เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 7-8 ปีมาแล้ว ที่ผู้ติดตามการส่งออกข้าวไทยทราบดีว่าข้าวไทยแข่งขันกับข้าวเวียดนาม และข้าวอินเดียไม่ได้ พูดง่ายๆ คือ ไทยส่งออกข้าวได้น้อยลงเป็นลำดับ สาเหตุเพราะอินเดีย และเวียดนามส่งข้าวออกได้มากกว่าไทย และอาจจะถูกเมียนมาแซงหน้าในอนาคตด้วย
ถึงแม้ว่า ปัจจุบันข้าวหอมมะลิไทยยังคงเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดในบรรดาข้าวเจ้าทุกชนิดบนโลกใบนี้ แต่ทว่าข้าวหอมมะลิไทยมีราคาแพงมาก ซึ่งแพงมากเสียจนหลายประเทศไม่ซื้อไปบริโภค แต่หันไปซื้อข้าวเจ้าที่มีคุณภาพดีรองกว่าข้าวหอมมะลิไทย แต่ราคาถูกกว่าข้าวหอมมะลิไทยหลายเท่า เช่น ข้าวหอมเวียดนาม และข้าวพันธุ์เนื้อนุ่มของเวียดนาม เป็นต้น
เพราะฉะนั้น ข้าวไทยชนิดคุณภาพปานกลางต้องสูญเสียแชมป์การส่งออกให้กับข้าวจากอินเดีย และเวียดนาม ทั้งๆ ที่ไทยเคยส่งออกข้าวได้มากที่สุดในโลกมาก่อนเมื่อหลายทศวรรษที่ผ่านมา
ถึงแม้ปัจจุบัน ข้าวเจ้าคุณภาพที่สุดของโลกยังคงเป็นของข้าวหอมมะลิไทย แต่ก็มีลูกค้าเพียงไม่กี่ประเทศบนโลกเท่านั้นที่มีกำลังซื้อข้าวคุณภาพดีของไทยไปบริโภค และที่สำคัญเราต้องไม่ลืมว่าประเทศคู่แข่งที่ส่งออกข้าวเจ้าต่างก็พยายามพัฒนาพันธุ์ข้าวของเขาให้ทัดเทียมคุณภาพข้าวหอมมะลิไทย แม้วันนี้ประเทศคู่แข่งยังไม่สามารถพัฒนาข้าวเจ้าที่ดีกว่าข้าวหอมมะลิไทยได้ แต่สำหรับเวียดนามนั้น สามารถผลิตข้าวคุณภาพดีกว่าเดิมได้ โดยเนื้อของเมล็ดข้าวมีความนุ่มมากกว่าข้าวเวียดนามยุคก่อน แถมยังมีพันธุ์ข้าวหอมที่สามารถแย่งตลาดข้าวไทยได้อย่างน่าเป็นห่วงด้วย ดังจะเห็นว่าตลาดจากจีนที่เคยซื้อข้าวคุณภาพกลางๆ จากไทยก็หันไปซื้อข้าวคุณภาพกลางๆ จากเวียดนามแทน แต่ที่น่าเป็นห่วงมากกว่าคือ จีนกำลังพัฒนาคุณภาพข้าวของตน และเพิ่มการผลิตข้าวในประเทศอย่างจริงจัง ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ว่าในอนาคต จีนอาจจะกลายเป็นประเทศคู่แข่งการส่งออกข้าวอีกหนึ่งประเทศของไทยก็ได้
เมื่อย้อนกลับไปพิจารณาตัวเลขการส่งออกข้าวของไทยตั้งแต่ปี 2561 พบว่าไทยส่งออกข้าว 11.23 ล้านตัน มูลค่า 1.82 แสนล้านบาท ปี 2562 ส่งออก 7.58 ล้านตัน มูลค่า 1.32 แสนล้านบาท ปี 2563 ส่งออก 5.73 ล้านตัน มูลค่า 1.16 แสนล้านบาท และปี 2564 ส่งออก 6.12 ล้านตัน มูลค่า 1.08 ล้านบาท จากตัวเลขการส่งออกและตัวเลขมูลค่าการค้าข้าว แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ไทยส่งออกข้าวเจ้าลดลงทุกปี และรายได้ก็ลดลงด้วยเช่นกัน แม้ในปี 2564 จะส่งออกข้าวได้มากกว่าปี 2563 แต่รายได้จากการค้าข้าวก็น้อยกว่าปี 2563 นั่นแสดงว่าราคาข้าวที่ไทยขายได้ลดลงกว่าปีก่อนหน้า
ในขณะที่ไทยส่งออกข้าวได้น้อยลง แต่อินเดียกลับส่งข้าวออกได้เพิ่มขึ้น ส่วนเวียดนามนั้นส่งออกข้าวไม่เปลี่ยนแปลง
ขอย้ำว่าการที่มูลค่าการค้าข้าวของไทยลดลง แสดงว่าราคาข้าวไทยมีราคาถูกลงกว่าเดิม
เมื่อดูปริมาณการผลิตข้าวเทียบต่อไร่ระหว่างไทยกับเวียดนามพบว่า พื้นที่ 1 ไร่ ไทยผลิตข้าวได้เพียง 400-500 กิโลกรัมเท่านั้น ในขณะที่เวียดนามผลิตได้ 700-900 กิโลกรัมในพื้นที่ 1 ไร่เท่ากัน นี่คือปัญหาสำคัญที่ผู้เกี่ยวข้องกับการผลิตข้าวไทยจำเป็นต้องนำไปพิจารณาและหาทางแก้ไขโดยด่วน
ประเด็นถัดมาคือการปลูกข้าวของไทยต้องอาศัยน้ำฝนมากกว่าอาศัยน้ำจากระบบชลประทาน จึงทำให้ส่วนใหญ่ไทยปลูกข้าวได้ปีละ 1 รอบการผลิต แต่อินเดียกับเวียดนามสามารถปลูกข้าวได้ปีละ 2-3 ครั้ง
นอกจากนี้ต้นทุนการผลิตข้าวของไทยยังสูงกว่าของอินเดียและเวียดนามหลายเท่า เนื่องจากชาวนาไทยส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน แถมต้องเช่าที่นาเพื่อทำนา บางรายต้องเช่าที่ดินตัวเองที่นำไปจำนองกับนายทุนไว้เพื่อทำนา แล้วยังต้องซื้อปุ๋ยในราคาแพงเพื่อใส่ข้าว แล้วก็ต้องจ่ายค้าจ้างเพื่อการปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวทุกฤดูกาล ตามสถิติพบว่าต้นทุนการปลูกข้าว 100 บาท กลายเป็นค่าปุ๋ยไปแล้ว 26 บาท ส่วนค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และค่าจ้าง ค่ายาฆ่าแมลงกำจัดศัตรูพืชยังไม่ได้คิด ดังนั้นสุดท้ายแล้วชาวนาจึงเกือบไม่เหลือเงินกำไรแม้แต่บาทเดียว นี่คือคำตอบว่าทำไมยิ่งทำนายิ่งจน ซึ่งนี่ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องถูกผู้ส่งออกข้าว และโรงสีข้าวกดราคาชาวนาอีก
การที่พ่อค้าส่งออกข้าวไทยจะแข่งขันกับอินเดียและเวียดนามได้ก็ต้องกดราคาข้าวไทยให้ต่ำ ทั้งๆ ที่ต้นทุนการผลิตของไทยสูงมาก มีคำถามว่าทำไมไทยไม่พัฒนาการผลิตข้าวให้ดีขึ้นกว่าเดิม หรือให้ทันสมัยเหมือนในประเทศตะวันตก หรือญึ่ปุ่น เกาหลีใต้ คำถามคือชาวนาจะเอาเงินจากที่ไหนไปพัฒนาการผลิต เพราะทุกวันนี้ก็ผลิตแล้วเกือบไม่ได้กำไร แต่ก็ยังต้องทนทำต่อไป ชาวนาจำนวนมากทำนาแล้วขาดทุน แล้วก็เป็นหนี้สะสม แต่ไม่สามารถทิ้งการทำนาได้ เรื่องแบบนี้เป็นทุกข์ของชาวนาโดยแท้ และนับเป็นทุกข์ของแผ่นดินอย่างแท้จริง
มีใครจะปลดทุกข์ให้ชาวนาไทยได้บ้างหนอ รัฐบาลไทยจะมีปัญญาแก้ได้ไหมหนอ แล้วคนไทยจะช่วยกันแก้ไขปัญหาให้ชาวนาได้ไหมหนอ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี