แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
nn เราจะมีความสุขแต่ลำพังโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของคนอีกหลายคนที่แวดล้อมเราอยู่นั้นไม่ได้ ผู้มีเมตตาจิตหวังประโยชน์ส่วนรวมย่อมรู้จักแบ่งปันความสุขเพื่อผู้อื่น และพร้อมที่จะช่วยบรรเทาความทุกข์ของผู้อื่นตามกำลังและโอกาสเสมอ... (ความตอนหนึ่งจากพระราชดำรัส สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานแก่คณะกรรมการอาสาสมัคร และอาสาสมัคร สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน วันที่ 2 มีนาคม 2510)...
nn การเดินทางเยือนไต้หวันโดยประธานสภาผู้แทนราษฎร สหรัฐฯ แนนซี เพโลซี และเข้าพบประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน ของไต้หวัน คือการประกาศให้นานาชาติรู้ว่าสหรัฐฯ ยังให้ความสำคัญกับไต้หวันอย่างชัดเจน แม้จะยืนยันว่าเคารพหลักการจีนเดียวของรัฐบาลปักกิ่งก็ตาม แต่สิ่งที่เพโลซีประกาศกับ ไช่ อิงเหวิน ว่า การมาเยือนในครั้งนี้เท่ากับแสดงชัดเจนว่าสหรัฐฯ เป็นมิตรที่แนบแน่นกับรัฐบาลไทเปและเห็นว่ารัฐบาลไทเปเป็นหุ้นส่วนประชาธิปไตยของสหรัฐฯ แต่สิ่งที่รัฐบาลปักกิ่งกระทำแล้วก็คือ การส่งเครื่องบินรบไปบินฉวัดเฉวียนใกล้บริเวณช่องแคบไต้หวัน เพื่อแสดงให้ไต้หวันเห็นว่า อย่าเล่นกับไฟจากมังกรปักกิ่ง...
nn ถามว่าสหรัฐฯ ประเมินความไม่พอใจของรัฐบาลปักกิ่งได้หรือไม่กับการเยือนครั้งนี้คำตอบคือ น่าจะพอประเมินได้ แต่ก็ดูเหมือนสหรัฐฯ จะไม่ใส่ใจมากนัก เพราะอาจรู้ดีว่าตนเองยังมีไพ่บางใบที่น่าจะทำให้รัฐบาลปักกิ่งยังต้องเกรงอกเกรงใจ การเยือนไต้หวันครั้งนี้ ทำให้รัฐบาลปักกิ่งถึงกับประกาศว่า หากคิดจะเล่นกับไฟ ก็ต้องถูกไฟเผา การประกาศดังกล่าวของปักกิ่งทำให้นักวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศจับตามองว่า ปักกิ่งจะตอบโต้การกระทำครั้งนี้ของสหรัฐฯ อย่างไร แต่ปักกิ่งจะประณามรัฐบาลสหรัฐฯ ก็คงจะทำได้ไม่เต็มปาก เพราะสหรัฐฯ อ้างมาโดยตลอดว่าฝ่ายนิติบัญญัติ กับฝ่ายบริหาร (รัฐบาลสหรัฐฯ) เป็นเอกเทศกันโดยเด็ดขาด...
nn แต่ทุกครั้งเมื่อสหรัฐฯ กับจีนมีข้อบาดหมางเกิดขึ้นคราใดก็ตาม ก็๋ทำให้เกิดความตึงเครียดในโลกตามมาทุกครั้ง โดยเฉพาะกับประเทศเล็กๆ น้อยๆ ที่อยู่ในอาณาบริเวณที่สหรัฐฯ กับจีนมักจะแสดงแสนยานุภาพทางการทหารเพื่อข่มขู่ และป้องปรามกันไปกันมา และครั้งนี้ก็มีผู้จับตามองว่าอาจจะเกิดความตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้งในเขตทะเลจีนใต้ และก็เกรงกันว่าจะไม่ใช่สงครามการค้าเหมือนยุคอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่อาจจะกลายเป็นสงครามจริงๆ แบบย่อยๆ ก็ได้...
nn ประเด็นการควบรวมกิจการระหว่างทรูกับดีแทค ยังคงเป็นเรื่องราวใหญ่ที่สังคมไทย (เฉพาะผู้ที่สนใจเท่านั้น) ยังคงถกเถียงถึงผลดีผลเสียของการรวมกิจการทั้งสอง เรื่องนี้หากมองจากมุมมองของทรู ก็ต้องบอกว่าดีเลิศ และจะทำให้กิจการดีขึ้น ให้บริการได้ดีมากกว่าเดิม และทำให้กิจการโทรคมนาคมของไทยสามารถแข่งขันกับนานาชาติได้อย่างวิเศษ แต่หากถามมุมมองขององค์กรด้านคุ้มครองผู้บริโภคก็จะบอกตรงกันข้ามกับทรู แล้วยังบอกด้วยว่าประชาชนผู้บริโภคจะเสียผลประโยชน์ในอนาคต ผู้ใช้บริการจะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นในอนาคต การแข่งขันเพื่อให้บริการที่ดีขึ้นของผู้ให้บริการบริษัทโทรคมนาคมก็จะลดลง แม้อาจจะไม่ถึงกับฮั้วกัน แต่ก็ไม่น่าจะแข่งขันกันต่อไป เพราะเป็นบริษัทเดียวกันแล้ว อย่าลืมว่าเมื่อเคยมีผู้ให้บริการสามรายใหญ่ แต่กลับมาเหลือเพียงสองรายใหญ่ การแข่งขันก็ไม่น่าจะรุนแรงเหมือนมีตัวแข่งจำนวนมาก...
nn เมื่อมองเรื่องการรวมกิจการทรูกับดีแทคจากสายตาของคณะกรรมการ กสทช. ยุคล่าสุด ก็จะเห็นว่ายังไม่มีการพูดจาเรื่องนี้ให้ชัดเจน ยังไม่มีการฟันธงใดๆ แม้จะมีความเห็นบ้างจาก กสทช. บางรายว่าการรวมกิจการไม่น่าจะเป็นผลดีต่อสาธารณชน แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว กสทช. ก็ไม่พูดเรื่องนี้ชัดๆ แต่ที่น่าสนใจคือ ขณะนี้ยังขาด กสทช. อีกสองตำแหน่ง คือ ด้านกฎหมาย และด้านกิจการโทรคมนาคม แม้จะได้ไปแล้ว 5 ตำแหน่ง โดยอีกสองตำแหน่งที่ยังขาดอยู่นั้น ก็มีข่าวหลุดออกมาเป็นระยะๆว่ามีความพยายามจะดันให้คนของนักการเมืองใหญ่รายหนึ่ง (บอกเพียงเท่านี้ก็มีใบหน้าอูมๆ ของนักการเมืองใหญ่รายนั้นลอยเด่นขึ้นมาโดยฉับพลัน) ว่ากันว่าคนที่นักการเมืองที่้เป็นทหารใหญ่ต้องการดันให้เข้าไปนั่งในตำแหน่งที่ยังว่างมาจากสายตำรวจ เพราะน้องชายนักการเมืองใหญ่ที่ว่านั้นมาจากสายตำรวจ อันที่จริงคนที่ตามข่าว กสทช. มาอย่างใกล้ชิดก็คงรู้ดีแล้วว่าหัวหน้าใหญ่ของ กสทช. ก็มาจากนักการเมืองใหญ่เช่นกัน ข่าววงในระบุว่า ผู้มีอำนาจการเมืองรายนั้นต้องการให้การรวมกิจการระหว่างทรูกับดีแทคจบๆ ไปโดยเร็ว เพราะฝ่ายที่ต้องการรวมกิจการก็เร่งรัดมาโดยตลอดแต่มันติดขัดที่ กสทช. ที่มีอยู่ห้าคนในขณะนี้ ยังมีบางคนขวางทางอยู่ ดังนั้นทางที่ดีก็ต้องหามือสนับสนุนมาช่วยยกเพิ่ม เพื่อให้ผ่านการควบรวมนี้โดยเร็ว...
nn อันที่จริงเวลาพูดถึงคนอยากเป็น 1 ใน 7 อรหันต์กสทช. แล้วก็ทำให้ต้องนึกถึงผู้หญิงคนหนึ่ง (เขาว่ากันว่าทำตัวสูงศักดิ์มิใช่น้อย) นางเคยมีอำนาจอยู่ในสภา ในยุคที่ คสช. ทำรัฐประหารเข้ามาใหม่ๆ นางต้องการเข้าไปเป็นกสทช. มาก แต่คนที่รู้กึ๋นของนางดี บอกว่านางไม่เหมาะ เพราะดีแต่พูดมากกว่า แถมคนใน กสทช. ก็ยังรู้ว่านางชอบสร้างเรื่องโยนขี้ให้คนอื่นเป็นประจำ คนใน กสทช. บอกว่าหากได้คนพรรค์อย่างนี้เข้ามาอยู่ใน กสทช. มีหวังบรรลัยจักรหนักกว่าเดิม...
nn พูดถึงเรื่องควบรวมกิจการทรูกับดีแทคแล้ว ก็ต้องบอกว่ามีคนเชียร์อยู่ไม่น้อย หนึ่งในนั้นก็คือเศรษฐพงษ์ มะลิสุวรรณ อดีตรองประธาน กสทช. บอกตรงๆ ว่าการควบรวมกิจการโทรคมนาคมไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเคยมีมาแล้วหลายเคส แล้วที่ผ่านมาก็เป็นการแจ้งความประสงค์ขอควบรวมกิจการโดยไม่ยุ่งยาก เพราะทำไปตามประกาศ กสทช. ปี 2561 เมื่อเศรษฐพงษ์ บอกแบบนี้ก็ทำให้ต้องกลับไปดูประกาศของกสทช. ปี 2561 ก็เลยพบว่าเรื่องนี้ออกในสมัยเศรษฐพงษ์อยู่ในกสทช. แต่เมื่อ เศรษฐพงษ์ บอกเช่นนี้ก็มีผู้แย้งอีกว่า อันที่จริงการควบรวมกิจการโทรคมนาคมก็ยังกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่ต้องศึกษาอีกมากมายหลายประเด็น คงจะอ้างแบบเศรษฐพงษ์ไม่ได้ ต้องกลับไปดูก่อนด้วยว่า ก่อนจะมาเป็น กสทช. นั้น มันมีหน่วยงานไหนมาก่อน แล้วก็ต้องศึกษาด้วยว่าในหน่วยงานก่อนหน้านั้นระบุเรื่องควบรวมกิจการไว้อย่างไร...
nn ปิดท้ายด้วยเรื่องที่หลายคนฮือฮากับรายชื่อผู้ได้เข้าอบรมหลักสูตรอภิมหายักษ์ใหญ่ยิ่งของสังคมไทย นั้นคือหลักสูตร วปอ.ชุดล่าสุด ธรรมกร ขออนุญาตไม่เอ่ยรายชื่อคนที่โด่งดังในสังคมที่ได้เข้าไปอบรม เพราะมีหลายคนมิใช่น้อย แล้วแต่ละคนก็ภารกิจรัดตัว มีธุรกิจหลายพ้นล้านอยู่ในความรับผิดชอบ คำถามสั้นๆ ตรงๆ คนยิ่งใหญ่ระดับนั้น เวลาเรียน วปอ. แล้วต้องทำวิทยานิพนธ์ด้วย คำถามคือมีเวลาเขียนวิทยานิพนธ์ด้วยตัวเองจริงหรือ หลายคนไม่สงสัยเรื่องข้อมูลความรู้ในด้านที่แต่ละคนเชี่ยวชาญและชำนาญ เพราะทุกคนเยี่ยมยุทธ์ทั้งนั้น แต่คำถามคือมีเวลาเขียนวิทยานิพนธ์ด้วยตัวเองจริงหรือ อยากรู้แค่นี้แหละ...nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี