วันอังคาร ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ที่ผ่านมา สังคมไทยต่อสู้กับอำนาจเผด็จการมาหลายครั้งและสามารถเอาชนะได้ แม้ว่าการต่อสู้นั้นฝ่ายประชาชนจะไม่มีศาสตราวุธใดๆ ก็ตาม แต่เป็นเพราะประชาชนมีความสามัคคี มี 3 สถาบันหลัก ทั้ง สถาบัน “1.ชาติ 2.ศาสนา 3.พระมหากษัตริย์” เป็นศูนย์รวมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ จึงบังเกิดความสามัคคี เป็นพลังอันแหลมคม เป็นศาสตราวุธที่อานุภาพร้ายแรง มีความเข้มแข็งและได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่ายทำให้ประสบชัยชนะ
อย่างเหตุการณ์ “วันมหาวิปโยค” เมื่อเดือนตุลาคม 16,เหตุการณ์ “พฤษภาทมิฬ”เดือนพฤษภาคม 35
ทำให้เผด็จการทรราช ทุนสามานย์ เกิดความกลัวและความหวาดวิตก ทำให้เกิดการวางแผนแบ่งแยกฝ่ายประชาชนออกจากกัน และสบช่องอาศัยความแตกแยกของสีเหลือง สีแดง สร้างสงครามสีขึ้นมาในสังคมไทย เกิดการบาดเจ็บล้มตายมากมาย
ปลุกระดมให้ชื่นชมนักการเมืองทุนสามานย์ และต่อต้านฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นเผด็จการทหาร สืบทอดอำนาจ สร้างความล่าช้าเสื่อมถอยในการพัฒนาประเทศชาติบ้านเมือง
การแบ่งแยกแล้วปกครอง หรือ Divide and Ruleเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ ตลอด 20 ปีมานี้ประชาชนแบ่งเป็น 2 ฝ่าย เริ่มจากการมีกลุ่มพันธมิตรเสื้อเหลืองเรียกร้องการรัฐประหารตั้งแต่ปี 2549 และแสดงบทบาทเข้มข้นที่สุดในปี 2551 โดยการยึดทำเนียบ ยึดสนามบินร่วมกับกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ โค่นรัฐบาลจากการเลือกตั้งได้สำเร็จ ทำให้ฝ่ายที่แพ้เลือกตั้งกลับขั้วมาเป็นรัฐบาลได้
หลังพฤษภาคม ปี 2553 ความแตกแยกได้ขยายกว้างและลึก ไม่เพียงแค่เห็นเป็นสีเสื้อ แต่มันซึมเข้าสู่ความคิด ผ่านสายเลือดลงถึงกระดูก ผู้นำอีกฝ่ายปลุกระดมมวลชนให้ต่อต้านรัฐบาล “มาร์คทาสแมว-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์” อดีตผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรบนเก้าอี้ นายกรัฐมนตรีที่มีกลุ่มการเมืองอย่าง “เนวิน ชิดชอบ”เทคะแนนสนับสนุนในสภาฯ
การปลุกระดมต่อต้านรุนแรงขึ้นถึงขั้นสร้างความอัปยศและฝันร้ายให้กับประเทศไทยด้วยการนำมวลชนบุกโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา ชลบุรี เพื่อล้มการประชุมอาเซียนซัมมิทที่จัดขึ้นโดยสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน ภายใต้หัวข้อ เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของประเทศสมาชิกต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้แนวทางในการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือต่างๆ ของเหล่าสมาชิก
อีกไม่นานประเทศไทยก็จะรับหน้าที่เจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐ สมัยพิเศษอีกครั้ง แม้จะไม่มีแนวโน้มปลุกระดมให้เกิดความรุนแรงอย่างในอดีต แต่มวลชนที่มาป่วนบ้านกวนเมืองสร้างความวุ่นวายก่อความไม่สงบ มุ่งการเอาชนะคะคานกันโดยมีประชาชนและประเทศชาติเป็นตัวประกันนั้นคงไม่มีใครการันตีได้
เพราะอย่างที่พระท่านว่า “นตฺถิ อการิยํ ปาปํ มุสาวาทิสฺสชนฺตุโน.” ... คนที่ชอบพูดมุสา คือคนที่พูดโกหกอยู่เป็นประจำ เป็นคนเหลาะแหละหละหลวม ไร้สัจจะ ไม่มีความจริงใจ เป็นคนกลับกลอก เชื่อถือไม่ได้ ถือเป็นคนไม่ดี เป็นการประพฤติชั่วทางวาจา ที่เรียกว่า วจีทุจริต และคนที่โกหกอยู่เสมอนั้น ย่อมมีแนวโน้มที่จะทำความชั่วอย่างอื่นด้วย
นักการเมืองชังชาติ สัมภเวสี โอปปาติกะทั้งหลาย จะทะเลาะต่อสู้เพื่ออำนาจทางการเมืองอย่างไรก็ทำไปจะโกรธจะเกลียดกันแค่ไหน
เป็นพฤติกรรมเป็นสันดานท่าน แต่อย่าโกรธอย่าเกลียดประเทศชาติ อย่าเห็นบ้านเมืองเป็นศัตรูเลย

โค่นมือ2! 'ไหม'ทะยานชิงเหรียญทองเทนนิส
เจ๋ง ดอกจิก ป่วยเส้นเลือดสมอง! ศาลเลื่อนอ่านฎีกาคดี นปช.ก่อการร้าย ไปเป็น 20 ม.ค.69
แพทย์แผนจีนไม่ใช่อภินิหาร แต่คือวิทยาศาสตร์ที่บันทึกมานับพันปี!?
อนุทิน ตรวจสอบแล้ว รถขนน้ำมันช่องเม็กไปลาว ไม่เลี้ยวเขมร
อินฟลูฯเขมรโดนแล้ว หลังโพสต์ทหารกัมพูชาป่วยพิษสุรา เจอข้อหาภัยต่อความมั่นคงของชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี