วันอาทิตย์ ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2568
การสูบบุหรี่เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายและการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรที่สามารถป้องกันได้ ในทุกๆ วันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี องค์การอนามัยโลก หรือ WHO จึงกำหนดให้เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก เพื่อรณรงค์ให้ประชากรโลกเกิดความตระหนักรู้เรื่องพิษภัยของบุหรี่ กระตุ้นให้ผู้สูบบุหรี่เลิกสูบ และร่วมกันป้องกันอันตรายของผู้สูบบุหรี่และผู้ไม่สูบบุหรี่แต่ได้รับควันบุหรี่
สำหรับประเด็นการรณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลกในปีนี้ “ยาสูบ : ภัยคุกคามต่อสิ่งแวดล้อม” พูดถึงภัยของบุหรี่ต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตบุหรี่โดยระบุว่าการสูบบุหรี่สร้างขยะจากก้นบุหรี่ 4.5 ล้านล้านชิ้นทั่วโลก และก่อให้เกิดความเสียหายต่อน้ำ ป่าไม้หรือดิน ซึ่งเป็นทรัพยากรโลกที่มีอยู่อย่างจำกัด
แต่ปัญหาแท้จริงของการสูบบุหรี่คือควันจากบุหรี่ที่เป็นภัยต่อสุขภาพของประชาชน ประเทศไทยมีการรณรงค์ขับเคลื่อนเพื่อสร้างชุมชนปลอดบุหรี่มาเป็นเวลากว่า 3 ทศวรรษ ผ่าน “ยุทธศาสตร์และองค์ความรู้ด้านการควบคุมยาสูบ” ที่ให้ความสำคัญกับการให้ความรู้การขึ้นภาษีบุหรี่ การบังคับใช้กฎหมาย และการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน จึงทำให้อัตราการสูบบุหรี่ของประเทศไทยเริ่มมีแนวโน้มลดลง แม้จะยังไม่บรรลุเป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติฉบับที่ 2 (พ.ศ.2559-2562) ที่ต้องการเห็นอัตราผู้สูบบุหรี่ในประเทศไม่ให้เกิน 16.7% ในปี 2562
จากข้อมูลการสำรวจ การสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากร พ.ศ. 2564 ซึ่งจัดทำโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า จากจำนวนประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไปทั้งสิ้น 57 ล้านคน เป็นผู้ที่บริโภคยาสูบ9.9 ล้านคน หรือ 17.4% ลดลงจากการสำรวจในปี 2560 ที่มีผู้สูบบุหรี่ 19.1% หรือประมาณ 10.7 ล้านคน
เมื่อพิจารณาตามช่วงอายุพบว่าในกลุ่มเยาวชน (15-24 ปี) ยังคงมีอัตราการสูบบุหรี่เปลี่ยนแปลงขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังพบว่า 23.7% ของผู้มีอายุ 15 ขึ้นไปมีการสูบบุหรี่ในตัวบ้าน ซึ่งอาจทำให้คนในครอบครัวมีความเสี่ยงต่อการได้รับควันบุหรี่มือสองได้
แม้ว่าการบริโภคยาสูบจะลดลงเล็กน้อย แต่เกือบครึ่งหนึ่งของผู้สูบบุหรี่ 9.9 ล้านคน สูบยาเส้นมวนเองที่มีระดับราคา ภาษีและกฎระเบียบที่แตกต่างไปจากบุหรี่ซิกาแรต ยิ่งไปกว่านั้นผู้บริโภคยาสูบจำนวนมากกว่า 5 ล้านคนยังไม่คิดจะเลิกบริโภคยาสูบอีกด้วย แต่รัฐยังไม่มีแนวทางหรือมาตรการช่วยเหลือคนกลุ่มที่ยังไม่คิดจะเลิกสูบบุหรี่หรือยาเส้นให้ลดอันตรายลงได้
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าการจัดการพิษภัยของการสูบบุหรี่ต่อสุขภาพของผู้สูบบุหรี่และโดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน และการได้รับควันมือสองของคนรอบข้างยังคงมีความสำคัญ และเป็นความเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องหาแนวทางหรือมาตรการใหม่ๆ มาเพื่อช่วยปกป้องสุขภาพของคนกลุ่มนี้ และให้เกิดผลดีต่อทั้งสุขภาพ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมได้อย่างแท้จริง และหากผู้บริโภคเหล่านี้ยังเลือกที่จะบริโภคยาสูบต่อไปทั้งที่ทราบถึงพิษภัยของการสูบบุหรี่ รัฐบาลจะช่วยเหลือคนเกือบ 5 ล้านคนเหล่านี้อย่างไรไม่ให้ต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร
แต่ทางที่ดีที่สุดคือ “ไม่สูบ-ไม่เริ่ม” เอาให้ตัวเองให้ห่างไกลจากควันบุหรี่มากที่สุด

สลด! ลิงกังกัด ชายวัย 63 เสียชีวิตคาบ้าน พบมือยังถือเหล็กยาว มีบาดแผลบริเวณขาซ้าย
ดราม่าสนั่นเครื่องเล่น Skyflyers เสียงกรี๊ดดังโหยหวนยันดึก ชาวชุมชนรอบเอเชียทีคสุดจะทน
เปิดวินาทีไทยแสดงหลักฐาน ทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิด กลางที่ประชุมอนุสัญญาออตตาวา
วันนี้ในอดีต! รำลึก 27 ปี ในหลวง ร.9 เสด็จฯ เปิดเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 มิตรภาพไร้พรหมแดน
เตรียมออกหมายเรียก เวย์ ไทเทเนียม รับทราบข้อกล่าวหา ฉ้อโกงทรัพย์ สัปดาห์หน้า

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี