ก่อนอื่นเนื่องจากวันนี้ตรงกับวันที่ 6 ตุลาคม ดังนั้นขอแสดงความไว้อาลัยแด่วีรชนเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ตัวจริง ย้ำว่าขอไว้อาลัยเฉพาะวีรชนตัวจริงเท่านั้น แต่ขณะเดียวกันก็ขอประณามพวกสร้างภาพที่ชอบแสดงตัวเป็นวีรชนเดือนตุลาฯ ทั้งๆ ที่เป็นเพียงพวกกำมะลอเท่านั้น พวกกำมะลอชอบแต่งเติมสีสันให้ตัวเองตลอดเวลา เพื่อตบตาคนที่รู้ไม่เท่าทัน ให้หลงเข้าใจว่าพวกกำมะลอคือวีรชนตัวจริง พวกกำมะลอนี้มีอยู่ทั้งในแวดวงการเมือง ในรั้วมหาวิทยาลัย รวมถึงในกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อก่อกวนสังคมในรูปแบบต่างๆ นานา
เมื่อพูดถึงเหตุการณ์เดือนตุลาฯ โดยเฉพาะเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 2516 และ 6 ตุลาฯ 2519 ก็นับว่าเป็นปมปัญหาหนึ่งที่ถูกปล่อยให้ค้างคามายาวนานหลายทศวรรษ มีคำถามว่าทำไมไม่ทำความกระจ่างในเหตุการณ์ทั้งสองให้ปรากฏ ทำไมจึงปล่อยค้างคาไว้ หรือมีความหวาดวิตกว่าหากความจริงปรากฏแล้ว จะยิ่งทำให้เกิดความระส่ำระสายมากไปกว่าเดิมกระนั้นหรือ
นอกจากปัญหาอันสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์เดือนตุลาฯ ที่กล่าวมาแล้ว ยังมีเหตุการณ์อื่นๆ ที่สังคมไทยจำเป็นต้องเร่งแก้ไขโดยทันทีอีกหลายประการ อาทิ ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางฐานะเศรษฐกิจของผู้คนในสังคม ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นฉ้อราษฎร์บังหลวง ปัญหาความคิดเห็นที่แตกต่างกันสุดขั้วจนไม่สามารถจะหันหน้ามาพูดคุยกันได้ระหว่างคนรุ่นเด็กกับคนชรา รวมถึงปัญหาด้านคุณภาพการศึกษาของประเทศในภาพรวม และปัญหาความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย รวมถึงปัญหาสมรรถนะและความสามารถของภาครัฐและหน่วยราชการจำนวนมากของไทยที่ทำงานโดยไร้ประสิทธิภาพ ไม่บังเกิดประสิทธิผล
รัฐบาลไทยชุดปัจจุบันจะทราบหรือไม่ว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยมีอัตราขยายตัวต่ำที่สุดในภูมิภาคเอเชีย แต่ที่น่าหนักใจมากที่สุดก็คือขยายตัวในบางปีต่ำที่สุดในกลุ่มอาเซียน ส่วนปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศไทยนั้น ปรากฏว่ารุนแรงและสาหัสมากขึ้นและมากขึ้นทุกขณะ ทั้งๆ ที่รัฐบาลพยายามโฆษณาชวนเชื่อว่าป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง แต่กลับกลายเป็นว่ามีการทุจริตฉ้อฉลในประเทศไทยสูงมากในระยะ 15 ปีที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีการคอร์รัปชั่นในภาครัฐสูงมาก โดยดูจากดัชนีความโปร่งใสของประเทศทั่วโลกที่มีการสำรวจเรื่องการคอร์รัปชั่น พบว่าในปี 2563 ไทยอยู่ที่อันดับ 104 จาก 180 ประเทศ ในขณะที่เมื่อปี 2548 ไทยอยู่ที่อันดับ 59 แสดงว่าปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในไทยเพิ่มมากขึ้นเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์
ในขณะที่ประเทศไทยยังไม่สามารถก้าวข้ามปัญหาวิกฤตโควิด-19 ไปได้ ก็ทำให้มีความวิตกกังวลว่า แล้วประเทศไทยจะต้องใช้เวลายาวนานกี่ปี จึงจะสามารถฟื้นตัวจากวิกฤตนี้ได้อย่างเป็นรูปธรรม และต้องใช้เวลากี่ปีที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศกลับมาเข้มแข็งได้ดังเดิม
อย่างไรก็ตาม วิกฤตโควิด-19 ทำให้เราทุกคนเห็นเหมือนๆ กันว่าภาครัฐของไทยยังมีปัญหาด้านความสามารถและสมรรถนะในการแก้วิกฤต เพราะไม่สามารถจัดการกับวิกฤตโควิด-19 ให้ลุล่วงไปได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งก็อาจจะต้องให้ความเห็นใจรัฐบาลกับการแก้ปัญหาโรคอุบัติใหม่ เพราะเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในบ้านเมืองของเราแต่ก็มีหลายสิ่งที่ทำให้สาธารณชนเห็นตรงกันว่ารัฐบาลล้มเหลวในการแก้วิกฤตโควิด-19 ในเมื่อภาครัฐมีข้อจำกัดในการแก้ปัญหาสำคัญของประเทศก็จึงจำเป็นต้องเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้าไปร่วมแก้ไขปัญหาด้วย ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องยอมรับในจุดอ่อนของตน และไม่ควรผูกขาดการแก้ปัญหาที่ตนเองไม่มีความสามารถ นี่คือสิ่งที่รัฐบาลต้องทำทันทีก่อนที่ประเทศจะถึงกาลวิบัติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี