สำนักข่าวต่างประเทศอ้างสื่อทางการรัฐบาลพม่าว่า เรือนจำในเมืองย่างกุ้งได้ประหารชีวิตนักโทษการเมือง 4 คน
สื่อต่างประเทศอ้างหนังสือพิมพ์นิวไลท์ เมียนมา ซึ่งเป็นสื่อทางการรัฐบาลพม่ารายงานว่า “นายเพียว เซยา ตอร์ อดีตสส.พรรคเอ็นแอลดีของนางออง ซาน ซู จี และ นายโก จิมมี่ หรือ จอ มิน ยู กับนักโทษประหารอีกสองคน ได้รับการลงโทษตามที่อัยการฟ้องและศาลทหารตัดสินประหารชีวิต..”เรือนจำในเมืองย่างกุ้ง ได้สำเร็จโทษตามกระบวนการทางกฎหมายแล้ว”
สื่อทางการพม่าไม่ได้แจ้งว่าประหารชีวิตวันไหนด้วยวิธีใดแต่สื่อต่างประเทศอ้างข่าวทางการพม่าให้รายละเอียดว่า นักโทษทั้งสี่คนถูกประหารชีวิตตามกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายในรายละเอียดของฐานความผิดที่สื่อสาธยายว่า
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2564 นายเพียว เซยา ตอร์ นายหม่องจอ เยคี นายจอ มิน ยูนายเมียว อ่องโค เวตจี และ อ่องตู ราซอได้สมคบกันก่ออาชญากรรมร้ายแรงและเป็นผู้บงการให้สังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ อย่างโหดร้ายทารุณผิดมนุษย์มนา เป็นเหตุให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตหลายคน
ดังนั้นพฤติกรรมของนักโทษประหาร จึงเข้าข่ายผิดกฎหมายต่อต้านผู้ก่อการร้าย กระบวนการยุติธรรมจึงได้ตัดสินลงโทษประหารชีวิตดังที่กล่าวมา
หาก 4 นักโทษประหารถูกสำเร็จโทษจริงตามรายงานข่าว ก็ถือว่าเป็นการประหารชีวิตนักโทษก่อการร้ายครั้งแรกในรอบสี่สิบปี นักโทษประหารที่ถูกแขวนคอคนสุดท้าย เป็นนักโทษชายวัย 25 ปี ซึ่งถูกประหารชีวิตในสมัย นายพลเนวิน เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2525
ข่าวประหารชีวิตนักโทษ 4 คนโดยเฉพาะนายเพียว เซยา ตอร์ ซึ่งเป็นอดีตสส.พรรคเอ็นแอลดี และ โก จิมมี่นักเคลื่อนไหวทางการเมืองรุ่น 888 (วันที่ 8เดือน 8 ค.ศ.1988) ได้รับการประณามจากประเทศตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารภายในประเทศ
โฆษกกลุ่มSSAของเจ้ายอดศึกผู้ไม่เปิดเผยนาม กล่าวกับ แนวหน้าว่า “เหตุการณ์ต้องบานปลาย เพราะฝ่ายต่อต้านรัฐบาลและกลุ่มชาติพันธุ์ที่สนับสนุนพีดีเอฟ (People Defense Forces=PDF) หรือกองกำลังพิทักษ์ประชาชนต้องแก้แค้น และเพิ่มความรุนแรงก่อการร้ายหนักขึ้น...
…“ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องประหารชีวิตนักโทษการเมือง ทั้งๆ ที่ ฮุน เซน เองเคยขอชีวิตพวกเขาไว้..” แหล่งข่าวกล่าว
ด้านนายพลเนอร์ดา ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนายพลโบเมียะ อดีตผู้นำยิ่งใหญ่ของกะเหรี่ยง เคเอ็นยู บอกกับแนวหน้าว่า “พีดีเอฟและกองกำลังชาติพันธุ์ที่ต่อต้านรัฐบาลทหาร ต้องเอาคืนต่อจากนี้ไปพม่าไม่มีวันสงบ”
ส่วนนักข่าวชาวพม่าที่ติดตามข่าวภายในประเทศอย่างใกล้ชิดมาไม่น้อยกว่า 40 ปีกล่าวกับแนวหน้าว่า
“รัฐบาลทหารพม่าจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายต่อต้านผู้ก่อการร้าย เพราะการก่อการร้ายจากฝ่ายพีดีเอฟรุนแรงหนักข้อขึ้นทุกวัน...พีดีเอฟ ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาเพียงแต่สงสัยว่าผู้เคราะห์ร้ายเป็นสายให้ทหาร หรือสงสัยว่าสนับสนุนรัฐบาลก็ถูกลอบสังหารแล้ว..”แหล่งข่าวกล่าวและเสริมว่า“สื่อถือฝ่ายไม่เคยออกข่าวเวลา พีดีเอฟก่อการร้าย แล้วฆ่าคนตาย สื่อส่วนใหญ่ประโคมว่า ทหารพม่าฆ่าประชาชน ฆ่าผู้ต่อต้านการยึดอำนาจ”
สื่อตะวันตกและสื่อในเครือข่ายรายงานว่าตั้งแต่ 1 ก.พ. 2564 ทหารพม่าสังหารประชาชนผู้ต่อต้านการยึดอำนาจไปแล้วไม่น้อย 1,200 คน และผู้ต่อต้านรัฐบาลทหารถูกจับขังคุกกว่า 15,000 คน
“กัมพูชาในฐานะประธานอาเซียน”ออกแถลงการณ์ว่า
“เมียนมาประหารชีวิตนักการเมืองและนักกิจกรรมทางการเมือง เป็นการกระทำที่ควรประณาม..”นายฮุน เซน เคยขอชีวิตนักโทษประหารที่เป็นนักการเมืองเอาไว้
ส่วนประเทศตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯประณามรัฐบาลทหารพม่าอย่างรุนแรง ทั้งๆ ที่ยังไม่มีรายงานที่เป็นทางการว่าได้มีการประหารชีวิตแล้ว
นักวิเคราะห์การเมืองวิจารณ์ว่าที่สหรัฐเป็นเดือดเป็นแค้นอาจเป็นเพราะมีรายงานจากหลายกระแสบ่งชี้ว่าอเมริกาเป็นผู้บงการรวมทั้งสนับสนุนอาวุธและปัจจัยให้จัดตั้งรัฐบาลเงาพม่าที่ชื่อว่า รัฐบาลสามัคคีแห่งชาติ (National Unity Government = NUG) และกองกำลังพิทักษ์ประชาชนหรือพีดีเอฟ ขึ้นมาก่อกวนขัดขวางการทำงานของรัฐบาลทหารพม่า
สหรัฐอเมริกา เป็นประเทศเสรีประชาธิปไตยที่มีการประหารชีวิตนักโทษมากที่สุดในบรรดาประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยด้วยกันทั่วโลก จากสถิติของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐพบว่าปี 2563 นักโทษถูกประหารชีวิตโดยการฉีดยาในสหรัฐอเมริกา 13 คน ปี 2564 11 คน เป็นชาย 10 หญิง 1 คน ในปี 2565 เพียงครึ่งแรกของปีสหรัฐฉีดยาให้นักโทษตายไปแล้ว 7 คน
เป็นที่น่าสังเกตว่าสหรัฐ ประหารชีวิตนักโทษโดยการฉีดยาให้ตายแต่ไม่เคยมีประเทศไหนโวยวายประณามอเมริกา ที่อ้างเป็นเสรีประชาธิปไตยมีแต่สหรัฐที่เที่ยวประณามด่าว่าประเทศอื่นๆ โดยอ้างคำว่าสิทธิมนุษยชนบังหน้า
ดังนั้น พอมีข่าวว่าเรือนจำพม่า ประหารชีวิตนักโทษ 4 คน สหรัฐอเมริกากับประเทศตะวันตกพากันออกมาโวยวาย ราวกับว่ารัฐบาลทหารพม่า ประหารชีวิตผู้ก่อการร้ายที่เป็นฝ่ายของตน
คอลัมน์นี้ ไม่สนับสนุนให้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่ว่ากรณีใดๆ แต่ก็เข้าใจในการบังคับใช้กฎหมายของแต่ละประเทศว่าหากละเว้นการบังคับใช้กฎหมาย อาจเป็นอันตรายใหญ่หลวงต่อสังคมได้
ดังที่สุนทรภู่เขียนไว้ในเรื่องพระอภัยมณี ว่า“อันแม่ทัพจับได้แล้วไม่ฆ่า ไปข้างหน้าศึกจะใหญ่ขึ้นใจหาย...
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี