“ราดน้ำมันบนกองไฟ” เป็นสำนวนไทยที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้กระจ่าง ทุกฝ่ายต่างเห็นภาพได้ประจักษ์แจ้งว่า “กองไฟจะริบหรี่สักเพียงไหน พอถูกน้ำมันราดใส่เท่านั้น ก็จะลุกพรึบเป็นกองเพลิงมหันตภัย เผาผลาญทุกสิ่งได้ในทันทีทันใดอย่างรั้งไม่อยู่”

“ก็จะรั้งอยู่ได้อย่างไร?” ในเมื่อ “น้ำมัน” กับ “กองไฟ”นั้น ถ้า “จ๊ะเอ๋” กันครั้งใด ก็เท่ากับเป็นรายการ “ซาตาน” พบกับ“อสูรกาย” ครั้งนั้น ย่อมจะเกิดรายการ “วินาศสันตะโร” ตามมา

กูรูทางการเมืองต่างจึง “ฟันธง” ว่า กรณี “รัสเซียบุกยูเครน” นั้น เท่ากับ “พี่หมีได้ก่อกองไฟ” ระดับภูเขาเลากาขึ้นมาแล้วที่ดอนบาส ถ้า “คาวบอยชักปืนไว” และชาติพันธมิตร “ฉีดน้ำมันเข้าใส่กองไฟสัก 100 ล้านลิตร” เหตุการณ์ระดับจิ๊บๆ ที่ดอนบาสก็จะ “บานปลาย” กลายเป็น“ไฟนรก” แพร่กระจายไปทั่วโลก

ชาติที่ไม่เกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้ ก็จะพบกับความเสียหาย “เศรษฐกิจถูกฉุดจนต่ำเตี้ย” ในขณะที่ “ชาติถือหางคู่สงคราม” ก็จะ “ยับเยินทั้งสองฝ่าย” เพราะเกิดสงครามครั้งใด“ไม่ว่าใครแพ้หรือชนะ” ล้วนเกิดความ “ฉิบหายทั้งคู่”

โดยเฉพาะประเทศที่กลายเป็น “สมรภูมิรบ” อย่างยูเครนก็จะกลายเป็น “ท่าเตียน” อย่างฉับพลัน จากการพันตูระหว่าง “ยักษ์วัดแจ้งตุ๊บตั๊บกับยักษ์วัดโพธิ์”

“ดูอารมณ์” ระหว่าง “น้าหมี” กับ “อินทรีหัวขาว” แล้วณ นาทีนี้ “น่าจะไม่มีใครยอมใคร”

เห็นได้จาก “น้าปูติน” ออกมาประกาศกร้าว “การปกป้องผลประโยชน์ของประเทศรัสเซีย เป็นเรื่องที่ยอมใครไม่ได้”

ในขณะที่ “ลุงอินทรีหัวขาว” ก็ออกมา “ทิ้งหมัดสวน”ว่า “รัสเซียคิดว่าตัวเองเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรจึงประกาศให้ดินแดนของประเทศเพื่อนบ้านกลายเป็นประเทศใหม่” จากนั้นได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในด้านการเงิน

แค่ “สองผู้ยิ่งใหญ่” มีการราดน้ำมันใส่กองไฟยังไม่พอ ดูเหมือน “คู่หู” ของอินทรีหัวขาว “ทั้งสิงโตคำรามแห่งแดนผู้ดีและรัฐบาลปลาดิบแห่งแดนอาทิตย์อุทัย” ต่างออกมาใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียอย่าง “สุดดุ”

“ที่น่าจับตามองที่สุด” ผู้นำยูเครนได้ออกมา “ท้าทาย”รัสเซีย แบบ “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” ว่า “ยูเครนสู้ตาย จะไม่ยอมสูญเสียดินแดนให้แก่รัสเซียอย่างเด็ดขาด”

เมื่อทุกฝ่ายต่าง “แรงเข้าหากัน” ก็คงต้องมาติดตามหนังแอ๊กชั่นเรื่อง “ตำนานอสูรสงคราม” เรื่องนี้กันต่อไปว่า จะสร้างความวินาศสันตะโรกว้างไกลสักเพียงไหน?

กมลศักดิ์  ตั้งธรรมนิยม