คนไทยจำนวนไม่น้อยเชื่อเอาเองเพราะเห็นว่าการเลือกตั้งคือยาวิเศษ เป็นแก้วสารพัดนึก จึงทำให้หลงเชื่อว่า เมื่อมีการเลือกตั้งแล้ว ก็ยืนยันได้ว่าบ้านเมืองของเรามีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ก็จึงไม่ใช่นักปกครอง หรือผู้ปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ขออภัยที่ผู้เขียนต้องขออนุญาตพูดตรงๆ ว่าใครก็ตามที่หลงใหลแล้วเชื่อว่าการเลือกตั้งคือสิ่งยืนยันความเป็นประชาธิปไตย คนจำพวกนั้นอาจไม่ใช่คนที่ฉลาดโดยแท้จริง ก็เป็นได้ สาเหตุที่บอกเช่นนี้เพราะ ต้องการจะบอกว่าอย่าลืมว่าในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบเผด็จการในระดับต่างๆ ตั้งแต่เผด็จการจัดๆ ไล่ไปจนถึงเผด็จการแบบอ่อนๆ ก็ยังเปิดให้มีการเลือกตั้ง ตัวอย่างเช่น รัสเซีย อิหร่าน เวียดนาม พม่า ลาว กัมพูชา มาเลเซีย เป็นต้น
แม้กระทั่งประเทศไทยเองก็มีการเลือกตั้งสส. เช่นกัน แต่การเลือกตั้งสส. ของไทยนั้น มีใครสักกี่คนที่กล้าเอาคอ หรือเอาหัวเป็นประกันได้บ้างว่า เป็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม ปราศจากการทุจริตในรูปแบบต่าง ทั้งทางตรงและทางอ้อม แต่ถึงแม้เกือบทุกคนจะรู้ดีว่าการเลือกตั้งสส. ของไทยไม่บริสุทธิ์เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังมีคนเรียกร้อง ร้องหาการเลือกตั้ง เพราะเห็นว่าดีกว่าการทำรัฐประหาร บางคนถึงกับบอกว่าปล่อยให้สส. โกง ยังดีกว่าปล่อยให้ทหารทำรัฐประหาร แล้วเข้ามาโกง
แต่สำหรับผู้เขียนแล้ว ยืนยันว่า ไม่ว่าจะได้เป็นสส. เพราะโกงแล้วเข้าไปกุมอำนาจรัฐ หรือทำรัฐประหารแล้วเข้าไปโกงบ้านกินเมืองหลังจากมีอำนาจรัฐ สองกลุ่มนี้ก็เลวทรามต่ำช้าและสามานย์ไม่ต่างกันเลย
มีคนบางกลุ่มบ้าหนักยิ่งกว่ากลุ่มใดๆ บนแผ่นดินไทย เพราะเสนอว่าหากจะมีกษัตริย์จริงๆก็ต้องเป็นกษัตริย์ที่มาจากการยอมรับของประชาชน เมื่อถามต่อไปว่า อะไรคือกษัตริย์ที่มาจากการยอมรับของประชาชน ก็มีเสียงตอบว่าก็ต้องมาจากการเลือกตั้งหรือลงมติของประชาชน เมื่อคนกลุ่มดังกล่าวตอบเช่นนี้ก็ทำให้ผู้เขียนถามกลับไปว่า ถ้าเช่นนั้นแล้ว ต้องมีการเลือกตั้งเพื่อหาสามี เพื่อให้สามีไปเป็นพ่อของลูกด้วยหรือไม่ หรือหากต้องการไปรักษากับแพทย์สักคนหนึ่งเมื่อคนกลุ่มดังกล่าวเกิดอาการเจ็บป่วย แบบนี้ต้องดูก่อนหรือไม่ว่าแพทย์รายนั้นได้ผ่านการเลือกตั้งของคนไข้มาก่อนหรือไม่
ผู้ที่เรียกร้องว่ากษัตริย์ต้องมาจากการเลือกตั้ง ให้เหตุผลว่าเพื่อให้กษัตริย์ทรงสามารถเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองได้ เมื่อเขาตอบมาแบบนี้ ผู้เขียนก็จึงถามกลับไปว่า ถ้าเช่นนั้นการจะเป็นประชาชนต้องผ่านการเลือกตั้งหรือไม่ เพราะเห็นว่าคนที่พูดนั้นบ้าคลั่งกับการเลือกตั้งมาจนเกินขนาด
ถามต่อไปว่าทำไมกษัตริย์จึงจะทรงเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองไม่ได้ คำตอบจากพวกเขาก็คือ เพราะกษัตริย์ต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง แล้วเมื่อถามต่อไปอีกว่า แล้วถ้าเช่นนั้น กษัตริย์จะต้องทรงมีพระราชสถานะเป็นแค่เพียงตรายางทางการเมืองให้กับนักการเมืองที่ยึดกุมอำนาจรัฐไว้ได้เท่านั้นหรือ
แนวคิดที่ว่ากษัตริย์ต้องวางพระองค์เป็นกลางทางการเมือง และต้องไม่ทรงมีบทบาทใดๆ ทางการเมืองเป็นแนวคิดต้องตั้งคำถามกลับว่า ถ้าเช่นนั้น กษัตริย์ก็ทรงเป็นแค่เพียงตรายางของนักการเมืองที่มีอำนาจรัฐ ใช่หรือไม่ และข้อถามต่อไปว่า คนไทยต้องการให้กษัตริย์ทรงมีพระราชสถานะเช่นนั้นหรือ
คำว่ากษัตริย์ต้องไม่ทรงยุ่งเกี่ยวกับการเมือง หมายความว่าอะไร ขอให้คนที่เรียกร้องเช่นนี้อธิบายให้ชัดด้วย หากกษัตริย์ทรงยุ่งและข้องเกี่ยวกับการเมืองไม่ได้
แล้วคนทั่วไปมีสิทธิ์ยุ่งและข้องเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่ หรือต้องให้นักการเมืองเท่านั้นจึงจะสามารถยุ่งและข้องเกี่ยวกับการเมืองได้ ตกลงคนในสังคมไทยต้องการเช่นนี้ ใช่หรือไม่
เป็นเรื่องน่าตลกที่คนไทยจำนวนหนึ่งออกมาเรียกร้องว่าต้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ แต่ในข้อเรียกร้องนั้นไม่มีข้อบ่งชี้ใดที่ทำให้สาธารณชนเห็นว่าตั้งใจปฏิรูป แต่เห็นแค่เพียงเจตนาล้มล้างโค่นทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ นอกจากนี้ยังพบว่ามีความจงใจหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์เป็นประจำอีกด้วย ซึ่งประเด็นเหล่านี้ถูกพบเห็นเป็นประจำ แม้ผู้แสดงการหมิ่นประมาทจะอ้างว่าไม่ได้กระทำการดังกล่าวก็ตาม แต่หลายคนก็สามารถรับรู้ได้ถึงเจตนาของผู้หมิ่นประมาทอย่างชัดเจน
มีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ชื่นชมสถาบันพระมหากษัตริย์ตั้งคำถามว่า เราจะจัดวางสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ตรงที่แห่งไหนในสังคมไทย เมื่อมีคำถามเช่นนี้ ก็มีคำถามกลับว่า แล้วทุกวันนี้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ตรงไหนของสังคมไทย แล้วที่อยู่ในปัจจุบันนั้นทำให้ใครได้รับความเดือดร้อนและเสียหาย กระนั้นหรือ แล้วเหตุใดจึงต้องปรับเปลี่ยนตำแหน่งของสถาบันพระมหากษัตริย์ในสังคมไทย
เช่นเดียวกับผู้ที่ต้องการล้มล้างมาตรา 112 ก็จะออกมาบอกว่าต้องยกเลิกมาตรานี้โดยทันที เนื่องจากเป็นตัวการสร้างปัญหาให้สังคมไทย คำถามก็คือ มาตรา 112 ทำให้ใครเดือดร้อน กระนั้นหรือ คนมากมายบนแผ่นดินไทยไม่เห็นจะเดือดร้อน หรือได้รับความเสียหายเพราะมาตรา 112 เลยแม้แต่น้อย ยกเว้นคนจำพวกที่ชอบแกว่งปากด่า วิจารณ์ ประณามหยามหมิ่นพระมหากษัตริย์เท่านั้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จึงทำให้มีคนจำนวนมากไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกมาตรา 112 แต่ขณะเดียวกันคนที่ต้องการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ยังพยายามเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 โดยบางคนก็อ้างไปว่า สถาบันพระมหากษัตริย์คือตัวปัญหาที่ทำให้สังคมเกิดความขัดแย้ง ทั้งๆที่ในความเป็นจริง ไม่มีใครเดือดร้อน หรือได้รับความเสียหายเพราะการมีสถาบันพระมหากษัตริย์ ยกเว้นคนที่ไม่เคารพ ไม่เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้น
กลุ่มคนที่พยายามล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ และล้มล้างมาตรา 112 อ้างเสมอว่า พระมหากษัตริย์ไทยไม่ทรงอยู่ใต้กฎหมาย และอ้างอีกว่ากษัตริย์ไทยทรงอยู่เหนือกฎหมาย ไม่ทรงเคารพกฎหมาย ซึ่งนับเป็นข้ออ้างที่ปราศจากข้อเท็จจริง เพราะไม่เคยมีหลักฐานใดๆ ที่ยืนยันได้ว่าพระมหากษัตริย์ไทยทรงประพฤติพระองค์ผิดหลักกฎหมายไทย
บางคนอ้างแบบแถไปอีกว่า ต้องการให้กษัตริย์ไทยเป็นแบบกษัตริย์อังกฤษ เพราะกษัตริย์อังกฤษทรงอยู่ใต้กฎหมาย บางคนอ้างไปถึงแมคนาคาร์ตา ของอังกฤษ โดยไม่เคยรู้มาก่อนว่าพระมหากษัตริย์ของไทยทรงยึดมั่นทั้งหลักกฎหมาย กฎศีลธรรม และหลักทศพิธราชธรรมอย่างเคร่งครัดเสมอมา
คนที่จงใจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยจะอ้างเสมอว่า กษัตริย์ไทยใช้พระราชอำนาจเกินขอบเขตกฎหมาย แต่คนที่มีความรู้จริง ก็แย้งกลับโดยพลันว่าไม่เคยมีแม้แต่ครั้งเดียวที่พระมหากษัตริย์ไทยจะทรงมีพระนิสัยดังกล่าว แต่จะเห็นว่าทรงเคร่งครัดกับการเคารพกฎหมายเสมอ
ขอยืนยันว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย มิใช่ตัวปัญหาของสังคมไทย แต่ตรงกันข้าม สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้นเป็นเสมือนเสาหลักของแผ่นดิน และยังเป็นศูนย์รวมจิตรวมใจของคนไทยผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแท้จริง เพราะพระมหากษัตริย์ไทยทรงปกเกล้าปกเกศพสกนิกรไทยให้มีความร่มเย็นเป็นสุขมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม วิญญูชนในประเทศไทยไม่ได้คัดค้านการเลือกตั้งที่มีความสะอาด บริสุทธิ์ และเที่ยงธรรม แต่ขณะเดียวกันก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า ประเทศไทยต้องมีการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขสูงสุดของประเทศ และมีคำยืนยันหนักแน่นจากคนที่เคารพ ศรัทธาในสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า ประเทศไทยต้องมีพระมหากษัตริย์อยู่คู่กับแผ่นดินนี้ตลอดไป และไม่ยอมให้ใครโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี