l 1.นักการเมือง นักธุรกิจการเมือง : ที่เน้นในอำนาจ และผลประโยชน์ของตนเอง
ผลที่เกิดขึ้น คือ “พวกเขาจะมีอำนาจ ฐานะ เงินทอง บริวาร” มากขึ้น
ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ ยังทุกข์ยาก เหมือนเดิม หรือ แย่ลง โอกาสที่ดีขึ้น มีน้อยคน
@ การเมืองที่ดีของพวกเขา คือ การเมืองที่เอื้อหนุน ให้ “เขาหรือพรรคการเมือง ธุรกิจการเมือง”
-ตัวเขา ได้เป็นสส.รัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี
-กลุ่มก๊วนของเขา ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี
-พรรคของเขา ได้เป็นรัฐบาล หรือพรรคร่วมรัฐบาล
-ธุรกิจการเมืองของเขา สามารถร่วมกับ “นักการเมือง ข้าราชการ(ใหญ่)” ทำการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย สัมปทานฯ ได้
@ รัฐธรรมนูญที่ดีของพวกเขา คือ กติกาที่เอื้อให้ “นักการเมืองนักธุรกิจการเมือง ข้าราชการใหญ่ในสังกัด” ใช้เป็นประโยชน์ได้จริงสำหรับพวกเขา โดยอาจจะเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีสำหรับประชาชน(ในเชิงหลักการ) (รัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐) แต่ถูกนำมาเปลี่ยนสีแปรธาตุโดย “อำนาจมิชอบจากผู้มีอำนาจเป็นรัฐบาล นายกฯ” ให้เกิดประโยชน์แก่พวกเขาฯ ได้ (เพราะรัฐธรรมนูญที่ดี “ในเชิงหลักการ” ไม่มีหลักประกันว่า “จะไม่ถูก นักการเมืองฯ ที่ได้เป็นรัฐบาล นำมาใช้ในทางที่ผิดฯ)
นักการเมือง นักธุรกิจการเมืองฯ เหล่านี้ มีความชื่นชม และอนุรักษ์ ในเรื่อง “ระบบและโครงสร้างของสังคม เศรษฐกิจ การเมืองฯ “ที่เหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรมและประชาชน (ส่วนใหญ่) ที่ติดอยู่ในระบบอุปถัมภ์ ไม่มีอิสระ ในการ “คิดและตัดสินใจด้วยตนเอง”ในระบบการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรม และพวกเขา นักวิชาการของเขา จะพอใจกับ “ประชาธิปไตยแบบตะวันตก” ที่ให้ความเสมอภาคในการออกเสียงเลือกตั้งของประชาชน
เพราะมันเอื้อให้เกิด การยอมรับในสังคมได้ง่าย (เพราะถูกครอบจากตะวันตก อันเป็นกระแสหลักของโลก) และเพราะ
“พวกเขา” จะเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ฯ
(ซึ่งประเทศตะวันตก เขาได้พัฒนา “คนและระบบโครงสร้าง”ให้เป็นธรรม ก่อน ที่จะมาใช้ “ระบบการเลือกตั้ง เพราะ มันจะเป็นประชาธิปไตยที่เป็นจริงได้” เพราะ ประชาชน มีอิสระ และสามารถคิด ตัดสินใจด้วยตนเองได้)
เปรียบได้ง่ายๆ ในการให้ “สิทธิในกลุ่มนักเลงโต”
ลูกน้องในสังกัดหนึ่ง ที่อยู่ในระบบอุปถัมภ์ ได้รับผลประโยชน์ฯเขาก็ต้องเลือกหัวหน้าเขา ใช่ไหม?
@ มีคำถามง่ายๆ ว่า “ทำไม แค่ ทำให้หรือบังคับให้ กกต.ปฏิบัติเอาจริงต่อกฎหมายในการเลือกตั้งที่ “ห้ามมิให้ผู้สมัครใช้เงินเกิน ๑ ล้านบาท/คน” คือ เป็นความผิดทางกฎหมายแต่ปฏิบัติไม่ได้ !
ผู้สมัครที่ลงสมัครส่วนใหญ่ ทั้งที่ได้ และมิได้เป็น สส. ใช้เงินเกิน๑ ล้านบาท ส่วนใหญ่ที่ได้ ใช้เงิน มากกว่า ๑๐ ล้าน ถึงหลายสิบล้านแต่ก็ได้ “รับรองจาก กกต. ให้เป็น สส.” ไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้
เรื่องเล็กๆ นี้ สะท้อนอะไร? แล้ว เรามัวไปหลงว่า “ระบบการเมืองเก่านี้” จะแก้ปัญหาวิกฤต และนำไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริงฤๅ
l 2.การเมืองที่ดี รัฐธรรมนูญที่ดี สำหรับประชาชนส่วนใหญ่
ผลที่เกิดขึ้น คือ
นักการเมืองที่ดี มีอุดมคติ ฐานะเขา จะยังจะเหมือนเดิม ในเรื่องของเงินทองฯ แต่จักได้รับการยอมรับ จากประชาชนมากขึ้น
ส่วนประชาชนส่วนใหญ่ จะมีโอกาสมากขึ้น ในการหลุดพ้นจากความทุกข์ มีสุขฯ แต่จะต้องพัฒนาความคิด ความอดทน ความแข็งแกร่งที่จะช่วยตนเอง และร่วมมือกับคนอื่นๆ ในการร่วมสร้างและปฏิรูปการเมือง เพื่อความเป็นธรรม
@ การเมืองที่ดี คือ การเมืองที่เอื้อหนุน ให้ประชาชนส่วนใหญ่เป็น “พลเมือง” (Active Citizen ) คือ ประชาชนที่มี ความเป็นอิสระ คิดและตัดสินได้ด้วยตนเองมีความเอาการเอางาน มีส่วนร่วมมีโอกาสอย่างเท่าเทียมกันและร่วมในการเปลี่ยนแปลง ปฏิรูปชุมชน สังคม และการเมืองฯให้ดี และเป็นธรรมมากขึ้น
@ ในสังคมที่ไม่เป็นธรรมและเหลื่อมล้ำ เฉกเช่นสังคมไทยในขณะนี้
นักการเมืองที่ดีมีอุดมคติกับการเปลี่ยนแปลงสังคมให้เป็นประชาธิปไตย จะมีโอกาสเกิด หรือ โอกาสที่จะทำการเปลี่ยนแปลงสังคมให้เป็นประชาธิปไตยได้ยาก หรือไม่มีเลยพรรคการเมืองที่ดี มีอุดมคติ เกิดขึ้นได้ยากมาก ในระบบการเมืองเก่าที่มีการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรม แต่อาจจะมีโอกาสและสามารถ จะสร้างพัฒนาคน ชุมชนเล็กๆ หรือการปฏิรูปการเมืองสังคมบางส่วนได้เป็นการสะสมกำลัง ความคิด ให้มีมากขึ้น ได้ในบางระดับ(แต่มิใช่การเปลี่ยนแปลงได้เอง หรือทันที) แต่ต้องรอคอย“ผู้นำทางการเมือง สังคมฯ” ที่ยกระดับตนเอง ไปถึง “ขั้นรัฐบุรุษ” เพื่อร่วมไปสู่การเปลี่ยนแปลงฯ
@ รัฐธรรมนูญที่ดี คือ กติกาสูงสุด ที่เอื้อต่อการพัฒนา สร้างสรรค์ ให้ประชาชนส่วนใหญ่
มีโอกาสที่เท่าเทียมและได้รับความเป็นธรรมมากขึ้นอย่างเป็นจริง
ประเด็นสำคัญยิ่ง คือ
รัฐธรรมนูญ มิได้เกิดขึ้น ลอยๆ
-มิได้เป็นเรื่องของ พระเจ้า ผู้ศักดิ์สิทธิ์ มีอิทธิฤทธิ์ ที่จะดลบันดาล ให้เกิดความเป็นธรรม ความเท่าเทียมกันได้ในทันที
-มิใช่เรื่องของหลักกติกาที่ดีเลิศ ในเชิงอุดมคติ ที่ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพอย่างเท่าเทียมและได้รับความเป็นธรรมแล้ว
รัฐธรรมนูญที่ดี : ต้องสอดคล้องกับ สภาพความเป็นจริงของประชาชน : เดินไปคู่กับประชาชน
ต้องมีหลักการ กระบวนการขั้นตอน ในการพัฒนาประชาชน และระบบโครงสร้างของสังคม : ตามความเป็นจริง เน้นผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ เน้นการจัดระบบโครงสร้างของสังคมทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ให้เอื้อกับการพัฒนาตามขั้นตอนของการเติบโตของประชาชน
l 3.บทเรียนการเกิดขึ้นของรัฐธรรมนูญที่เน้นผลประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่
๑.รัฐธรรมนูญ มิได้ เกิดขึ้นลอยๆ
แต่เกิดขึ้น ในสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรมคนส่วนน้อยมีอำนาจ กดขี่เอาเปรียบคนส่วนใหญ่
ทำให้ “คนส่วนน้อยมีอำนาจ มีฐานะ ร่ำรวยฯ” ที่ได้มาจาก“การเอาเปรียบคนส่วนใหญ่”
ทำให้คนส่วนใหญ่ ยากจน เป็นทุกข์ เพราะไม่มีอำนาจ
๒.หลักการที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ คือ ลดอำนาจคนส่วนน้อยที่มีอภิสิทธิ์เอาเปรียบเพิ่มอำนาจของประชาชน
โดยเน้นที่การปรับระบบและโครงสร้างของสังคมให้เป็นธรรม โดยเอื้อต่อคนส่วนใหญ่
โดย ต้องดำเนินการไปอย่างมีกระบวนการและขั้นตอน
๓.รัฐธรรมนูญที่อ้างว่าดี โดยต้องให้ ความเสมอภาคเป็นธรรมแก่ประชาชนทุกคน เป็นเรื่องหลอกลวงของคนมีอำนาจ เพราะมันไม่มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นจริงได้เลย
(๑) คน หรือ กลุ่มคน ที่มีอำนาจ ยิ่งจะมีอำนาจมากขึ้น
(๒) ส่วนประชาชนส่วนใหญ่ ก็จะไม่มีโอกาสลืมตาอ้าปากได้จริง
๔.การก่อเกิดรัฐธรรมนูญที่ดี ที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของประชาชน เกิดได้จาก
(๑) ผู้ที่มีอำนาจที่ดี มีคุณธรรม : มอบคืนอำนาจให้กับประชาชน : อย่างเป็นขั้นตอน
(๒) ประชาชนส่วนใหญ่ มีความต้องการเปลี่ยนแปลง และลุกขึ้น คัดค้านต่อสู้กับผู้มีอำนาจเดิมโดยการปฏิวัติ
หรือปฏิรูปซึ่งเป็นเรื่องของยุคสมัย ที่สังคมโลก และสังคมในประเทศนั้นๆ เอื้ออำนวยฯ
ในสังคมไทยปัจจุบัน ประชาชน ต้องพัฒนาตน เป็น “พลเมือง” Active Citizen : ต้องร่วมคิดและทำ เพื่ออนาคต อย่าอยู่นิ่งเฉย หรือมัวแต่แสวงหาความสุขของตนเองและครอบครัวเท่านั้นต้องมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงของสังคมตัวเอง ต้องรักษาและพัฒนา ตนให้มีอุดมคติ เป็นพลเมืองดีและต้องกล้าสนับสนุนคนดี และคัดค้านคนไม่ดี
(๓) สังคมมีเงื่อนไข และกระบวนการในการสร้างผู้นำที่มีอุดมคติขึ้น โดยทำมาอย่างต่อเนื่อง
(๔) มีผู้นำระดับรัฐบุรุษ ที่มีวิสัยทัศน์ มองการณ์ไกล เพื่ออนาคต ในขั้นเริ่มต้น ผู้นำนี้ จะต้องอยู่ในฐานะที่มีกำลัง มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลง (ในระดับหนึ่ง)
(๕) ผู้นำรัฐ หรือนายกฯรัฐบาล ต้องใช้อำนาจที่เป็นธรรม
๕.๑ กระทำต่อ “ผู้มีอำนาจ ที่ใช้อำนาจมิชอบธรรมการโกงกิน และผู้ที่ถูกดำเนินคดี และหนีไปมั่วสุมในต่างแดน ฯลฯ”
๕.๒ การปฏิรูป เริ่มเรื่องที่สำคัญ ที่มีผลต่อการปฏิรูปก่อนหรือการปฏิรูปในเรื่องเล็กๆที่สำคัญไปก่อน (เพราะยังมีกำลังไม่มากพอในตอนต้น)
l ขอจบลงด้วย ๒ เรื่อง
(๑) นายกรัฐมนตรี หรือ นักการเมือง ทำเพื่อปัจจุบัน
รัฐบุรุษ หรือนายกรัฐมนตรีที่เป็นรัฐบุรุษ กล้าทำเพื่ออนาคต
๒) รัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ ๒๕๖๐ มีเนื้อหาสาระ ที่เอื้อต่อการปฏิรูปไปสู่ประชาธิปไตยได้บางส่วน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี