ประเด็นการถกเถียงเรื่องทำให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย กลับมาเป็นที่สนใจของสังคมอีกครั้งหลังจากที่ นายชัยวุฒิ
ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้นำเสนอประเด็นดังกล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กันยายน ที่ผ่านมา ทำให้เกิดกระแสการถกเถียงทั้งผู้สนับสนุนและผู้คัดค้านตามมาเป็นจำนวนมาก
เราคงต้องยอมรับความจริงว่าแม้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะผิดกฎหมายในประเทศไทย เนื่องจากมีคำสั่งห้ามนำเข้าในปี 2557 และห้ามขายและให้บริการในปี 2558 แต่กลับปรากฏการใช้บุหรี่ไฟฟ้าและยาสูบแบบให้ความร้อนอีกหลายยี่ห้อ เป็นวงกว้าง แม้กระทั่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางท่านก็เปิดเผยว่าทั้งในคณะรัฐมนตรีและในรัฐสภาก็ปรากฏผู้ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จำนวนไม่น้อย
ข้อถกเถียงเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้านั้นดูจะยังมีความขัดแย้งและมีการถกเถียงของข้อมูลทั้งด้านสุขภาพและด้านอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก แต่ข้อเท็จจริงประการหนึ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือประเทศส่วนใหญ่ในโลกนี้เลือกใช้การควบคุมให้ถูกต้องตามกฎหมายแทนที่การห้ามแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอย่างในประเทศไทย
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกระบุว่ามีประเทศที่ควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าด้วยมาตรการต่างๆ เช่น ห้ามโฆษณา จำกัดอายุผู้ซื้อ ถึง 79 ประเทศ ขณะที่ 32 ประเทศเลือกที่จะห้ามแบบเด็ดขาดเช่นเดียวกับประเทศไทย ขณะที่อีก 84 ประเทศยังไม่มีกฎหมายรองรับและก็ปรากฏว่ามีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเช่นกัน
แต่การห้ามแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของประเทศไทยกลับไม่สามารถทำให้กฎหมายนี้บรรลุผลสัมฤทธิ์ได้ เพราะกลับมีการใช้ของประชาชนอย่างแพร่หลาย ด้วยข้อมูลข่าวสารจากต่างประเทศที่ตรงกันข้ามกับในประเทศไทย ทำให้เกิดธุรกิจซื้อขายออนไลน์อย่างผิดกฎหมาย กลายเป็นภาระหน้าที่ของกระทรวงดิจิทัลฯที่ต้องมาจัดการกับปัญหาที่ปลายเหตุ
ข้อเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯจึงสะท้อนถึงการยอมรับสภาพความเป็นจริงของปัญหา และพยายามหาทางออกที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทว่าข้อเสนอดังกล่าวนั้นก็ได้รับเสียงต่อต้านจากแพทย์และหน่วยงานที่รณรงค์เรื่องสุขภาพที่อยากให้คงสภาพแบบเดิมเอาไว้โดยไม่เปลี่ยนแปลง การทบทวนนโยบายการแบนบุหรี่ไฟฟ้าจึงถือเป็นเรื่องที่มีความท้าทายยิ่ง
ดังนั้นแทนที่เราจะปล่อยประเด็นนี้ไว้โดยไม่ได้ รับการแก้ไข หรือกดทับมันเอาไว้ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม น่าจะเป็นโอกาสอันดีที่ต้องมีเวทีหรือกระบวนการที่ทำให้เกิดการอภิปราย ถกเถียง แลกเปลี่ยน เรียนรู้ และหาข้อยุติร่วมกัน ซึ่งไม่มีอะไรดีไปกว่ากระบวนการของรัฐสภาที่เป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทยที่จะนำเรื่องดังกล่าวมาศึกษาอย่างเป็นกลาง เป็นธรรม และคำนึงถึงมิติต่างๆ ทั้งด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ เพื่อหาทางออกให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย
เพราะหากเราไม่ลงมือทำอะไรที่แตกต่างไปจากวันนี้ ปัญหาที่เราเห็นอยู่ก็จะยังอยู่ต่อไปโดยไม่ได้รับการแก้ไข
ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาในทิศทางใด มันคือการกลั่นกรองออกมาตามกระบวนการประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี