วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม 2565 เป็นวันเปิดภาคการศึกษาที่ 1 ของปี 2565 นับเป็นวันสำคัญของเด็กนักเรียนและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ทั่วประเทศจำนวนมากกว่า 7,320,000 คน ที่อยู่ในระบบโรงเรียนต่างๆทั่วประเทศภายหลังจากในระยะ 2 ปีกว่าที่ผ่านมาการเล่าเรียนของเด็กและเยาวชนต่างได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้การศึกษาเล่าเรียนกระท่อนกระแท่นเพราะต้องเรียนๆ หยุดกลับไปเรียนออนไลน์ที่บ้านเพื่อป้องกันโรคระบาด
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้นำของประเทศได้แสดงความห่วงใยในความปลอดภัยของทุกฝ่าย ทั้งย้ำทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมระบบขนส่งมวลชนอำนวยความสะดวกการเดินทาง ย้ำสถานศึกษาเคร่งครัดปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขป้องกันโควิด-19 สร้างความมั่นใจต่อการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปี 2565
นายกรัฐมนตรีได้รับทราบสรุปผลการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปี 2565 ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยเสมาโพลดำเนินการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 17,308 หน่วยตัวอย่างในวันที่ 5-8 พ.ค.2565 พบประชาชนร้อยละ 47 มีความเชื่อมั่นต่อการเปิดภาคเรียนของ ศธ. ด้วยรูปแบบปกติหรือ On-site ส่วนใหญ่เห็นด้วยให้เด็กไปเรียน On-site ที่โรงเรียนตามปกติ
แม้ประชาชนยังกังวลเรื่องความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 ในโรงเรียน ซึ่งรัฐบาลรับทราบสรุปผลการสำรวจดังกล่าว โดยขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ย้ำความสำคัญในการสวมหน้ากากอนามัยและการฉีดวัคซีนทุกคนในโรงเรียนให้ครอบคลุม เพื่อสร้างความมั่นใจต่อการเปิดภาคเรียนที่ 1/2565 ในวันที่ 17 พฤษภาคม นี้ ที่เป็นการเปิดเรียนทุกสถานศึกษา 35,000 แห่ง โดยเป็นการเปิดภาคเรียนปกติ 100%
ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้รายงานข้อมูลล่าสุดในวันที่10 พฤษภาคม 2565 ว่าบุคลากรการศึกษา ครู ที่มีจำนวน680,000 คน ขณะนี้กว่าร้อยละ 97 ได้ฉีดวัคซีนกระตุ้นมากกว่า 3 เข็มแล้ว เด็กอายุ 12-18 ปี ฉีดวัคซีนไปแล้วร้อยละ 90 และกลุ่มอายุ 5-11 ปี ฉีดไปแล้วร้อยละ 50 โดยจะมีการเร่งดำเนินการจัดฉีดวัคซีนให้แก่นักเรียนทุกคนที่มีความประสงค์จะเข้ารับการฉีดอย่างครอบคลุมและทั่วถึงทั่วประเทศ
นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ทุกหน่วยงานกำกับ ติดตามเฝ้าระวัง และทบทวนมาตรการตามความเหมาะสมกับสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน พร้อมแสดงความห่วงใยเรื่องการเดินทางไปโรงเรียนของนักเรียนช่วงเปิดภาคเรียน โดยเฉพาะการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน ทั้งรถโดยสารประจำทาง รถไฟ รถไฟฟ้า เรือโดยสาร ซึ่งได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน
รัฐบาลได้กำชับให้ทุกหน่วยงานกำกับ ติดตาม เฝ้าระวัง และทบทวนมาตรการตามความเหมาะสมกับสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน พร้อมแสดงความห่วงใยเรื่องการเดินทางไปโรงเรียนของนักเรียนช่วงเปิดภาคเรียน โดยเฉพาะการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวก ความปลอดภัยเตรียมพร้อมการบริการรองรับผู้โดยสารที่จะมีมากขึ้นในช่วงเปิดการศึกษา
การเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนรูปแบบการเรียนปกติอย่างต่อเนื่อง โดยได้เน้นย้ำให้สถานศึกษาทุกสังกัดเตรียมความพร้อมตามแนวทางการเฝ้าระวังสำหรับการเปิดเรียนหลักการป้องกันความเสี่ยง สร้างภูมิคุ้มกัน ต้องปฏิบัติตามมาตรการสร้างความปลอดภัยในสถานศึกษาอย่างเคร่งครัด ทั้งการบริหารจัดการภายในห้องเรียน ภายในโรงเรียน และบริเวณโดยรอบโรงเรียน มีการเตรียมพร้อมแผนเผชิญเหตุซักซ้อมรวมทั้งเตรียมพร้อมในกรณีพบผู้ติดเชื้อหรือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงนั้น
โรงเรียนไม่จําเป็นต้องปิดการเรียนแต่ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนตามแผนเผชิญเหตุอย่างแม่นยำ รวดเร็ว เพราะเป้าหมายสำคัญคือนักเรียนควรได้รับการเรียนรู้อย่างเต็มที่ที่โรงเรียนลดปัญหาการเกิดภาวการณ์เรียนรู้ที่ถดถอยควรเน้นย้ำบุตรหลานที่ไปโรงเรียนว่า ไม่ควรถอดหน้ากากอนามัย ไม่ลืมตรวจ ATK หลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มไม่เล่นเป็นกลุ่มใหญ่ ไม่นั่งติดกันทั้งเวลาเรียน คุยเล่น หรือรับประทานอาหารและไม่ใช้สิ่งของร่วมกันถ้าพบเชื้อให้รักษาตัวที่บ้านเป็นที่คาดหมายว่าวันเปิดภาคเรียนปกติปี 2565 นี้ คงผ่านไปด้วยความเรียบร้อยอย่างแน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี