เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน และภาคีภาคประชาชน 9 จังหวัด จัดแสดงผลงานการรณรงค์หยุดพนันในชุมชน ภายใต้ชื่อโครงการ “๙ สู่ชีวิตพอเพียง” ณ โรงเรียนบ้านหนองคูน้อย อําเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผอ.สำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวว่า สสส. ร่วมกับมูลนิธิรณรงค์หยุดพนันดำเนินโครงการรณรงค์หยุดพนัน ในกลุ่มเป้าหมายพื้นที่ชุมชน 9 จังหวัด (ลำปาง น่าน พะเยา กาฬสินธุ์ สุรินทร์ อุบลราชธานี เลย สระบุรี พัทลุง) เพื่อสร้างความตระหนักรู้ต่อปัญหาการพนัน สร้างภูมิคุ้มกันและสภาพแวดล้อมที่ปกป้องเด็กและเยาวชน โดยไม่เพิ่มพื้นที่การพนัน ยอมรับว่าปัญหาการพนันเข้าถึงทุกครอบครัว สสส. พยายามเสริมศักยภาพให้ชุมชนเข้าใจรู้เท่าทันการพนัน ทำให้ชุมชนมีกลไกลปกป้องครอบครัวดึงผู้ที่เคยประสบปัญหาพนัน โดยเฉพาะหวยกลับใจ ลด ละ เลิก และลุกขึ้นมาเป็นแกนนำเพื่อยืนยันความสำเร็จการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยนำเอาแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ทำให้ชุมชนเข้าใจ เข้าถึงได้อย่างดีด้วยการใช้ชีวิตแบบพอเพียง ทั้ง 9 พื้นที่ ประสบผลสำเร็จได้จากการทำงานร่วมกันคิด ร่วมกันทำของชุมชน โรงเรียน ผู้สูงวัย เด็กและเยาวชน ขณะเดียวกันยังได้ร่วมผลักดันให้มีการปรับปรุงกฎหมาย นโยบาย มาตรการหรือกลไกกำกับควบคุมการพนันและลดผลกระทบจากการพนันระดับพื้นที่ รวมถึงการสร้างแกนนำคนเลิกพนัน เพื่อพัฒนาศักยภาพให้เป็นแกนนำนักรณรงค์จนเกิดเป็นเครือข่ายเฝ้าระวังและสื่อสารสร้างความรู้เท่าทันการพนัน
“ปัจจุบันนับว่าเป็นความท้าทายในยุค 5G สสส. ต้องปรับกลยุทธ์ให้คนติดหวย ทราบถึงผลกระทบปัญหาการพนัน หลายครอบครัวพบว่ามีการเล่นหวยใต้ดิน ใช้เงินตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่นจ่ายไปทุกงวด หลายคนอาจจะคิดว่าเล็กน้อย แต่เมื่อมองปัญหาที่เกิดขึ้นเชิงลึก พบว่าบางครอบครัวไม่สามารถพาลูกหลานไปโรงเรียนได้เพราะเงินหมดไปกับหวย จนกระทั่งนำไปสู่การใช้ความรุนแรงในครอบครัว จึงต้องค่อยๆ ปรับเปลี่ยนความคิด” นางสาวรุ่งอรุณ กล่าว
นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลและหวยกว่า 30 ล้านคน ปีหนึ่งคนไทยหมดเงินไปกับการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลและหวยกว่าสองแสนห้าหมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนมหาศาลที่รั่วไหลไปจากครัวเรือนที่แทบไม่ได้ผลตอบแทนอะไรกลับมา เพราะมีคนถูกรางวัลแค่ 1.4% เท่านั้น โครงการใช้วิธีการจัดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วมจัดกิจกรรมให้ประชาชนได้เข้าใจโอกาสที่จะถูกรางวัลจากการซื้อหวยนั้นยาก ด้วยเชื่อว่าเมื่อเขารู้แล้วเขาจะเปลี่ยน เพราะพลังความรักที่มีในทุกครอบครัว เมื่อเขารู้ว่าทำอะไรแล้วดีต่อครอบครัวเขาจะทำ และอาศัยพลังความดี ที่มีอยู่ในชุมชน ร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเปลี่ยนแปลง สร้างการระเบิดจากข้างใน ทำให้คนลดละเลิกการเล่นหวยได้ หวยเป็นการพนันที่มีอิทธิพลสูงมากต่อชีวิตผู้คน ถ้าเราทำให้ชาวบ้านเรียนรู้ผลกระทบจากการพนัน ผ่านเรื่องหวยได้การรณรงค์หยุดพนันตัวอื่นก็ไม่ยาก สิ่งสำคัญคือเมื่อพ่อแม่ไม่เล่นหวยเป็นแบบอย่างต่อเด็กและเยาวชนแล้ว ก็เท่ากับเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันการพนัน และช่วยกันเฝ้าระวังไม่ให้เกิดพนันหน้าใหม่ได้” นายธนากร กล่าว
ในขณะที่ อดีตเจ้ามือหวยกลับใจ กล่าวว่า ในอดีตเคยเป็นทั้งผู้ซื้อจนผันตัวมาเป็นเจ้ามือหวย จนเรียกว่าเป็นอาชีพก็ว่าได้ แต่กลับสร้างผลกระทบเป็นหนี้ร่วมแสนบาท เนื่องจากผู้ซื้อไม่ยอมจ่ายเงินตามกำหนด จนกระทั่งได้เข้าร่วมโครงการอบรมกับ สสส. คิดเปลี่ยนเงินหวยเป็นเงินออม ทำให้ได้เรียนรู้บทเรียนการเล่นพนัน และหันมาทำอาชีพสุจริตเป็นตัวแทนบริษัทประกันชีวิต จนก้าวสู่ชีวิตพอเพียง ถ้าไม่หยุดหวย ก็ไม่มีชีวิตพอเพียง
“ชาวบ้านหลายคนซื้อหวยงวดละเป็นพันๆ บาทตนจึงเสนอให้เปลี่ยนเงินซื้อหวยมาซื้อประกัน โดยให้ข้อคิดว่า ซื้อหวย เป็นการซื้อความเสี่ยงที่เขามีโอกาสจะไม่ได้อะไรกลับมาเลย แต่ถ้านำเงินไปออม หรือไปซื้อประกันอย่างไรเขาก็ต้องได้ สิบปีก็มีเงินล้านได้ โดยไม่ต้องนำเงินไปเสี่ยง” อดีตเจ้ามือหวยกลับใจระบุ
ครับ! ก็ต้องเร่งเดินหน้า สร้างภูมิคุ้มกันคนไทยห่างไกลการพนัน ต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี