การเคลื่อนไหวทางการเมืองของประดานักเลือกตั้ง, ตลกบนหลังคารถ กำลังเป็นข่าวให้สังคมไทยได้ติดตามได้วิพากษ์วิจารณ์ได้หวั่นไหวหวาดหวั่นตามความรู้สึกของแต่ละคน ยิ่งผลนิด้าโพลออกมาชี้นำว่าถ้าการเลือกตั้งวันนี้คนรุ่นใหม่จะได้รับการสนับสนุนมากกว่านักการเมืองรุ่น “Baby Boomer”
ทว่าการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามมาตรา 151 อาจทำให้ความนิยมเปลี่ยนแปลงเพราะที่ผ่านมาญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้านออกอาการคล้ายจำอวดใน “โรงยี่เก” ที่พ่ายแพ้ทั้งคะแนนเสียงในสภาและศรัทธาประชาชน ไม่มีข้อมูลใหม่ สร้างหลักฐานเท็จกล่าวเท็จกลางรัฐสภาอย่างไร้จริยธรรมหวังดิสเครดิตรัฐบาลเท่านั้น
การเมืองยุคที่ “ทุนนิยมสามานย์พยายามแปลงกายเป็นนักประชาธิปไตย” ไม่ได้แตกต่างไปจากการเมืองยุคคณะราษฎรที่มีการทำปฏิวัติรัฐประหารผลัดกันสืบทอดอำนาจเรื่อยมา จนยุคของ “จอมพลถนอม กิตติขจร”ถึงได้สิ้นสุดลงจากเหตุการณ์ “14 ตุลา 16 วันมหาวิปโยค” ซึ่งเรียกกันว่าสิ้นยุค “ทหารครองเมือง”
การเมืองศตวรรษที่ 21 สังคมไทยยังคงประสบพบเห็นกับสภาพการเมืองแบบเดิมๆในยุคคณะราษฎรที่มีการย้ายพรรค เปลี่ยนพรรค กระทั่งมีการจัดตั้งพรรคการเมืองของนักการเมืองนั้นยึดโยงผลประโยชน์เป็นหลัก ซึ่งล้วนเป็นพฤติกรรมการกระทำเหมือนคำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า “สัตว์ทั้งหลายย่อมหลอมรวมเข้ากันได้โดยธาตุเดรัจฉาน, คนดีย่อมเข้ากันได้กับคนดี ผู้มีอัธยาศัยเลวย่อมเข้ากันได้กับผู้มีอัธยาศัยเลว
“พระธรรมโกศาจารย์ หรือท่านพุทธทาสภิกขุ(วัดธารน้ำไหล สวนโมกขพลาราม) แสดงอมตะพจนาไว้ … ตอนหนึ่ง…มาประกอบเพื่อให้เห็นพฤติกรรมนักการเมืองในยุคสมัยนี้ว่า “สมัยก่อนโน้น การเมืองไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของชาวบ้านมากนัก แต่ปัจจุบันนี้ การเมืองเข้ามาครอบงำชีวิตของผู้คนไม่ใช่น้อยเลย และดูราวกับว่าจะวุ่นวายมากเสียด้วย” การเมืองก้าวหน้าโลกก็เลวลง นักการเมืองมักมีแต่คนเข้ามาหากำไร หรือกอบโกยประโยชน์ กระทั่งลักล้วงประโยชน์ของผู้อื่นอย่างลึกซึ้งกว้างขวาง จึงบอกว่า “ยิ่งการเมืองก้าวหน้า โลกมันจะเลวลง ถ้าโลกนี้ดีขึ้นการเมืองก็ต้องลดลง” มันเป็นของจำเป็น”
การเมืองยุคนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีข่าวนักการเมืองจิตวิญญาณ “งูเห่า” เคลื่อนไหวในสังคมไทยในทุกช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ รวมทั้งเรื่องการ “ให้อาหารสัตว์-แจกกล้วย” ในระหว่างที่มีการบรรจุญัตติ ไม่ไว้วางใจ หรือในการพิจารณาร่างกฎหมายที่มีผลต่อสถานภาพรัฐบาลให้เศร้าใจอยู่เป็นเนืองนิจ
เรื่องราวเหล่านี้ทำให้นึกถึง “เสาหลักประชาธิปไตย” อย่าง “หม่อมป้าสารพัดพิษ-พลตรีหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช” บุคคลสำคัญของโลก ปราชญ์คนสำคัญของประเทศไทย เจ้าของคอลัมน์ “ซอยสวนพลู” ที่ลือลั่นมากว่าครึ่งศตวรรษ โดยเฉพาะเนื้อหาในวรรณกรรมหลายเล่มคล้ายกับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันยิ่งนัก อาทิ “สามก๊กฉบับนายทุนตอน โจโฉนายกฯตลอดกาล” อย่าง “กาเหว่าที่บางเพลง” และที่สำคัญวรรณกรรมอมตะอย่าง “หลายชีวิต” ที่นักการเมืองชังชาติยุคนี้สมควรอ่านและศึกษาตัวละครในวรรณกรรมนั้น
เมื่อคิดว่าเหล้าเก่าในขวดใหม่สามารถหลอกลวงประชาชนได้ก็ให้ระวังเหนือฟ้ายังมีฟ้าเช่นกัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี