แม้คนในฝั่งรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมถึงตัวของนายกรัฐมนตรี มักจะอ้างเสมอๆ ว่า นายกรัฐมนตรีไม่ประกาศยุบสภา เพราะไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น เนื่องจากไม่มีความขัดแย้ง(อย่างรุนแรง) ในพรรคร่วมรัฐบาล แต่ทว่า นั่นก็เป็นเพียงลมปากของนักการเมืองเท่านั้น เพราะนักการเมืองไทยส่วนมากไม่เคยพูดความจริงกับประชาชน และไม่เคยยอมรับความจริงกับตัวเอง
หากจะว่ากันตามความจริงแล้ว รัฐบาลชุดนี้ยังมีเวลาที่จะบริหารประเทศได้อีกประมาณ 1 ปีเศษ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนยุบสภา เพราะการยุบสภาคือการยอมสละอำนาจรัฐที่รัฐบาลยึดกุมอยู่ในกำมือ และการที่นักการเมืองไร้อำนาจรัฐก็เท่ากับการไร้สิ้นและปราศจากผลประโยชน์ไปโดยปริยาย เนื่องจากอำนาจรัฐนำมาซึ่งผลประโยชน์มหาศาล
รัฐบาลตระหนักดีว่า ในยามนี้รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2546 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ ลงมาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งกฎหมายตามรัฐธรรมนูญก็จะมีผลบังคับใช้ โดยมีกระบวนการต่อไปคือรัฐสภาต้องเตรียมการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และว่าด้วยการเลือกตั้ง เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับที่แก้ไขเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ รัฐบาลหรือสส. จะต้องนำเสนอเรื่องนี้ต่อรัฐสภา เพื่อพิจารณาภายในเดือนธันวาคมปีนี้ หรืออย่างช้าที่สุดก็ต้องภายในเดือนมกราคม 2565 ดังนั้น ประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ นับจากวันนี้เป็นต้นไปหากเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงในพรรคร่วมรัฐบาล จนเป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรีต้องประกาศยุบสภา จะเกิดปัญหาใดตามมาหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญหลักมีผลบังคับใช้แล้ว แต่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญยังไม่สำเร็จเรียบร้อย
ปมปัญหาใหญ่คือ เรื่องบัตรเลือกตั้งสองใบที่ผ่านรัฐธรรมนูญแล้ว แต่ประเด็นนี้ยังไม่ผ่านกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ดังนั้น หากเกิดการยุบสภาจริงๆ จะเอาอย่างไรกับเรื่องบัตรเลือกตั้งสองใบ เรื่องนี้ยิ่งคิดยิ่งน่าหาคำตอบ เพราะทุกอย่างยังไม่มีความชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องยอมรับความจริงประการหนึ่งคือ ก่อนที่รัฐบาลนี้จะครบวาระการบริหารประเทศ นายกรัฐมนตรีก็ยังมีอำนาจประกาศยุบสภาได้ หากจำเป็นต้องประกาศ หรือเป็นการประกาศเพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมือง เพื่อให้รัฐบาลเดิมสามารถกลับมายึดกุมอำนาจรัฐในวาระต่อไป
ทุกวันนี้ ทุกคนที่ติดตามการเมืองไทยต่างรู้ดีว่ามีความไม่ลงตัว ไม่ลงรอยกันหลายประการในพรรคร่วมรัฐบาลแม้กระทั่งภายในพรรคพลังประชารัฐเองก็เกิดความระหองระแหงกันตลอดเวลา แม้นายกรัฐมนตรีจะอ้างว่าไม่มีความขัดแย้งใดๆ ก็ตาม แต่ความจริงที่รัฐบาลปิดบังซ่อนเร้นไม่ได้ คือ มีความขัดแย้งและแตกแยกภายในรัฐบาลหลายเรื่องหลายราว ซึ่งบางเรื่องก็ไม่น่าจะหาทางออกได้โดยง่าย ดังนั้นวาทะที่รัฐบาลพยายามบอกว่ารัฐบาลไม่มีความขัดแย้งใดๆ จึงเป็นเพียงคำปลอบใจตัวเองของรัฐบาล ซึ่งการพูดว่าไม่มีความขัดแย้ง ทั้งๆ ที่มีความขัดแย้งดำรงอยู่ ไม่ช่วยให้เกิดความสมานฉันท์ในฝั่งรัฐบาล
เพราะฉะนั้น จึงต้องไม่ลืมความจริงว่า หากความขัดแย้งทางการเมืองลุกลามบานปลายจนไม่สามารถหาทางประสานรอยร้าวภายในพรรคร่วมรัฐบาล หรือแม้กระทั่งภายในพรรคแกนนำรัฐบาล อย่างพลังประชารัฐได้แล้ว ก็ต้องไม่ลืมว่านายกรัฐมนตรียังมีอำนาจประกาศยุบสภาได้ทุกเมื่อ หรือแม้กระทั่งในกรณีที่นายกรัฐมนตรีเห็นชัดแล้วว่า หากตนเองมีความได้เปรียบทางการเมือง สามารถทำคะแนนนิยมทางการเมืองได้สูงมากๆ ก็อาจจะประกาศยุบสภาโดยกะทันหันก็ได้
ดังนั้น การที่รัฐบาลและตัวของนายกรัฐมนตรีประกาศตลอดเวลาว่าไม่ยุบสภา ไม่ยุบสภา ก็เป็นเพียงวาทะทางการเมืองเท่านั้น เพราะหากจำเป็นต้องยุบสภาจริงๆนายกรัฐมนตรีก็มีอำนาจประกาศยุบสภาได้ตลอดเวลาเพราะฉะนั้นอย่าหลงเชื่อว่าจะไม่มีการยุบสภาในอนาคต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี