ทูตสเปนประจำกรุงเทพฯ ให้สัมภาษณ์พิเศษหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ว่าสเปนฉลองวันชาติด้วยการจัดหาและส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ประเทศไทย และยืนยันว่าวัคซีนยังไม่หมดอายุดังที่สื่อบางสำนักด้อยค่า
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม วัคซีน AztraZeneca จำนวน 614,500 โดส ได้ส่งมอบให้กระทรวงสาธารณสุขเรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นยังช่วยจัดหาวัคซีน Pfizer ให้อีก 2.7 ล้านโดสตามความต้องการของประเทศไทยทูตสเปนประจำกรุงเทพฯเอมมิโล เดอ มิเควล คาลาเบีย กล่าวในการให้สัมภาษณ์พิเศษบางกอกโพสต์
ทูตสเปนประจำประเทศไทย กล่าวว่าวัคซีนถือเป็นการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพราะสเปนได้ส่งให้ในไม่ช้าหลังจากรัฐบาลขอความช่วยเหลือ
“รัฐบาลไทยขอความช่วยเหลือจากเรา คุณรู้ไหมประเทศไทยกับสเปนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดต่อกัน ทันทีที่เราได้รับการร้องขอ เรารีบตรวจเช็ควัคซีนที่มีอยู่และกำหนดส่งมอบให้”
รัฐบาลไทยแจ้งว่าไม่ประสงค์รับบริจาคต้องการซื้อไม่ใช่ขอบริจาค ดังนั้น เราจึงขายให้ในราคาถูก คือประมาณ 2.9 ยูโรต่อโดส (ประมาณ 112 บาทไทยต่อโดส) ทูตกล่าว
คณะรัฐมนตรี(สเปน)ตัดสินใจจัด AZ ให้ 614,500 โดส ในเดือน ก.ย. วัคซีนลอตแรกมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 6 ต.ค. นอกจากนั้นรัฐบาลไทยขอซื้อ Pfizer จากสเปนอีก 2.7ล้านโดสด้วย แต่วันส่งมอบ Pfizer ยังไม่ได้กำหนดแน่นอน
“วัคซีนซึ่งมีกำหนดไว้ล่วงหน้าที่จะส่งมอบให้สเปน แทนที่จะส่งไปประเทศสเปนจะให้ส่งตรงมาประเทศไทยเลย” ทูตสเปนกล่าว
วันชาติสเปนตรงกับวันที่ 12 ตุลาคมทุกปี ซึ่งวันที่ชาวสเปนเฉลิมฉลองในนาทีสำคัญเมื่อนักเดินทางชาวอิตาเลี่ยน คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสย่างเท้าลงบนดินแดนอเมริกาและกล่าวว่าเป็นดินแดนของสเปน ทูตสเปนกล่าวว่าการรำลึกวันสำเร็จแห่งชาติสำคัญมาก
“ระลึกวันชาติเราถือว่าสำคัญมาก แต่ผมคิดว่าในศตวรรษที่ 21 เราต้องสำนึกว่าเรามีการเชื่อมโยงกันกับชาติอื่นๆ และในท้ายที่สุดการเชื่อมโยงของมนุษยชาติที่สำคัญคือการแสดงถึงความเป็นชาติที่เชื่อมโยงกัน ดังนั้น สเปนใช้ความสำนึกนี้แสดงออกต่อประเทศไทยในการฉลองวันชาติของเรา” ทูตกล่าว
ประเทศสเปนเป็นฟันเฟืองสำคัญตัวหนึ่งในการจัดหาแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโควิดตามโครงการ Covax และสเปนจัดหาแจกจ่ายวัคซีนให้ประเทศต่างๆ ได้ 30 ล้านโดส
โควิด-19 สอนให้เรารู้ว่าทุกอย่างเชื่อมโยงกัน มันเริ่มในประเทศจีนแต่ไปจบลงในทุกมุมโลก ทุกคนมีความกังวลเรื่องโควิด-19
เราไม่สามารถปลอดภัยจากโควิด-19 ได้ถ้าทุกคนในโลกนี้ไม่ปลอดภัย ด้วยความเข้าใจในสำนึกนี้ความสามัคคีร่วมใจกันทั่วโลกคือทางออกของการแก้ปัญหาการระบาดใหญ่...
“นี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดเรื่องวัคซีนการทูต แต่มันเป็นเวลาที่ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน”
ทูตสเปน กล่าวว่า เป็นเรื่องยากลำบากที่จะหาวัคซีนมาใช้ในประเทศไทย เพราะหลายประเทศได้จัดหาตามโควตาในโครงการ Covax ไปแล้ว
“เราต้องใช้ความพยายามอย่างมาก และเมื่อมีช่องทางเราประสานงานกับสถานทูตไทยในกรุงมาดริดจนสามารถทำข้อตกลงได้”
ทูตสเปน กล่าวว่า “บางคนยังมีความกังวลถึงประสิทธิภาพของวัคซีน ในขณะที่สื่อบางสำนักได้รายงานว่า AZ ที่เราส่งมาให้หมดอายุวันที่31 ต.ค. และภายหลังสถานทูตยืนยันวันหมดอายุดังกล่าว แต่ขอเน้นว่าวัคซีนยังมีประสิทธิภาพ 100% #ไม่มีการเมืองหรือแรงจูงใจทางเศรษฐกิจอยู่เบื้องหลังของวัคซีน”# ทูตกล่าว
“ประเทศส่วนใหญ่รู้ดีว่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้ดีที่สุด ดังนั้น การฉีดวัคซีนไม่มีประเทศไหนใช้วัคซีนที่เขาไม่มั่นใจ”
ทูตสเปนกล่าวและเสริมว่า “เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเชื่อมั่นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในบ้านเมืองพวกเขา ที่มั่นใจว่าวัคซีนใช้ได้มีประสิทธิภาพวัคซีนที่ฉีดแล้วสามารถช่วยลดอาการป่วยรุนแรงช่วยให้ผู้คนพ้นจากห้องไอซียู อย่างไรก็ตามมันขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นนั้นๆ ว่าจะใช้วัคซีนเมื่อไหร่วันไหน”
ผู้เขียนเข้าใจว่าที่ทูตสเปนให้สัมภาษณ์บางกอกโพสต์ถึงความปรารถนาดีแก่ประเทศไทยยืดยาว ส่วนหนึ่งอาจมาจากที่สื่อบางสำนักเสนอข่าวว่าวัคซีน AZ ที่ส่งมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 6 ต.ค. หมดอายุวันที่ 31 ต.ค.
ถ้าเป็นเหตุผลนั้นจริงทั้งท่านทูตสเปนและผู้ที่ได้รับวัคซีนชุดนั้นไม่ต้องมีความกังวลใดๆ เพราะ ปัจจุบันประเทศไทยฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้ 700,000 ถึงหนึ่งล้านโดสต่อวัน
วัคซีนลอตนั้น 614,500 โดส มาถึงวันที่6 ต.ค ใช้เวลาตรวจสอบของศูนย์วัคซีนแห่งชาติและอย. ไม่เกิน 5 วัน ดังนั้น วัคซีนลอตนั้นถ้าหมดอายุวันที่ 31 ต.ค. จริง ก็คงเข้าไปอยู่ในแขนของคนไทยอย่างน้อยสองอาทิตย์ก่อนถึงวันหมดอายุสรุปคือวัคซีนที่สเปนขายให้ในราคาถูกเพื่อฉลองวันชาติของดินแดนกระทิงดุนั้นมีประสิทธิภาพ 100%
กรณีนี้เป็นบทเรียนให้สื่อบางสำนักที่ติดในหลุมดำของความคิดที่คอยจับผิด ชอบดราม่าเสนอแต่ในแง่ลบโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติและความปรารถนาดีของมิตรประเทศที่ช่วยเหลือเกื้อกูลประเทศไทย
สื่อดราม่าต้องสำเหนียกด้วยว่าวันนี้หลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยกำลังเร่งจัดหาและฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ฉีดให้ประชาชนให้ได้ 70% ของประชากรทั่วประเทศในระดับที่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ตั้งเกณฑ์ไว้ว่าเป็นจุดหมายที่ป้องกันหมู่หรือ Herd Immunity ได้ และประเทศไทยใกล้ถึงจุดนั้นแล้วเพราะสถานการณ์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ณ วันที่ 1 พ.ย. 2564 ซึ่งถือเป็นวันดีเดย์เปิดประเทศหลังปิดมาเกือบสองปีอยู่ที่ 75,389,558 คน ในจำนวนฉีดได้รับวัคซีนป้องกันโควิดเข็มแรก 42,247,135 คน เข็มสอง 30,743,399 คนและเข็มสามหรือ Booster 2,399,024 คนจึงนับได้ว่าประเทศไทยใกล้ถึงจุดป้องกันหมู่ (Herd Immunity) เต็มทีแล้ว
และบัดนี้ประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำจาก 61 ประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และ อื่นๆ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2564
สื่อมวลชนที่มีจิตวิญญาณของความเป็นไทย และมีจรรยาบรรณมีความเป็นมืออาชีพควรเสนอข่าวตรงไปตรงมา ไม่จำเป็นต้องเชียร์รัฐบาลที่สำคัญคืออย่าบิดเบือนดราม่าเอาแต่ด่าประเทศไทย
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี