ความเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดมีมานานแล้ว ชนเผ่าแอสแทคโบราณเชื่อว่ากองกระดูกคนตายที่ชโลมด้วยเลือดจากอวัยวะเพศของเทพเควทซัลโคตส์ทำให้เกิดมนุษย์ฟื้นคืนชีพ ส่วนชาวอียิปต์โบราณเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย จนเก็บรักษาร่างกายไว้ในรูปมัมมี่ เพื่อฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง อินเดียนแดงหลายเผ่าในอเมริกาเหนือมีประเพณีมอบเครื่องรางที่ทำด้วยเส้นผมของญาติคนตายให้หญิงมีครรภ์ เพื่อให้คนตายกลับมาเกิดใหม่
ไม่ว่าจะผ่านมากี่พันปีก็ตาม คำถามเกี่ยวกับเรื่อง"ชีวิตภายหลังความตาย” ยังคงเป็นปริศนาของมนุษย์ทุกชาติและทุกศาสนานับตั้งแต่ครั้งโบราณจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
เมื่อปี ค.ศ.1980 หรือพ.ศ.2523 ชาวอังกฤษ 29 % ตอบแบบสอบถามของนิตยสารลอนดอน ไทมส์ว่าเชื่อเรื่องการระลึกชาติ อีกสองปีต่อมาคือในปี ค.ศ.1982 หรือพ.ศ.2525 หน่วยงานสำรวจความคิดเห็นของประชาชนชาวอเมริกันพบว่า ชาวอเมริกันทุกๆ 1 ใน 4 คนเชื่อว่าการระลึกชาติมีจริง โดยประชากรที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่าครึ่งหรือ 53 % เชื่อว่าการระลึกชาติมีจริง
กลุ่มบุคคลที่เชื่อเรื่องนี้นับถือศาสนาคริสต์โปรเตสแตนต์นิกายเมโธดิสต์ 26% นิกายคาทอลิก 25% และเป็นคริสต์โปรเตสแตนต์นิกายอื่น 21% ที่เหลือเป็นพวกที่นับถือศาสนาอื่นๆ
ที่น่าสนใจคือผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นแพทย์ 9% และเป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำจำนวน 8% ยอมรับว่า “การระลึกชาติได้มีจริง”
คณะศึกษาวิจัยนำผลการศึกษาวิจัยเรื่องนี้ไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เพื่อรักษาอาการทางจิตของเด็กหรือคนไข้ที่เป็นโรคกลัว (Phobias) เช่น กลัวน้ำ กลัวการนั่งเรือ กลัวที่แคบ ผลจากการศึกษาวิจัยพบว่า บางกรณีเกิดจากความทรงจำเลวร้ายในอดีตชาติ ที่ยังฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก เช่น ในอดีตชาติเคยตกน้ำตายหรือตายเพราะเรือล่ม เมื่อเกิดมาในชาตินี้ จึงกลัวน้ำกลัวการนั่งเรือ
มีการนำเรื่องการระลึกชาติบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรมากมาย เพราะเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นทั่วโลก ดร.ไบรอัน เวสส์ เปิดเผยเรื่องราวของการระลึกชาติของคนไข้ชื่อแคทเธอรีนว่า ระหว่างขั้นตอนการสะกดจิตระลึกชาติ แคทเธอรีนทำให้หมอต้องช็อกเมื่อเธอบอกว่า
"พ่อของคุณอยู่ที่นี่แล้ว พร้อมกับลูกชายของคุณ เด็กเล็ก ๆ คนนั้น พ่อบอกว่าคุณรู้จักเขา เพราะเขาชื่อว่า เอฟรอม ชื่อลูกสาวของคุณก็มาจากปู่ พ่อของคุณเสียชีวิตเพราะโรคหัวใจ ลูกชายของคุณก็มีปัญหาที่หัวใจเช่นกัน"
ดร.ไบรอัน ตกใจมากที่แคทเธอรีนรู้เรื่องราวในชีวิตส่วนตัวของตนเอง ทุกอย่างเป็นความจริงตามที่พูดมาทั้งหมด ลูกชายของไบรอันจากโลกไปในวัย 23 ปี เนื่องจากความผิดปกติที่หัวใจ นอกจากนี้ เอลวิน พ่อของเขามีชื่อเป็นภาษาฮีบรูว่า เอฟรอม ด้วย ขณะที่เอมี่ ลูกสาวได้รับชื่อมาจากปู่จริง ๆ
ปี พ.ศ. 2535 จอห์น แมคคอนเนลถูกยิง 6 นัดจนตาย โดยทิ้งทายาทคือลูกสาวชื่อดอรีน จากนั้นปี พ.ศ. 2540 ดอรีนให้กำเนิดลูกชายชื่อวิลเลียม เธอพบว่าลูกชายมีอาการลิ้นหัวใจพัลโมนารีตีบ และหัวใจห้องล่างขวาพิการ อาการของวิลเลียมดีขึ้นหลังจากการผ่าตัดหลายครั้ง น่าแปลกที่อาการของวิลเลียมเกิดขึ้นในตำแหน่งที่จอห์นถูกยิงไม่มีผิด วันหนึ่งขณะที่ดอรีนจะลงโทษวิลเลียม เด็กน้อยวิลเลียมพูดว่า
"ตอนที่ลูกยังเป็นเด็กและพ่อเป็นพ่อของลูก ลูกก็ทำตัวไม่น่ารักหลายครั้ง แต่พ่อไม่เคยตีลูกเลยนะ"
แถมวิลเลียมยังเคยถามดอรีนถึงแมวที่เธอเคยเลี้ยงตอนเป็นเด็กด้วย โดยวิลเลียมเรียกชื่อแมวตัวนั้นว่า บอส อันเป็นชื่อที่จอห์นเรียกมัน วิลเลียมสามารถระบุวันเกิดและวันตายของจอห์นได้ถูกต้องด้วย
โรบิน ฮูลล์ เด็กชายที่มักจะพูดภาษาประหลาดที่แม่ฟังไม่รู้เรื่อง แม่ติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาเอเชียมาตรวจสอบ พบว่าภาษาที่เด็กชายพูดเป็นภาษาถิ่นทางตอนเหนือของทิเบต ก่อนหน้านั้นโรบินเคยบอกว่าอยากเรียนในวัด อันเป็นสถานที่ที่สอนภาษาดังกล่าวให้ทั้งที่ในความจริงแล้วเด็กชายไม่ได้อยู่ในวัยเรียนและไม่เคยแม้แต่จะก้าวเท้าเข้าห้องเรียนด้วยซ้ำ ผู้เชี่ยวชาญคนดังกล่าวเดินทางไปเทือกเขาคุนหลุน เพื่อค้นหาอารามตามที่โรบินเอ่ยอ้าง พบว่ามีสถานที่แห่งนั้นอยู่จริงตามคำพูดของเด็กชาย
บางพื้นที่ของเอเซียรวมทั้งในเมืองไทยมีประเพณีทำสัญลักษณ์ไว้บนร่างกายของญาติที่เสียชีวิต โดยมักจะใช้เขม่าวาดเป็นสัญลักษณ์ไว้ โดยหวังว่าสัญลักษณ์ดังกล่าวจะนำวิญญาณของผู้ตายให้กลับมาเกิดใหม่ในครอบครัวอีกครั้ง เชื่อว่ารอยเขม่ากลายปานและเป็นหลักฐานว่าวิญญาณกลับมาเกิดใหม่
ปี พ.ศ. 2555 จิม ทัคเกอร์ จิตแพทย์จากมหาวิทยาลัยแพทย์ของรัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐฯ และเจอร์เกน เกล นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยแทสเมเนีย ตีพิมพ์รายงานลงวารสารทางการแพทย์ระบุถึงการศึกษาครอบครัวหนึ่ง เด็กเกิดมาพร้อมกับปานและมีความเชื่อมโยงกับญาติผู้ใหญ่ที่ล่วงลับ เด็กคนดังกล่าวคือ K.H. จากประเทศพม่า มีปานอยู่ที่แขนซ้าย จุดเดียวกับที่คุณตาถูกเขม่าป้ายไว้ตอนเสียชีวิต
ตาของ K.H. เสียชีวิตก่อนเด็กคนนี้เกิด 11 เดือน เมื่อ K.H. มีอายุ 2 ขวบ กลับเรียกชื่อยายด้วยชื่อที่มีเพียงตาใช้เรียก ต่างจากคนอื่น ๆ ในครอบครัว นอกจากนี้แม่ของ K.H. เคยฝันด้วยว่าพ่อของเธอมาเข้าฝันแล้วบอกว่าอยากมาอยู่ด้วย ดังนั้นเธอจึงคิดว่า K.H. คือพ่อที่กลับชาติมาเกิดจริง ๆ
แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานเพียงใดก็ตาม ปริศนาแห่งชาติที่แล้วและชาติหน้ายังคงเป็นเรื่องที่หาข้อสรุปไม่ได้ชัดเจน แม้ในปัจจุบันมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มารองรับ “ความน่าจะเป็น” ของการกลับชาติมาเกิดก็ตาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี