ย้อนเวลาไปเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 แม้อาจจะยอมรับไม่ได้ว่าเป็นวันประกาศชัยชนะของมวลมหาประชาชนอย่างแท้จริง แต่การรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือคสช. ภายใต้การนำของ “ไต้ก๋งชรา-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก” รวมถึง “ผู้เฒ่าขี้โรค อย่าง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ” และผู้นำเหล่าทัพ, ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ตามที
แต่เป็นข้อเท็จจริงที่สังคมไทยต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าวใกล้จุดแตกหักระหว่างรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งออกอาการทำหน้าที่เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของครอบครัวและพวกพ้องมากกว่าผลประโยชน์ของประชาชน ทั้งการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ทั้งการทุจริตเชิงนโยบาย และการใช้อำนาจที่มิชอบรังแกข้าราชการประจำ
จากวันนั้นถึงวันนี้ เป็น 8 ปีที่คุ้มค่ากว่าการรัฐประหาร “รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร”ในปี 2549 ด้วยซ้ำ
“ไต้ก๋งชรา”เข้ามาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ราวฮีโร่ …เฉกเช่นอัศวินและความหวังใหม่ของสังคมไทย
8 ปีที่ผ่านมาประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปอย่างเป็นรูปธรรมในลักษณะจับต้องได้ ทั้งระบบการคมนาคมขนส่งที่มีทางเลือกเพิ่มขึ้นอย่างเท่าเทียมไม่ใช่เมืองใดเมืองหนึ่งทางหลวงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ขาดการเอาใจใส่มาพอสมควรภายใต้การบริหารประเทศตามระบอบทักษิณ (ระบอบเผด็จการรัฐสภา) จนวันนี้ภาคอีสานมีมอเตอร์เวย์ลดความแออัดในการเดินทางช่วงเทศกาลด้วยงบประมาณ 60,000 ล้านบาทเศษ ระบบรถไฟรางคู่ที่ทำให้การขนส่งสินค้าภาคการเกษตรมีความสะดวกรวดเร็วลดการสูญเสีย
อย่างไรก็ดี 8 ปีที่ผ่านมาสังคมไทยถูกสัมภเวสีโอปปาติกะวนเวียนริมรั้วฉุดรั้งความจริงผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ผ่านติ่งคอกจันทร์ส่องหล้าที่อดีตผู้นำพรรคกล่าวถึง เป็น 8 ปีที่ผู้บริหารประเทศต้องต่อสู้กับเชื้อชั่วที่ไม่เคยตาย ต่อสู้กับระบอบทักษิณกับบุคลากรที่ขาดจิตไร้สามัญสำนึกโดยแท้ หาได้ต่อกรกับ “มนุษย์” ที่แปลอย่างหนึ่งว่า ผู้มีจิตใจสูง คือ มีความรู้สูงดังจะเห็นได้ว่าคนเรามีพื้นปัญญาสูง กว่าสัตว์เดรัจฉานมากมาย สามารถรู้จักเปรียบเทียบในความดี ความชั่ว ความควรทำไม่ควรทำ รู้จักละอาย รู้จักเกรง รู้จักปรับปรุงสร้างสรรค์ที่เรียกว่าวัฒนธรรม อารยธรรม ศาสนา เป็นต้น แสดงว่ามีความดีที่ได้สั่งสมมา โดยเฉพาะปัญญาเป็นรัตนะ ส่องสว่างนำทางแห่งชีวิต ถึงดังนั้นก็ยังมีความมืดที่มากำบังจิตใจให้เห็นผิดเป็นชอบ ความมืดที่สำคัญนั่นก็คือ กิเลสในจิตใจและกรรมเก่าทั้งหลาย ตามคำสอนของสมเด็จพระสังฆราช
ด้วยความที่เชื้อชั่วไม่เคยตายนี่เอง ทำให้ระบอบทักษิณยังคงเวียนว่ายในสังคมไทยอย่างต่อเนื่องไม่จบสิ้นด้วยวิถีทางต่างๆ โดยเฉพาะการได้มาซึ่งอำนาจรัฐเพื่อจะเข้าสู่ขั้นตอนเป้าหมายที่สองจูงสัมภเวสีกลับบ้าน
8 ปีที่ผ่านมาจะไม่มีความหมายเลยหากวันนี้ทุกอณูในสังคมไทย “เจ็บแล้วไม่จำ” อย่างแกนนำคนเสื้อแดงกล่าวไว้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี