แม้จะยังไม่ประกาศวันเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แต่พรรคการเมืองทั้งใหญ่และเล็กต่างก็เตรียมตัวสู้ศึกการเลือกตั้งนี้อย่างเต็มกำลัง โดยไม่มีใครยอมใคร เนื่องจากผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร จะเป็นเสมือนเครื่องชี้วัดอนาคตการเมืองของพรรคการเมืองได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะกรุงเทพฯ ถูกเปรียบเสมือนว่าเป็นประเทศไทย ดังนั้นใครก็ตามที่ชนะการเลือกตั้งในกรุงเทพฯ ก็ย่อมได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้กำหนดนโยบายสำคัญให้กับเมืองหลวงของประเทศไทย
ล่าสุดนี้ คนที่ติดตามข่าวการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. คงได้เห็นชื่อผู้ที่จะลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯเมืองหลวงของไทยแล้วชัดๆ สองราย คือชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ โดยรายแรกประกาศลงสมัครในนามเอกเทศ ไม่สังกัดพรรคการเมือง ส่วนรายหลังลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนผู้ที่ต้องการลงสมัครรายอื่นๆ ก็พอจะมีปรากฏให้เห็นอยู่บ้าง แต่ก็ต้องบอกตรงๆ ว่ากระแสความสนใจไม่แรงมากนัก บางรายตีปี๊บเคาะกะละมังตลอดเวลาโดยผ่านเฟซบุ๊คของตัวเองเพื่อหวังให้ตัวเองได้เป็นข่าว แต่ก็ไม่เป็นข่าวใหญ่ เพราะนักข่าวเห็นแล้วสรุปได้ตรงกันว่าไม่มีความน่าสนใจมากนัก ทั้งๆ ที่ผู้สนใจลงสมัครรายนั้นอ้างว่าเปิดตัวมานานประมาณสองปีแล้วก็ตาม
แต่ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ตามที่ต้องการลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. ก็ยังไม่สามารถตอบชัดๆ ได้ว่า เมื่อไรที่จะประกาศเปิดรับสมัคร และเมื่อไรจะกำหนดวันลงคะแนนเลือกตั้ง แต่ถึงกระนั้นคนที่ต้องการชิงตำแหน่งนี้ต่างก็เตรียมสู้ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.อย่างเต็มทีแม้จะยังไม่รู้กำหนดวันเวลาที่ชัดเจนก็ตาม
มีคำถามว่า พรรคพลังประชารัฐจะส่งใครเป็นตัวแทนเพื่อชิงตำแหน่งนี้ หลังจากมีท่าทีประมาณว่าจะส่งจักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงชิงตำแหน่ง โดยเจ้าตัวเองก็ได้สร้างกระแสด้วยการส่งรูปตัวเองไปตามบ้านเรือนของชาวกรุงเทพฯ มาแล้วสองครั้ง ซึ่งหลายคนก็สงสัยว่าส่งรูปตัวเองไปเพื่อวัตถุประสงค์อะไร แต่คอการเมืองก็วิเคราะห์ว่าเพื่อเปิดตัวให้ชาวกรุงเทพรู้ว่าจักรทิพย์จะลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. แต่ล่าสุดก็ดูเสมือนว่าจักรทิพย์จะไม่ได้เดินหน้าเรื่องนี้มากนัก ซึ่งก็ยังไม่ตอบชัดๆ ไม่ได้ว่า ตกลงจะเอาอย่างไรต่อไป เพราะการลงสมัครในนามพรรคการเมือง ต้องให้พรรคฯ ส่งชื่อลงชิงตำแหน่ง ซึ่งผิดกับการประกาศชิงตำแหน่งโดยไม่ต้องสังกัดพรรคการเมือง
แต่การที่ใครก็ตามจะลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. โดยไม่มีพรรคการเมืองใหญ่ๆ หนุนหลัง ไม่มีปัจจัยการเมืองอื่นๆ หนุนหลัง และไม่มีกระสุนเงินสดหนุนหลัก ก็คงจะทำให้เขาผู้นั้นประสบความสำเร็จได้ไม่ง่ายนัก
ส่วนคำถามที่ว่าพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคกล้า พรรคก้าวไกลหรือกลุ่มคณะก้าวหน้า จะส่งใครลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. หรือไม่ เรื่องนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจน
ส่วนพรรคของ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ชื่อไทยสร้างไทย จะส่งใครลงชิงตำแหน่งนี้ ก็ยังเป็นเรื่องที่หาความชัดเจนไม่ได้ แม้สุดารัตน์จะพยายามสร้างกระแสตนเองเป็นข่าวตลอดเวลาก็ตาม แต่ก็ยังไม่กล้าเปิดตัวผู้ชิงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. ในนามพรรคของสุดารัตน์ แต่คอการเมืองก็คาดหวังกันว่าสุดารัตน์คงไม่ส่งตัวเองลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. เพราะในอนาคตอีกประมาณ 1-2 ปีจากนี้ก็จะมีการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว ซึ่งสุดารัตน์ในวัย 60 ปีก็น่าจะตั้งความหวังไว้กับตำแหน่งการเมืองระดับชาติมากกว่าระดับท้องถิ่นพิเศษแบบกรุงเทพมหานคร
ดังนั้น จึงสรุปได้เบื้องต้นว่า จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่แน่ชัดว่าใครจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. แล้วก็ไม่มีใครฟันธงได้ว่าเมื่อไรจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.
แต่ประเด็นสำคัญอีกเรื่องคือ เรื่องการเลือกตั้งสก. (สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร) จะมีการเลือกตั้งหลังจากเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ไปแล้ว และสนามเลือกตั้งสก. ก็จะมีความเผ็ดร้อนมากไม่ต่างไปจากสนามเลือกตั้งสส. (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร)
อย่าลืมว่าคนกรุงเทพฯไม่ได้ลงคะแนนเลือกสก. มาแล้วอย่างน้อยเป็นเวลา 10 ปี เพราะเลือกตั้งสก. ครั้งล่าสุดเกิดในเดือนสิงหาคม 2553 ซึ่งยุคนั้นอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ผลการเลือกตั้งสก. ครั้งล่าสุดเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมานั้น พรรคประชาธิปัตย์ได้ที่นั่งสก. มากที่สุดคือ 45 คน พรรคเพื่อไทยได้ 15 คน และผู้สมัครอิสระได้ 1 คน
แต่นั่นคือผลการเลือกตั้งในอดีต ซึ่งไม่สามารถจะบ่งบอกผลการเลือกตั้งในอนาคตได้อย่างแม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์ เรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์ต้องรู้ซึ้งอยู่แก่ใจเป็นอย่างดี เพราะผลการเลือกตั้งสส. ครั้งล่าสุดได้บ่งบอกชัดเจนแล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์สูญพันธุ์ในเขตกรุงเทพฯโดยสิ้นเชิง แต่เรื่องในอนาคตก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องตามดูกันต่อไป เพราะการเมืองไทยมีความไม่แน่นอนสูงมาก
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งสก. อย่างมาก เพราะผลของการเลือกตั้งจะชี้ชะตาการเมืองของกรุงเทพมหานครได้เป็นอย่างดี เพราะพรรคใดก็ตามที่ได้ที่นั่งสก. มากที่สุดก็จะมีอำนาจต่อรองผลประโยชน์ทางการเมืองในเขตกรุงเทพฯได้สูงสุดเช่นกัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องจับตามองนับจากวันนี้คือ เมื่อไรจะประกาศวันเลือกตั้งสก. แล้วพรรคใดจะได้เก้าอี้สว. มากที่สุด
อย่าลืมว่าดาวเด่นของประชาธิปัตย์ในวันวานได้ย้ายค่ายไปอยู่กับพลังประชารัฐเป็นจำนวนมิใช่น้อย แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าประชาธิปัตย์อาจจะสร้างดาวเด่นดวงใหม่ขึ้นมาทดแทนได้เช่นกัน
หลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมนักการเมืองจึงย้ายค่าย ย้ายพรรคกันอย่างสนุกสนาน มีเหตุปัจจัยอะไรในการตัดสินใจย้ายหรือ เรื่องนี้มีคำตอบชัดๆ ประการหนึ่งคือผลตอบแทนชนิดต่างๆ หากพรรคใดเสนอผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจมากๆ แล้ว โอกาสจะดึงให้นักการเมืองย้ายพรรคก็เป็นเรื่องไม่ยาก ดังนั้นจึงมีข่าวพรรคการเมืองบางพรรคเสนอผลตอบแทนที่แสนงดงามอย่างสุดแสนมหัศจรรย์ให้กับนักการเมือง โดยเฉพาะนักการเมืองจำพวกที่ว่าสมัครกี่ครั้งก็ชนะทุกครั้ง แต่ก็ต้องไม่ลืมเช่นกันว่า นักการเมืองชนิดแชมป์ผูกขาดเก้าอี้สส. มาหลายสมัย ก็ยังพลาดตำแหน่งมาแล้วมากมาย เพราะต้องไม่ลืมว่าการเมืองไทยในยุคนี้มีการเสนอผลตอบแทนที่เกินคาดคิด
เอาเป็นว่า เราทุกคนต้องมาจับตามองการเลือกตั้งสก. ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต คาดว่าน่าจะปีหน้า หลังจากเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว
สำหรับพรรคเพื่อไทยนั้น ที่ผ่านมายังสามารถคุมที่นั่งสก. ได้ในอัตราที่น่าสนใจคือไม่ขึ้นไม่ลงมากนัก คือได้เก้าอี้สก. 9-10 มาโดยตลอด แต่ก็ต้องมาจับตาดูกันต่อไปว่าเมื่อสุดารัตน์แยกตัวจากเพื่อไทยแล้ว จะแย่งคะแนนหรือตัดคะแนนกันเองระหว่างผู้สมัครของเพื่อไทยกับพรรคของสุดารัตน์หรือไม่
ส่วนพรรคของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ใช้ชื่อพรรคก้าวไกล ที่แปรสภาพมาจากพรรคอนาคตใหม่ ก็ยังมีความน่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะการมีคะแนนนิยมจากกลุ่มเด็กและเยาวชนที่มีสิทธิเลือกตั้ง
ต้องขอบอกว่าเรื่องสนามเลือกตั้งสก. คือตัวแปรการเมืองที่สำคัญซึ่งจำเป็นต้องเฝ้ามองอย่างใกล้ชิดแม้จะเป็นสนามการเมืองระดับท้องถิ่นก็ตาม แต่ก็ต้องไม่ลืมว่ากรุงเทพฯเปรียบเสมือนประเทศไทย ดังนั้นการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. และการเลือกตั้งสก. จึงเป็นตัวชี้วัดทางการเมืองไทยที่มีนัยสำคัญสูงมากตัวหนึ่ง
พรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นในเขตกรุงเทพฯจึงเป็นเสมือนพรรคการเมืองที่มีความสำคัญต่อการเมืองระดับชาติไปโดยปริยาย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี