สงครามยูเครนเป็นศักราชใหม่ของมวลมนุษย์ที่ทำให้โลกถูกแบ่งออกเป็นสองขั้วอำนาจอย่างชัดเจน นั่นคือขั้วของนาโตและขั้วขององค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ และนับแต่นี้ไปจะเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างสองขั้วนี้ที่หนักหน่วงรุนแรงและกว้างขวางมากที่สุด แม้หากจะเป็นสงครามโลกครั้งที่สาม ก็จะเป็นสงครามโลกระหว่างสองขั้วอำนาจนี้
นี่คือการก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่หรือยุคใหม่ของโลกที่โลกจะแบ่งออกเป็นสองขั้วอย่างชัดเจน ซึ่งในแง่ของประชากรโลกปรากฏชัดเจนว่าขั้วนาโตมีประชากรรวมกันประมาณ 500 ล้านคนในขณะที่ขั้วองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้มีประชากรรวมกันกว่า 5,000 ล้านคน ขนาดของตลาดทั้งหลายจะต้องเกี่ยวข้องกับจำนวนประชากรดังกล่าวโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ประเทศไทยแม้เคยมีท่าทีเอนเอียงเลือกข้าง และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับนาโตเป็นพิเศษ ได้ผูกกลไกทางการเมืองระหว่างประเทศ ทางการค้า การลงทุน และระบบระเบียบต่างๆ ตลอดจนมาตรฐานต่างๆ ไว้กับนาโตอย่างแน่นหนา ในขณะที่ความสัมพันธ์กับขั้วองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ดำเนินไปตามปกติ โดยไม่ได้มีกฎเกณฑ์บังคับ หรือข่มเหง หรือต้องอยู่ใต้อาณัติแบบที่กระทำกับนาโต ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นการคบหาค้าขายกันตามสบาย
เพราะเหตุที่การค้าขายกับกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ที่มีประชากร 5,000 ล้านคน มีลักษณะสะดวกสบาย ดังนั้นจึงทำให้การค้าขายระหว่างประเทศ การท่องเที่ยว และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของขั้วนี้เป็นไปอย่างราบรื่นเรียบร้อยในลักษณะเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย จึงเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ความเติบโตขยายตัวในทุกด้านของกลุ่มองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขนาดประเทศกัมพูชา ประเทศลาว หรือประเทศในแอฟริกาซึ่งเคยเป็นประเทศยากจน ขาดแคลน ล้าหลัง จนหลายครั้งก็ถูกชาติอื่นดูถูกเหยียดหยาม แต่ปรากฏว่าเมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่ปีที่ประเทศเหล่านี้จับมือคบหาค้าขายกับประเทศขั้วองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ สถานการณ์ก็พลิกโฉมไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ
ที่เห็นชัดๆ ก็คือประเทศในทวีปแอฟริกาทั้งหมด แม้ประเทศลาว ประเทศกัมพูชา มีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วประชาชนมีรายได้สูงขึ้น สังเกตได้จากคนรับใช้ในบ้านหรือแม่บ้านที่ชาวลาวและชาวกัมพูชาเคยมาทำงานหารายได้ในประเทศไทยในขณะนี้ไม่มีเหลืออยู่แล้ว เพราะเดินทางกลับประเทศไปทำงานในประเทศของตนซึ่งมีรายได้ดีกว่า มีความภาคภูมิใจมากกว่า และเห็นความเจริญก้าวหน้าเป็นที่ชื่นใจชื่นตายิ่งกว่า
ในการประชุมอาเซียน-สหรัฐครั้งล่าสุดซึ่งกัมพูชาเป็นประธานอาเซียน ได้ทำหน้าที่อย่างสมศักดิ์ศรีของประชาชาติอาเซียน และในที่สุดได้ออกแถลงร่วมกันของอาเซียนเกี่ยวกับท่าทีใหม่ โดยประกาศตนว่าอาเซียนจะวางตนเป็นกลาง จะไม่ตั้งตนเป็นศัตรูหรือคัดค้านประเทศใดๆ จะร่วมมือในการพัฒนาและสร้างสรรค์กับทุกประเทศเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะมีมติไม่ประณามรัสเซียในสงครามยูเครน
แม้ประเทศไทยเคยลงมติประณามรัสเซียไปแล้ว แต่การปรับท่าทีใหม่ครั้งนี้ได้ลบล้างท่าที่ก่อนหน้านี้ตามแถลงการณ์ร่วมของผู้นำอาเซียน ซึ่งหมายความว่านับแต่บัดนี้ไปประเทศไทยจะวางตนเป็นกลาง
จะไม่เป็นฝักฝ่าย ไม่เป็นศัตรู ไม่ต่อต้านประเทศใดๆ จะเป็นมิตรไมตรีและร่วมกันสร้างสรรค์ โดยเฉพาะการสร้างสันติภาพและการพัฒนาเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งท่าทีเช่นนี้ย่อมเป็นท่าที่ถูกต้อง เป็นท่าทีที่จะหยุดยั้งความขัดแย้งและสงคราม เป็นท่าทีที่จะทำให้ประเทศไทยปลอดภัยจากการตั้งตนเป็นศัตรูกับจีนและพันธมิตรในองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ จะไม่ต้องตกเป็นสนามรบแบบยูเครน ซึ่งเป็นท่าทีใหม่ที่ประชาชนชาวไทยถึงต้อนรับและสนับสนุน
เมื่อประเทศไทยได้แสดงท่าทีล่าสุดเช่นนี้แล้ว ก็จะต้องมีการปฏิบัติให้เป็นไปตามมติร่วมกันของแถลงการณ์ร่วมผู้นำอาเซียนดังกล่าวว่าจะทำอย่างไร จึงทำให้ประเทศไทยดำรงสถานะเป็นกลาง ไม่เป็นฝักฝ่าย ไม่เป็นศัตรู และไม่ต่อต้านหรือทำสงครามกับชาติใด จะสร้างความเป็นมิตรไมตรีเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันกับทุกประเทศได้อย่างไร
ที่สำคัญคือจะต้องทบทวนพันธะและการกระทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ได้กระทำกับประเทศต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับท่าทีใหม่ตามแถลงการณ์ร่วมของผู้นำอาเซียนดังกล่าว การกระทำและข้อตกลงใดที่ขัดกับแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวจะต้องได้รับการแก้ไขปรับปรุง การกระทำใดที่เป็นไปในทิศทางเดียวกับแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวก็จะต้องได้รับการส่งเสริม สนับสนุน และขับเคลื่อนให้เป็นมรรคผล
ที่สำคัญคือในด้านการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้รับประโยชน์จากการค้าขายกับประชากร 5,000 ล้านคนของขั้วองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ ดังนั้นจึงต้องยอมทนอยู่ภายใต้กรอบและข้อกำหนดที่บีบคั้นของการค้าขายกับประชากร 500 ล้านคน
เฉพาะเรื่องน้ำมันเรื่องเดียว ประเทศไทยก็ไม่เป็นไทแก่ตัวที่จะซื้อหาน้ำมันราคาถูกมาจากประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ จะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร
บรรดาสินค้าเกษตร ผลไม้ และผลิตภัณฑ์สินค้าสำเร็จรูปต่างๆ จะขายให้แก่ประเทศกลุ่มองค์การความร่วมมือ
แห่งเซี่ยงไฮ้ที่มีตลาดใหญ่ถึง 5,000 ล้านคน ได้อย่างไร และถ้าเกิดขึ้นลองนึกดูเถิดว่าอาณาประโยชน์จะบังเกิดแก่ประเทศไทยและชาวไทยมากขนาดไหน
ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่จะต้องปรับการค้าขายระหว่างประเทศ โดยเพิ่มการค้าขายกับกลุ่มประชากร 5,000 ล้านคน ซึ่งจะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจและรายได้ของภาคธุรกิจและประชาชนชาวไทยเป็นส่วนรวมและอย่างรวดเร็ว
แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึงแรงกดดันและผลกระทบของนักล่าอาณานิคมที่อาจจะแสดงความไม่พอใจที่ประเทศไทยจะทำมาค้าขายในลักษณะที่สมดุลเช่นนี้ไว้ให้เพียงพอด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี