คนไทยจำนวนหนึ่งชอบของฟรี ชอบสบาย ไม่ชอบลงแรง ชอบของง่ายๆ เมื่อคนไทยจำพวกนี้มาเจอกับนักการเมืองขี้ฉ้อจอมคอร์รัปชั่น ที่เน้นการหาคะแนนนิยมทางการเมืองด้วยการแจกสารพัดแจก(แต่เอาเงินหลวงแจก โดยไม่ควักเงินของตัวเอง)บ้านเมืองจึงเดินทางไปสู่จุดที่เข้าใกล้ความวิบัติมากเข้าไปทุกขณะ
ถามว่ารัฐบาลไหนก็ตามจะมีปัญญาเอาเงินจากที่ไหนไปแจกประชาชนได้ตลอดปีตลอดชาติ เพราะของที่รัฐบาลนำไปแจกก็ล้วนแล้วแต่มาจากภาษีอากร และมาจากของที่ประชาชนรายอื่นๆ ร่วมบริจาคให้ทั้งนั้น
แต่ที่น่าสมเพชยิ่งกว่าก็คือเรื่องที่ประชาชนบางจำพวกยังงมงายและบ้าคลั่งกับการได้รับของฟรีโดยไม่เคยสำเหนียกแม้แต่น้อยว่า ไม่เคยมีของฟรีบนโลกใบนี้ เพราะทุกอย่างมีต้นทุน มีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ของที่ใครก็ตามคิดว่าได้มาฟรีๆ นั้น จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ของที่ได้มาฟรีๆ เพราะคนที่นำของไปบริจาคนั้น เขาก็ต้องควักเงินส่วนตัวของเขาซื้อหาเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับคนอื่นๆ ขอย้ำว่าไม่เคยมีของฟรีบนโลกใบนี้ หากคิดว่ามีของฟรีจริงๆ แล้ว ก็ขอให้คนที่ชอบรับของฟรีจากคนอื่น ลองหาของที่ตนเองคิดว่าเป็นของฟรีไปแจกจ่ายให้คนอื่นๆ บ้างก็แล้วกัน
สำหรับใครก็ตามที่คิดว่าหากรัฐบาลให้บริการฟรีด้านการเดินทางแล้ว ปัญหาการจราจรในประเทศต่างๆ จะหมดสิ้นไป โดยเฉพาะคนที่เชื่อว่าหากรัฐบาลเก็บค่าบริการการใช้รถไฟฟ้าถูกกว่เดิม ปัญหาการจราจรจะหมดสิ้นไปจากกรุงเทพฯ ขอย้ำว่าเรื่องนี้ก็ไม่เป็นความจริงในทุกกรณีเช่นกัน
มีกรณีศึกษาจากประเทศลักเซมเบิร์กที่ทำให้พบว่าการให้บริการด้านการเดินทางฟรี ก็กลับไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาการจราจรติดขัดแสนสาหัสลงได้ แต่ที่สำคัญคือยังเป็นการแสดงออกให้เห็นด้วยว่ารัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้ แถมยังสูญเสียเงินงบประมาณแผ่นดินโดยสูญเปล่า
มีข้อมูลบ่งชัดว่าจำนวนรถยนต์ในลักเซมเบิร์กมีมากมายและหนาแน่นมากที่สุดในบรรดากลุ่มประเทศที่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป จากสถิติพบว่ามีรถยนต์จำนวน 696 คันต่อประชากร 1 พันคน หรืออาจจะกล่าวได้ว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ของคนลักเซมเบิร์กต่างก็มีรถยนต์เป็นของตัวเอง แถมบางบ้านมีรถยนต์ 2-3 คันอีกด้วย ใครก็ตามที่เคยไปลักเซมเบิร์กจะได้เห็นว่ามีรถยนต์หรูหรามากมายแล่นบนถนนในตัวเมืองลักเซมเบิร์ก ทั้งๆ ที่ประเทศนี้มีประชากรเพียงแค่ 6.4 แสนคนเท่านั้น
ปัญหาการจราจรในลักเซมเบิร์กหนักมาก มากเสียจนกระทั่งรัฐบาลต้องออกมาตรการขอร้องให้ชาวเมืองใช้ระบบการขนส่งสาธารณะ โดยรัฐบาลไม่เก็บค่าโดยสารใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นรถราง รถไฟ หรือรถบัส แต่มีข้อแม้อยู่ที่ว่าหากต้องการโดยสารในชั้นหนึ่งก็ยังต้องเสียค่าบริการ
รัฐบาลยอมทุ่มเงินงบประมาณจำนวน 1.5 พันล้านบาท (31 ล้านยูโร) ต่อปี เพื่อให้บริการเดินทางฟรีกับประชาชน แต่สุดท้ายแล้วมาตรการนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาการจราจรที่ติดอย่างสาหัสได้เพราะชาวลักเซมเบิร์กไม่นิยมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ เนื่องจากเห็นว่ามีปัญหาหลายประการ เช่น มีผู้คนหนาแน่นมากในระบบการขนส่งสาธารณะ และพบว่ามีการให้บริการที่ไม่ตรงเวลา รวมถึงมีปัญหาและอุปสรรคในระบบการเดินรถ เช่น รถเสีย หรือระบบควบคุมมีปัญหา
ปมประเด็นอีกประการหนึ่งที่ทำให้ผู้ที่อาศัยในลักเซมเบิร์กไม่นิยมใช้บริการขนส่งสาธารณะคือ รัฐบาลยังคงอุดหนุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนั้น ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศจึงไม่สูงมากจนเกินไปสำหรับผู้ที่ยังชื่นชอบการขับรถยนต์ส่วนตัว และอีกประการคือค่าเช่าที่พักในเขตเมืองหลวงมีราคาแพงมากคือสูงถึง 1,200 ยูโรต่อเดือน ดังนั้น แรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านของลักเซมเบิร์กคือจากฝรั่งเศส เยอรมนี เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ จึงไม่นิยมพักอาศัยในเขตเมืองหลวง แต่มักจะไปเช่าที่พักอาศัยอยู่ในเขตนอกเมือง หรือบริเวณชายแดน ซึ่งมีราคาถูกกว่ามาก เพราะจ่ายเพียงเดือนละ 6-7 ร้อยยูโรเท่านั้น แล้วก็ขับรถยนต์เข้าไปทำงานในตัวเมือง ซึ่งแม้จะต้องประสบปัญหารถยนต์ติดขัดอย่างหนัก แต่เมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายแล้วก็พบว่ายังถูกกว่าการจ่ายค่าเช่าบ้านในเขตเมืองหลวง
นี่คือเครื่องยืนยันว่าแม้รัฐบาลจะให้นั่งรถฟรีแล้ว แต่ปัญหาการจราจรติดขัดในลักเซมเบิร์กก็ไม่ได้ถูกขจัดให้หมดสิ้นไป ดังนั้นใครที่เรียกร้องให้รัฐบาลไทยแก้ปัญหาด้วยการให้ประชาชนเดินทางฟรี หรือลดค่าโดยสารการเดินทาง ก็อย่าได้มั่นใจจนเกินไปว่าจะสามารถแก้ปัญหาการจราจรติดขัดในเขตกรุงเทพฯชั้นในได้เพราะประชาชนจำนวนไม่น้อยยังต้องพักอาศัยอยู่ในเขตชานเมืองหรือนอกเมือง เพราะราคาที่ดินถูกกว่าในเมืองหลายเท่า เพราะฉะนั้น เขาจึงยังจำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวเพื่อนำเอาตัวของเขาและคนในครอบครัวของเขาเข้าไปทำงาน เรียนหนังสือในเมือง ขอถามทิ้งท้ายว่า แล้วรัฐบาลมีปัญญาหาที่ดินหรือสร้างที่พักราคาถูกให้ประชาชนทุกคนให้พักอาศัยในเมืองได้หรือ รัฐบาลมีปัญญาทำได้หรือ หรือผู้ว่าราชการกรุงเทพฯจะทำเรื่องนี้แทนรัฐบาลขอถามว่า ผู้ว่าฯกรุงเทพฯมีปัญญาทำได้หรือ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี