏศิลป์ เสมือนศูนย์รวมศิลปวัฒนธรรมไทยผู้เชี่ยวชาญการฟ้อนรำ สามารถคิดค้นประดิษฐ์ลีลาท่ารำให้เหมาะสมกับยุคสมัย ผลงานที่โดดเด่นได้แก่ การคิดค้นประดิษฐ์ท่ารำสุโขทัย ท่ารำที่ปรับปรุงมาจากการแสดงละครตอนหนึ่งในเรื่องอิเหนา นอกจากนี้ ยังมีผลงานการประพันธ์บทสำหรับแสดงทั้งโขนและละคร
4.พลตรี หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2528 เกิดเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2454 ที่จังหวัดสิงห์บุรี (ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2538) จบการศึกษาปริญญาตรีเกียรตินิยม สาขาปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์ และจบการศึกษาระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ
ต่อมาเข้ารับราชการที่กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาลำปาง และอดีตนายกรัฐมนตรี (2518-2519)
ด้านผลงาน หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ มีความรู้ความสามารถหลายบทบาท ทั้งนักการเมือง นักการธนาคาร นักพูด
นักเขียน ส่วนผลงานด้านวรรณศิลป์ก็มีมากมายเช่นกัน ทั้งหนังสือและบทความ ท่านเป็นเจ้าของลีลาการเขียนที่มีเอกลักษณ์ มีความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาไทย ความรู้ด้านศิลปะ วรรณคดี วัฒนธรรม รวมทั้งนำเสนอปรัชญาทางศาสนาและการเมืองของตะวันออกและตะวันตกมาประกอบการเขียน มีผลงานที่โดดเด่น เช่น ไผ่แดง สี่แผ่นดิน บันเทิงเริงรมย์ สงครามเย็น คนรักหมา ฯลฯ
จะเห็นว่าศิลปินแห่งชาติที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ 4 ท่านแรก ล้วนได้รับการแต่งตั้งในสมัยที่พลเอกเปรมติณสูลานนท์ เอกบุรุษคู่แผ่นดินผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์เหนือสิ่งอื่นใด ท่านเป็นนายกฯผู้สร้างประเทศไทยจากเศรษฐกิจล่มสลายกลายเป็นประเทศไทยที่โชติช่วงชัชวาล ในสมัยของท่านถึงได้มีศิลปินแห่งชาติที่เป็นปูชนียบุคคลที่น่ายกย่องของคนในชาติและทั่วโลกไปตลอดกาล
นับตั้งแต่เริ่มโครงการศิลปินแห่งชาติ (พ.ศ. 2528) ถึงประกาศรายชื่อศิลปินแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2562 มีการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติรวมทั้งสิ้น 319 ท่าน เสียชีวิตแล้ว 154 ท่าน และมีชีวิตอยู่ 165 ท่าน ศิลปินแห่งชาติทั้งหมดที่มีมาล้วนแต่เป็นปูชนียบุคคลที่ควรค่าแก่การยกย่อง
ยกเว้นเพียงคนเดียวที่มีข้อครหาตลอดมานี้ อาจเพราะว่าศิลปินแห่งชาติคนนั้นได้รับแต่งตั้งในยุคสมัยที่ทุนสามานย์ปล้นชาติอาฆาตพยาบาทสถาบัน พฤติกรรมสติปัญญาของศิลปินแห่งชาติท่านนั้นจึงละม้ายคล้ายคลึงกันหรือแทบจะถอดแบบมาจากสมุนบริวารของทุนสามานย์ปล้นชาติอาฆาตพยาบาทสถาบัน
นอกจากไม่มีผลงานทางด้านวรรณกรรมที่โดดเด่นเป็นที่น่าอ่านควรจดจำใดๆ ที่ต้องเก็บไว้ให้คนรุ่นหลังได้อ่านแล้ว ศิลปินแห่งชาติคนที่ว่ายังคลุกคลีตีโมงร่วมวงร่วมงานกับสื่อมวลชนที่ศีลเสมอกัน คือสื่อมวลชนในค่ายที่นายทุนใหญ่
ตั้งเป้าหมายและเอาเป็นเอาตายให้ยกเลิก ก.ม.อาญามาตรา 112 ซึ่งเป็นกฎหมายปกป้องสถาบันฯให้ได้
คุณสมบัติที่ดีของศิลปินแห่งชาติ คือ ต้องเป็นผู้ที่สร้างผลงานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและวรรณกรรมที่ส่งเสริมดีงามเพื่อเป็นแบบอย่างแก่อนุชนรุ่นต่อไปในอนาคต แต่ตรงข้ามศิลปินแห่งชาติที่มีข้อครหากลับนำเอาสิ่งชั่วร้ายของคนรุ่นใหม่มาเป็นแบบอย่างแล้วเดินตามแนวทางชั่วร้ายของฝ่ายชังชาติ
เช่นพฤติกรรมสถุลหยาบช้าสามานย์สนับสนุนการยกเลิก ก.ม. อาญามาตรา 112 ใช้ภาษาหยาบคายกักขฬะ ด่านายกรัฐมนตรีตีกระทบคราดไปถึงสถาบัน.. มันไม่ใช่วิสัยของศิลปินแห่งชาติ แต่มันเป็นพฤติกรรมของศิลเปรอะเละเทะชังชาติพยาบาทสถาบัน
#พฤติกรรมอย่างนั้นจึงต้องได้รับผลที่ตามมา คนโลกสวยรวยตัณหาอย่าถกเถียงกันให้เสียเวลา ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรมใครทำสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้น
ปล.ข้อมูลส่วนใหญ่ได้มาจากวิกิพีเดีย
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี