เริ่มแล้ว ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลถูกกำหนดเวลาไว้ คือระหว่างวันที่ 31 ส.ค.-3 ก.ย. ตั้งแต่เวลา 09.00-00.30 น. ของอีกวันยกเว้น วันที่ 3 จะให้เสร็จ ในเวลาประมาณ 21.00 น. และลงมติในวันที่ 4 ก.ย. เวลา 10.00 น. รวมฝ่ายค้านขอเวลาอภิปราย 40 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างเต็มที่ ขณะที่รัฐบาลมีเวลาชี้แจง 18 ชั่วโมง30 นาที รวมเวลาทั้งสิ้น 58 ชั่วโมง 30 นาที
การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในทางวิชาการ คือ การที่สมาชิกสภาล่าง หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคฝ่ายค้าน เข้าชื่อการเสนอญัตติเพื่อสอบสวนรัฐบาล กระทำเมื่อเห็นว่าการทำงานของรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีไม่เป็นที่พอใจ ในกรณีนี้สมาชิกมีสิทธิเข้าชื่อเสนอญัตติไม่ไว้วางใจ ถือเป็นวิธีการหนึ่งในการควบคุมและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
การอภิปรายไม่ไว้วางใจในทางการเมือง ที่พอจะเข้าใจกันได้ คือเพื่อดิสเครดิตรัฐบาล หรือล้มรัฐบาล เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจ หรือเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี เพราะเรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายหน หลังมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล มีการปรับปรุงคณะรัฐมนตรีใหม่ หรือ ยุบสภาหรือ นายกรัฐมนตรีลาออก
ซึ่งหนนี้ฝ่ายค้านมาแปลกกว่าเดิม คือผุดแคมเปญให้ประชาชนโหวตนอกสภา แต่ก็พอเข้าใจกันได้ เพราะเป็นธรรมชาติของการเปิดศึกซักฟอก ที่มีส่วนอื่นผสมโรงรวมทั้งการชุมนุมต่างๆ
สำหรับรายชื่อผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกฯ และรมว.กลาโหม 2.นายอนุทินชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข 3.นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม 4.นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ 5.นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และ 6.นายชัยวุฒิธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้าน ผู้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจหนนี้ กล่าวว่าพรรคฝ่ายค้านตั้งเป้าอภิปรายในเรื่องโควิด เศรษฐกิจ และทุจริต ที่วิกฤตรุนแรงอยู่ในขณะนี้
ขณะที่ ทางด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงนี้เพื่อที่จะใช้กลไกสภาในการที่จะแก้ไขวิกฤตและลดความขัดแย้งมีความจำเป็นที่จะต้องถอดสลัก ที่ชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเพื่อที่จะให้ประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งผมคิดว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ที่เป็นครั้งที่ 3แตกต่างจากครั้งก่อนๆ พอสมควร ครั้งนี้เนื่องจากความเดือดร้อนความลำบาก มันไปในวงกว้าง มีความกว้างขวางของวิกฤตของปัญหา ทำให้พี่่น้องประชาชนมีส่วนร่วมมากพอสมควร ตอนนี้ความชอบธรรมในการบริหารของพล.อ.ประยุทธ์ แทบจะไม่เหลือแล้วนอกสภา ก็ต้องการจะใช้กลไกในสภาตอนนี้เพื่อที่จะให้เกิดแรงสั่นสะเทือน และเกิดอาฟเตอร์ช็อกต่อไป
ส่วนน.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า จะใช้โอกาสในการอภิปรายฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รัฐมนตรีทุกคนมีความพร้อมให้ข้อมูล ชี้แจงทุกข้อสงสัยให้เกิดความกระจ่างเพื่อให้ฝ่ายค้านและประชาชนที่ติดตามการอภิปรายเกิดความกระจ่างและเข้าใจการทำงานรัฐบาลในทุกด้าน
หนนี้ข่าวว่าฝ่ายค้านได้จัดเตรียมขุนพลฝีปากกล้าไว้ชำแหละรัฐบาลถึง 12 คน ในขณะที่พรรคภูมิใจไทย จัด 12 องครักษ์ไว้ป้องกัน รัฐมนตรีอนุทิน-ศักดิ์สยาม
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เสี่ยต่อ-เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ ประกาศชัดพร้อมตอบทุกคำถามฝ่ายค้าน โดยไม่ต้องมีพี่เลี้ยงคอยช่วย
ก็ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า ข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลมีประเด็นสำคัญมากน้อยแค่ไหน และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นรายบุคคลจะชี้แจงข้อกล่าวหาอย่างไร สังคมไม่ควรด่วนเชื่อเฉพาะข้อกล่าวหาอย่างเดียว แต่ควรรับฟังคำชี้แจงด้วยเหตุผลเพื่อจะได้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย
ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลจะหักหลังกันเอง ในเรื่องคะแนนเสียงไว้วางใจรัฐมนตรีแต่ละคนหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่น่าจับตามอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี