ในตำราการเสนอข่าวตอนหนึ่งกล่าวว่า "ผู้สื่อข่าวต้องมีความเฉลียวมากกว่าความฉลาด" คือต้องเป็นคนขี้สงสัยและมีไหวพริบดี จึงสามารถหยิบประเด็นที่คนอื่นไม่สนใจมาเสนอให้เป็นข่าวเด่นได้
ผู้เขียนเคยมีประสบการณ์ตรงเรื่องนี้หลายครั้ง แต่อยากนำเอาตอนที่ “นายอำนวย วีรวรรณ” ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีคลังระหว่างที่กำลังจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ที่เรียกกันว่าต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 มาเล่าเพื่อความเข้าในตำราการหาข่าวเด่นที่แตกต่างกันออกไป
วันที่นายอำนวยลาออกจากตำแหน่ง รมต คลัง ข้าราชการและพนักงานจำนวนมากมาห้อมล้อมกล่าวคำอำลาอาลัยนายอำนวย ในขณะมีคนอีกกลุ่มหนึ่งนำพวงมาลัยไปคล้องช้างไม้แกะสลักสองตัวที่ตั้งอยู่หน้ากระทรวงการคลัง
ผู้เขียนโทรไปถามผู้สื่อข่าวประจำกระทรวงการคลังว่าบรรยากาศเป็นอย่างไรบ้าง ได้รับคำตอบว่า "เจ้าหน้าที่กระทรวงฯและพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยบางคนร้องไห้โทษช้างไม้ว่าเป็นอาถรรพณ์ทำให้รัฐมนตรีต้องออกไปและเป็นอาถรรพณ์ร้ายของช้างไม้ทำให้เศรษฐกิจเสื่อมถอยอยู่ทุกวันนี้"
ในขณะที่ผู้สื่อข่าวสายเศรษฐกิจวิเคราะห์กันให้วุ่นวายว่าเศรษฐกิจเสื่อมถอยเพราะนายจอร์จ โซรอจพ่อมดการเงินโจมตีค่าเงินบาทบ้าง เพราะรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงชัยยุทธ์ ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจผิดพลาดบ้าง
ผู้เขียนซึ่งถนัดเรื่องข่าวทั่วไป (general news) ไม่ใช่นักข่าวสายเศรษฐกิจ เลยเสนอข่าววันนั้นว่า "นักการเงินการคลังโทษอาถรรพณ์ช้างไม้ทำให้เศรษฐกิจพังทลาย" พร้อมให้รายละเอียดว่านักการเงินการคลังของประเทศไทย ส่วนใหญ่ไปเรียนมาจากเมืองนอกเมืองนาแต่กลับมาโทษสิ่งลี้ลับว่าทำให้เศรษฐกิจของชาติล่มสลาย
ปรากฏว่าข่าวชิ้นนั้นลูกค้ารอยเตอร์นำไปใช้เป็นอันดับหนึ่งของเอเชียและเป็นอับดับสิบของโลกในวันต่อมา นักข่าวสายเศรษฐกิจบ่นเป็นหมีกินผึ้งว่าเราวิเคราะห์แทบตาย แต่ข่าวอาถรรพณ์ช้างไม้ถูกนำไปใช้มากที่สุด
ยกเรื่องนี้มาเล่าเพราะข่าวการประชุมสหประชาชาติสมัยสามัญครั้งที่ 76 ในนิวยอร์กกำลังเป็นที่ฮือฮา เมื่อนักข่าวให้นิกเนมการประชุมสหประชาชาติว่า "เป็นการประชุมแนวใหม่ในยุคโควิดที่ใช้ถุงอนามัยสวมไมโครโฟน (A little condom microphone )
ผู้สื่อข่าววีโอเอ แพทซี่ วิดาคุดวารา เป็นผู้เปิดประเด็นให้นิกเนม ว่า “การประชุมยุคใหม่ที่ใช้ไมโครโฟนสวม condom เพราะเธอสังเกตจากลักษณะของหัวไมโครโฟนตัวใหม่และสิ่งที่คลุมหัวไมโครโฟนดูไปก็คล้ายกับอวัยวะเพศชายที่สวมถุงอนามัยสีดำ
แพทซี่ พูดกับเพื่อนผู้สื่อข่าวเมื่อเธอเห็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันโควิดระบาดของยูเอนรีบกุลีกุจอขึ้นไปฉีดยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดโพเดียมและเปลี่ยนหัวไมโครโฟนคู่ใหม่พร้อมกับสวมถุงคลุมสีดำ ทันทีที่ประธานาธิบดี โบลโซราโนแห่งบราซิลเดินออกจากโพเดียม โดยไม่สวมหน้ากากอนามัย และประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะเป็นคนขึ้นกล่าวคำปราศรัยเป็นคนต่อไป
เดือดร้อนถึงเจ้าหน้าทำเนียบขาวต้องออกมาชี้แจงว่าเจ้าหน้าที่ยูเอ็นเปลี่ยนหัวไมโครโฟนใหม่ให้กับผู้นำทุกคนไม่ใช่เปลี่ยนให้เฉพาะนายไบเดน ที่ต้องขึ้นโพเดี่ยม พูดต่อจากประธานาธิบดีโบลโซราโน เพราะเหตุว่านายโบลโซราโน ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควืด
นายโบลโซราโน ซึ่งพูดก่อนหน้า กล่าวว่าเขาเคยติดโควิดเมื่อเดือน ก.ค 2563 และจนบัดนี้ก็ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดแม้แต่เข็มเดียว "ผมคิดว่ามันจำเป็น (ที่ต้องฉีดวัคซีน) แต่ต้องมีวัคซีนมากพอฉีดให้ชาวบราซิลได้หมดทุกคนก่อน ถึงตอนนั้นถ้ามีวัคซีนเหลืออยู่ผมจะตัดสินใจอีกคราว่าจะฉีดหรือไม่..นั่นเป็นตัวอย่างของผู้นำที่ดีใช่ไหมที่ต้องเสียสละให้ประชาชนทั้งหมดได้ฉีดก่อน" นายโบลโซราโนกล่าว ก่อนก้าวลงจากเวที
ผู้นำบราซิลคนนี้ไม่เชื่อเรื่องภัยอันตรายร้ายแรงของเชื้อโควิดตลอดมา เขาเชื่อว่ามันเป็นไข้หวัดใหญ่ธรรมดา นายโบลโซราโนเคยลงถนนร่วมประท้วงกับผู้ที่ต่อต้านการสวมหน้ากากอนามัย จึงไม่แปลกใจว่าทำไมชาวบราซิลจึงติดเชื้อและตายเพราะโควิดเป็นอับดับต้นๆของโลก
นายบอริส จอห์นสันซึ่งขึ้นโพเดี่ยมก่อนหน้า กล่าววาผมได้รับวัคซีนแอดตร้าซีเนก้าสองเข็มแล้ว" นายบอริสชักชวนแนะนำให้ที่ประชุมยูเอน ฉีดวัคซีนแอดตร้าซีเนก้า ทั้งๆที่สหรัฐอเมริกายังไม่อนุญาตให้ใช้วัคซีนตัวนี้
ทูตสหรัฐฯประจำยูเอน ลินดา กรีนฟีลด์ได้แสดงความกังวลไว้ล่วงหน้าว่าการประชุมสามัญสหประชาชาติอาจกลายเป็นแหล่งระบาดใหญ่ของโควิด-19
เจ้าหน้าพิธีการของยูเอ็นฝ่ายป้องกันโควิด-19 กล่าวว่าโพเดี่ยมได้รับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อทุกครั้งที่ผู้นำคนหนึ่งเสร็จสิ้นคำปราศรัย พร้อมกับนำหัวไมโครโฟนตัวใหม่ไปใส่แทนให้และสวมถุงอนามัยอย่างดีเพื่อป้องกันไม่ให้การประชุมสมัยสามัญของยูเอนกลายเป็นแหล่งระบาดใหญ่ (superspreader)หรือมีคนติดเชื้อขณะจากการพูดในห้องประชุมยูเอ็น ในระหว่างที่ผู้นำจากกว่าสองร้อยประเทศชุมนุมกันอยู่ในห้องประชุม
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนก็พูดกว้างๆเรื่องโควิด-19 ไม่ได้ลงรายละเอียด และเขาใช้เวลาอยู่ในนิวยอร์กไม่ถึง 24 ชั่วโมง นายไบเดนมาถึงนิวยอร์กในคืนวันจันทร์ เดินทางไปพบปะหารือกับนายแอนโตนิโอ กุเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ได้กล่าวคำปราศรัยสั้นๆในวันอังคาร และได้พบกับผู้นำออสเตรเลีย และผู้นำอีรัค ก่อนเดินทางกลับวอชิงตัน เพื่อพบกันนายบอริส จอห็นสันอย่างเป็นทางการในทำเนียบขาว
นายไบเดนจะเข้าร่วมประชุมสหประชาชาติอีกครั้งในวันพุธ ซึ่งตอนนั้นจะพูดกันเรื่องโควิด - 19 เป็นหลัก ซึ่งเปรียบเสมือนกับสหประชาชาติเป็นเจ้าภาพ "จัดประชุมสุดยอดผู้นำจากทั่วโลกมาปรึกษาหารือในประเด็นวิกฤตโควิด-19 อย่างจริงจัง
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี