นายกรัฐมนตรีล่องใต้คราวนี้เป็นข่าวฮือฮาเกี่ยวกับกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้พูดจากับชาวบ้านแนะนำให้ทำอาชีพเสริมเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้วยการเลี้ยงไก่และเลี้ยงปูทะเล แต่ก็มีคนบางพวกหยิบฉวยเอาบางตอนมาเยาะเย้ยถากถางให้เกิดการดูถูกดูแคลน จึงทำให้ประโยชน์ทั้งหลายที่นายกรัฐมนตรีได้พูดในครั้งนี้มลายหายไปอย่างน่าเสียดาย
ก็ต้องเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีนั้นก็เป็นคนธรรมดา บางเวลาก็มีอารมณ์ดี บางเวลาก็มีอารมณ์บูดและมักจะมีอารมณ์ดีเมื่ออยู่ในท่ามกลางพี่น้องประชาชน และเมื่อมีอารมณ์ดีแล้วก็มักจะปล่อยใจปล่อยตัวไม่คำนึงถึงถ้อยคำที่อาจจะถูกหยิบฉวยเอาไปบิดเบี้ยวให้เกิดความเสียหาย ดังที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
นายกรัฐมนตรีลงใต้ครั้งนี้ได้พบปะกับประชาชนคนยากคนจนชาวบ้านธรรมดาซึ่งพากันมาต้อนรับ ดังนั้นก็เป็นวิสัยนักการเมืองที่จะมีอารมณ์เบิกบานแจ่มใสอารมณ์ดีจึงพูดจาประสาชาวบ้านอย่างเป็นกันเองซึ่งเป็นการพูดในลักษณะทั่วไป เฉพาะที่เฉพาะถิ่น ไม่ได้หมายความว่าจะแนะนำบังคับให้คนไทยทั้งประเทศต้องเลี้ยงไก่หรือเลี้ยงปูทะเล
ดังนั้นจึงต้องเข้าใจบริบทการพูดดังกล่าวเสียก่อนก็จะเห็นประโยชน์และได้รับประโยชน์จากการออกไปพบปะประชาชนของนายกรัฐมนตรีได้
ก็เป็นธรรมดาของชาวบ้านในพื้นที่ชนบทที่แต่ก่อนร่อนชะไรมาก็มักจะเลี้ยงวัว เลี้ยงหมู เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ ด้านหนึ่งก็เพื่อลดรายจ่าย ถ้าเหลือกินเหลือใช้ก็ขายเป็นรายได้ แต่มาระยะหลายปีมานี้บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไป ชาวบ้านเลิกเลี้ยงสัตว์เหล่านี้ หันไปปลูกพืชเชิงเดี่ยวบ้าง หันไปรับจ้างเป็นครั้งคราวบ้างจึงทำให้รายได้จำกัดจำเขี่ย
นายกรัฐมนตรีไปพบปะประชาชนและพูดจาคราวนี้ก็เห็นเจตนาได้ชัดเจนว่าต้องการจะให้พี่น้องประชาชนในชนบทได้ฟื้นคืนวิถีชีวิตแบบเก่าในยามที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตทางเศรษฐกิจ และทุกผู้คนได้รับผลกระทบโดยทั่วกัน นั่นก็คือการพึ่งตนเองตามวิถีชีวิตดั้งเดิม นี่น่าจะเป็นบริบทที่แท้จริงที่นายกรัฐมนตรีต้องการจะพูด
สำหรับการเลี้ยงไก่นั้นความจริงถ้าทุกครอบครัวในชนบทเลี้ยงไก่ได้ก็มีแต่จะเป็นผลดี เพราะทุกบ้านเรือนก็มีเศษอาหารที่พอจะเลี้ยงไก่ได้ เว้นแต่จะเลี้ยงไก่เพื่อขายเป็นอาชีพก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ที่นายกรัฐมนตรีแนะนำให้เลี้ยง 2 ตัวนั้นก็อยู่ในบริบทที่เลี้ยงแต่พอสมควร ไม่เป็น
ภาระรายจ่ายต้องไปซื้อหาอาหารไก่มาเลี้ยงไก่ เมื่อไก่โตขึ้นมีไข่ก็ใช้บริโภคในครัวเรือนไป ส่วนจะเลี้ยงกี่ตัวเพื่อให้มีไข่พอกินโดยไม่กระทบต่อการต้องไปซื้อหาอาหารชาวบ้านเขาก็ย่อมคิดเป็น เมื่อพ้นวัยไก่ไข่แล้วก็จำเป็นจะต้องขายหรือทำเป็นอาหาร นี่ก็เป็นวิถีชีวิตปกติที่เป็นมาช้านานแล้ว การกระตุ้นเตือนในสภาพเช่นนี้จึงควรแก่การ
สำหรับคำแนะนำให้เลี้ยงปูนั้นเป็นเรื่องที่คอลัมน์นี้เคยพูดเรื่องปูมานับครั้งไม่ถ้วน แต่หามีผู้ใดใส่ใจไม่ การที่นายกรัฐมนตรียกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดจึงต้องด้วยใจยิ่งนัก และขอผสมโรงให้เป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น
ประเทศไทยของเรานี้มีปูหลายชนิด แต่ปูที่นิยมกินกันก็มีปูแสม ปูม้า ปูทะเล และปูนา ซึ่งขณะนี้ปูนาได้เป็นอุตสาหกรรมครอบครัวที่เลี้ยงกันทั่วและสร้างรายได้ให้แก่ผู้คนเป็นเรื่องเป็นราวอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องกล่าวในที่นี้
สำหรับปูแสมนั้นเป็นเวรกรรมของคนไทยที่เราเอาแต่จับเอาแต่กินไม่คิดถึงการเปิดโอกาสให้ปูแสมขยายพันธุ์ ดังนั้น คนไทยจึงกินปูแสมในประเทศไทยหมดทั้งประเทศ เหลืออยู่เพียงประปรายเท่านั้น หนักเข้าก็ต้องไปซื้อปูแสมจากเขมร พม่า เวียดนาม อินเดีย และกินไปถึงแอฟริกา จนปูแสมร่อยหรอลงแทบจะหาทำส้มตำไม่ได้แล้ว ดังนั้น เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่กรมประมงจะต้องหาทางคิดอ่านฟื้นฟูก็จะเป็นการดี
สำหรับปูทะเลนั้นเป็นปูที่อร่อยที่สุดในโลก และปูทะเลไทยก็มีคุณภาพสูง ราคาแพง กิโลกรัมละประมาณพันบาทแต่เราก็กินกันไม่บันยะบันยัง กินกันจนเกือบหมดทั้งประเทศจนต้องไปซื้อหามาจากพม่า เวียดนาม บังกลาเทศ จนกระทั่งเวียดนามได้พัฒนาการเพาะเลี้ยงปูทะเลเป็นล่ำเป็นสัน และประเทศไทยเราก็เอาตามบ้าง แต่ทำกันไม่จริงไม่จัง
และประเทศไทยก็มีแหล่งเลี้ยงปูทะเลที่ดีที่สุดอยู่ที่สุราษฎร์ธานี ปากแม่น้ำบ้านดอน ซึ่งน้ำจากภูเขาไหลมาปะทะกับน้ำทะเล มีอาหารที่อุดมสมบูรณ์ ปูที่นี่จึงเป็นเลิศของโลก นอกจากนั้นก็มีบ้างในภาคตะวันออก แต่ก็เลี้ยงกันไม่พอกิน ต้องพึ่งปูทะเลเวียดนามและต่างประเทศ จึงเป็นเรื่องที่กรมประมงก็ควรจะคิดอ่านทำการเรื่องนี้ให้ตลอดรอดฝั่งก็จะเป็นอาชีพที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับประชาชน
สำหรับปูม้านั้นทั่วโลกเขาเรียกกันว่า Blue crab ซึ่งทั้งโลกนี้ปูม้าของไทยจากอ่าวไทยจัดว่าเป็นปูที่มีรสชาติที่อร่อยที่สุดของโลก ทำเป็นปูกระป๋องส่งไปขายราคาดีทั่วโลก แต่คนไทยก็กินปูกันจนหมดอ่าวไทย ทว่าปูม้านั้นแม้หมดอ่าวไทยแล้วพอคลื่นใหญ่ลมแรงเข้าเมื่อใดลูกพันธุ์ปูทั้งหลายจากมหาสมุทรและทะเลใหญ่ก็มาเจริญเติบโตในอ่าวไทยให้คนไทยได้กินใช้กันไม่ขัดสน
พี่น้องชาวประมงในภาคใต้ที่คุ้นเคยกับปูม้าก็ทดลองตั้งฟาร์มเลี้ยงปูม้ากันแล้วสร้างรายได้เป็นล่ำเป็นสัน ซึ่งกรมประมงก็ส่งเสริมในเรื่องนี้ แต่พลังในการส่งเสริมนั้นยังน้อยนัก ก็แลเมื่อปูม้าไทยเป็นที่ต้องการทั่วโลก เพาะเลี้ยงผลิตเท่าใดก็ไม่พอ ก็ควรจะส่งเสริมให้จัดทำเป็นอุตสาหกรรมฟาร์มปูม้าให้ชาวบ้านได้เลี้ยงกันสองฝั่งทะเลก็มีแต่จะเป็นประโยชน์ยิ่ง
นายกรัฐมนตรีพูดเรื่องนี้แล้วและถูกคนเยาะเย้ยถากถางแล้ว ก็อย่าให้ถูกเยาะเย้ยถากถางเปล่าควรที่จะแปรคำเยาะเย้ยถากถางนั้นให้เป็นจริงเป็นจังให้เป็นการสร้างอุตสาหกรรมอาหารทะเลและส่งเสริมกันให้เป็นเรื่องเป็นราว สักวันหนึ่งก็จะปรากฏผลสำเร็จที่จะจารึกไปในประวัติศาสตร์ของชาติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี