นักการเมืองพันธุ์พิเศษ
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 มีการพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดลงโทษผู้ประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม เกี่ยวข้องกับกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร ถูกส่งตัวเข้าไปพำนักอยู่ที่ห้องซูเปอร์วีไอพี บนชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ
คณะกรรมการแพทยสภาลงมติให้พักการใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมของหมอ 2 ราย ฐานให้ข้อมูลและเอกสารทางการแพทย์อันเป็นเท็จ ซึ่งก็คือแพทย์ใหญ่และอดีตแพทย์ใหญ่ของโรงพยาบาลตำรวจ และตักเตือนแพทย์ของราชทัณฑ์อีก 1 ราย ฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน
จากนั้น แพทยสภา ก็ส่งมติดังกล่าวให้ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ เพื่อพิจารณาลงโทษแพทย์ 3 คน หลังจากได้รับเรื่องเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 มีเวลา 15 วันให้ตอบกลับ รมว.สาธารณสุขมีสิทธิ์วีโต้หรือไม่เห็นด้วยมติของแพทยสภาก็ย่อมได้ แต่ถ้าแพทยสภาประชุมกันอีกรอบ และยืนยันตามมติเดิมด้วยเสียง 2 ใน 3 หรือ 47 เสียง คำสั่งตามมติก็จะมีผลบังคับใช้
ปรากฏว่า แพทย์ใหญ่ทั้งสองที่โดนมติให้พักการใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ก็ไปร้องขอความเป็นธรรมกับรมว.สาธารณสุข สมศักดิ์ เทพสุทิน จึงแต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อเสนอความเห็นให้สภานายกพิเศษพิจารณาตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525
นอกจากนี้ สมศักดิ์ เทพสุทิน ตามความเห็นของคณะกรรมการพิเศษที่ตั้งขึ้นมา ก็ทำหนังสือมาขอให้แพทยสภาส่งเอกสารเกี่ยวกับการพิจารณาจริยธรรมแพทย์ รวมถึงมีข่าวว่าจะขอรู้รายชื่อของอนุกรรมการที่ลงมติทั้งหมดด้วย แต่ทางแพทยสภาแถลงว่า จะไม่ส่งเอกสารอะไรไปให้เพิ่มเติม เพราะตอนไปยื่นมติแพทยสภาให้สภานายกพิเศษ ได้ยื่นเอกสารประกอบในส่วนที่สามารถให้ได้ “ตามที่ควรจะได้” ไปหมดแล้ว และแค่นั้นก็มากพอที่จะพิจารณาได้แล้ว
นั่นคือลำดับความเป็นมาที่คนติดตามข่าว “มหัศจรรย์ชั้น 14” รู้กันดีอยู่แล้ว แต่คงห้ามไม่ได้ที่คนจำนวนไม่น้อยจะคิดว่า การตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาเป็นเหลี่ยมคูทางการเมือง พยายามดึงหรือบิดเรื่องไปในทางที่ต้องการ อีกทางหนึ่งก็อาจจะแสดงให้นายใหญ่เห็นว่าแอ๊กชั่นเต็มที่แล้ว และถ้าไม่ได้ผลก็ไม่มีใครตำหนิ สมศักดิ์ ได้ เพราะเป็นการทำตามความเห็นหรือคำปรึกษาของคณะกรรมการพิเศษ เหมือนที่ตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาก็เพื่อเป็นเกราะกำบังอย่างหนึ่ง
คนส่วนมากคงสนใจว่า เมื่อครบกำหนดต้องส่งคำตอบต่อแพทยสภา สมศักดิ์ ในฐานะสภานายกพิเศษจะวีโต้หรือไม่ แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ชั้นเชิงทางการเมืองของ สมศักดิ์ เทพสุทิน ผู้คงกระพันชาตรี อยู่รอดปลอดภัยมาทุกยุคทุกสมัย และเกือบทั้งหมดต้องเป็นฝ่ายรัฐบาล ไม่ว่าจะรัฐบาลแบบไหน
เมื่อย้อนดูประวัติจากอดีตถึงปัจจุบัน สมศักดิ์ สังกัดพรรคการเมืองมาแล้วมากมาย ตั้งแต่พรรคกิจสังคม, ไทยรักไทย, พลังประชาชน, มัชฌิมาธิปไตย, ภูมิใจไทย, เพื่อไทย, พลังประชารัฐ และกลับมาเพื่อไทย อีกครั้ง
เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการคมนาคม, ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงยุติธรรม และรองนายกฯ ภายใต้นายกรัฐมนตรีทั้งที่มาจากการเลือกตั้งและแต่งตั้ง ตั้งแต่ พลเอกสุจินดา คราประยูร, ชวน หลีกภัย, บรรหาร ศิลปอาชา, พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ, ทักษิณ ชินวัตร, พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา, เศรษฐา ทวีสิน จนถึง แพทองธาร ชินวัตร ขาดก็แต่เป็นนายกฯเสียเอง
ไม่รู้ว่า เคยมีใครทำวิจัยเกี่ยวกับ สมศักดิ์ เทพสุทิน ในฐานะนักการเมืองบ้างหรือเปล่า เพราะเขาน่าจะถูกบันทึกไว้ว่า เป็นนักการเมืองคนเดียวในโลกที่เป็นรัฐมนตรีหลากหลายกระทรวงมากที่สุด โดยไม่มีใครรู้ว่ามีความสามารถพิเศษอันใด เขาเคยหาเสียงด้วยโครงการโด่งดังอย่าง “โคล้านตัว” ที่จะแจกฟรีให้เกษตรกร แต่ลงเอยด้วยการจัดหาได้เพียง 2 หมื่นกว่าตัว
และแม้จะถูกมองว่ามีความคลุมเครือ แต่ สมศักดิ์ก็ไม่เคยโดนคดีใดๆ ยกเว้นถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เพราะเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกคดียุบพรรคการเมืองเมื่อปี 2549 ทำให้คำว่า “ไม่ธรรมดา” ยังดูน้อยไป
สมศักดิ์ เทพสุทิน น่าจะเป็นกรณีศึกษาอีกตัวอย่างของการเล่นการเมืองแบบไทยๆ ซึ่งจะบ่งบอกถึงพื้นฐานและรสนิยมทางการเมืองของคนไทยด้วย เพราะไม่ว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์และโจมตีมากมายขนาดไหน เขาก็ยังได้รับเลือกตั้งเข้ามา และเป็นตัวเลือกแรกๆ ของการมีตำแหน่งใหญ่ๆ ในรัฐบาลไทยอยู่เสมอ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี