วันเสาร์ ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
การเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบระบบการปกครองต่างๆ ที่เริ่มต้นมาหลายปีแล้ว และเปิดตัวชัดเจนขึ้นในการชุมนุมที่ธรรมศาสตร์รังสิต โดยเปิดตัวแกนนำ 10 คน พร้อมข้อเสนอ 10 ข้อจากนั้นการเคลื่อนไหวของขบวนการดังกล่าวก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การเคลื่อนไหวทั้งหลายนั้นปรากฏว่ามีการแบ่งแยกกลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ หลายกลุ่ม แต่ที่น่าสนใจคือการชุมนุมแต่ละกลุ่มนั้นก็จะมีแกนนำ10 คน แบ่งกันเป็นผู้นำกลุ่มหรือเป็นทีมงานในกลุ่มอยู่ด้วยเสมอ
ส่วนข้อเรียกร้องต่างๆ นั้นก็ขยายผลออกไปจากข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ซึ่งไปแตกหน่อแตกกอกันไปตามสภาพที่ทำได้ จนกระทั่งนำไปสู่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่ามีขบวนการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และศาลมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้ง 3 คนหยุดการกระทำนั้น
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจึงมีผลทางกฎหมายว่าการกระทำที่ปรากฏโดยผู้ถูกร้องทั้ง 3 คน และพรรคพวกทั้งหลาย ซึ่งศาลระบุว่าดำเนินการเป็นเครือข่าย มีการประสานงานกันเป็นระบบ มีความผิดทางอาญาฐานกบฏในราชอาณาจักร ซึ่งมีโทษอุกฉกรรจ์ถึงขั้นประหารชีวิตและมีความรับผิดทางการเมืองด้วย
ความรับผิดทางการเมืองคือพรรคการเมืองหรือนักการเมืองใดถ้าเข้าร่วมขบวนการนี้ก็ต้องถูกยุบพรรคหรือถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง ซึ่ง กกต. กำลังดำเนินการไต่สวนอยู่
ส่วนความรับผิดทางอาญานั้น นอกจากผู้ถูกร้องทั้ง 3 คน ซึ่งเป็นคู่ความในคดีที่ถูกร้องนั้นที่จะต้องถูกดำเนินคดีโดยตรงแล้ว ผู้เข้าร่วมกระทำการและผู้สนับสนุนการกระทำนั้นก็ต้องรับผิดด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะต้องดำเนินคดีให้เป็นไปตามกฎหมาย
และเป็นหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงของนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการการตำรวจ และในฐานะผู้กำกับสั่งราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และมีหน้าที่รับผิดชอบตามกฎหมายบริหารราชการแผ่นดินอีกสถานหนึ่ง ที่จะต้องสั่งการให้มีการดำเนินการหรือยกเลิกหรือแก้ไขหากมีการกระทำใดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือเกิดความเสียหายขึ้น
ขณะนี้มีเสียงเรียกร้องจากทุกวงการให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินคดีกับผู้ต้องรับผิดดังกล่าว แต่ถึงวันนี้ก็ยังไม่ปรากฏว่าได้มีการดำเนินการหรือมีการสั่งการใดๆ
ให้เป็นไปตามควรแก่กรณี โดยนัยที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยนั้น
ถ้าหากเวลาล่วงเลยไปพอสมควรแล้ว ประชาชนคนใดคนหนึ่งอาจจะร้องต่อ ป.ป.ช. และ กกต. ให้ทำการตรวจสอบไต่สวนผู้มีหน้าที่รับผิดชอบทั้งในส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีได้
ในขณะเดียวกัน ผู้ตรวจการแผ่นดินก็มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องตรวจสอบและดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เพื่อให้การแผ่นดินเป็นไปตามที่ถูกที่ควร ซึ่งถึงวันนี้ก็ไม่มีข่าวคราวว่าผู้ตรวจการแผ่นดินได้ดำเนินการประการใดบ้าง ทำให้เกิดเสียงตำหนิติเตียนไม่ขาดระยะ
ผลจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญทำให้เกิดการระดมการเข้าชื่อกันเพื่อเสนอร่างกฎหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ในหลายประการซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นกระบวนการ ทั้งในทางการเมืองที่ก่อให้เกิดความแตกแยกขึ้นในบ้านเมืองและในทางการเมืองเพิ่มขึ้นโดยมีเนื้อหาที่จะรื้อระบอบและระบบต่างๆ ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้
การนำเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นการกระทำโดยชอบตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ ดังนั้นในประการนี้จึงตำหนิติเตียนบรรดาผู้เข้าชื่อและบรรดาผู้เกี่ยวข้องในการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้ เพราะนี่ก็เป็นการปฏิบัติหน้าที่อย่างหนึ่งตามรัฐธรรมนูญ ในประการนี้ต้องถือว่าการเข้าชื่อและการนำเสนอร่างกฎหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเป็นสิทธิโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
ซึ่งรัฐสภามีอำนาจที่จะพิจารณารับหลักการ หรือไม่รับหลักการ หรือเห็นชอบในการแก้ไขหรือไม่ก็ได้ ซึ่งผลเป็นอย่างไรก็คงรู้กันดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงอีก
การกล่าวหาว่าร้ายต่อการนำเสนอหรือข้ออภิปรายต่างๆ เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าว เป็นการกระทำที่ใจคอคับแคบและไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งเป็นข้อที่ควรต้องสังวรไว้โดยเฉพาะสมาชิกวุฒิสภานั้นก็ควรจะสำเหนียกไว้ว่าวุฒิสภาชุดนี้ไม่เหมือนวุฒิสภาปกติ เพราะเป็นวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. เป็นวุฒิสภาที่มีขึ้นเพื่อกำหนดตัวนายกรัฐมนตรี และเป็นผลให้มีการสืบทอดอำนาจ ซึ่งเป็นเหตุการณ์วิปริตผิดเพี้ยนในกระบวนการรัฐธรรมนูญทั้งหลายที่มีมาในโลก
เป็นผลให้การสรรหากรรมการองค์กรอิสระต่างๆ รวมทั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และการดำรงตำแหน่งสำคัญต้องผ่านการพิจารณาเห็นชอบของวุฒิสภา ซึ่งยิ่งแสดงท่าทีเป็นสมุนบริวารให้กับ คสช. มากเท่าใดก็มีแต่ความเสื่อมมากเท่านั้น นี่ก็เป็นจุดที่เป็นปัญหาที่ผู้คนในระบอบประชาธิปไตยไม่อาจยอมรับได้ จึงอย่าได้ทะนงตนว่าเป็นวุฒิสภาในระบอบประชาธิปไตยปกติเป็นอันขาด และถ้าได้สังวรเช่นนั้นแล้วก็อาจทำให้ความรุนแรงหรือความขัดแย้งต่างๆ บรรเทาเบาบางลงก็ได้
ในการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ได้มีการสรุปว่าการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญเป็นไปเพื่อการรื้อถอนระบอบระบบต่างๆ และเป็นการตั้งระบอบใหม่ขึ้นมาคือ “ระบอบปิยบุตร” ซึ่งคุณปิยบุตร แสงกนกกุล ก็จะต้องสังวรสำเหนียกไว้ด้วยเช่นเดียวกันว่าการกระทำที่คุณปิยบุตรแสงกนกกุล ออกหน้านำมาโดยลำดับนั้น ประชาชนเหล่าอื่นเขามองว่าอย่างไร หากไม่สำเหนียกสังวรก็ไม่อาจเรียกตนเองได้ว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยได้เช่นเดียวกัน

‘BNK48’ ถ่ายทอดมุมแอบรัก ผ่าน ‘คำสารภาพที่ไม่คาดฝัน’ ‘แจนรี่’ เซ็นเตอร์เพลงหลักครั้งแรก!
PEAKSayaa! เสิร์ฟพลังบวกและรอยยิ้ม ผ่านซิงเกิลใหม่ ‘อิจิโกะ อิจิเอะ’
Hell’s Kitchen สุดเดือด!!เปิดเกมจำกัดจุดอ่อน เชฟ 12 คน..หนาวๆร้อนๆชีวิตเหมือนยืนปากเหว
‘โอ๊ต สิทธิพงษ์’ ปล่อยเพลงใหม่ 'ป่องเอี้ยมหัวใจ' ผลงานแต่งโดย ต้าร์ ตจว.
‘ลำเพลิน วงศกร’ เปิดใจถึงชีวิตที่เคยติดลบ เคยสูญเสียคนที่รักในวันที่ฝันกำลังจะเป็นจริง!

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี