และแล้วประเทศไทยก็มีผู้รักษาราชการนายกรัฐมนตรีชื่อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ ประยุทธ์ จันทร์โอชายุติการปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาคำร้องกรณีที่กล่าวหาว่าประยุทธ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นเวลาเกิน 8 ปี
ไม่มีใครรู้ว่าประยุทธ์คิดและมีความรู้สึกอย่างไรเมื่อต้องยุติการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว เนื่องจากไม่มีใครได้ยินคำชี้แจงเล่าแถลงเรื่องนี้โดยตรงจากปากของประยุทธ์ และขณะเดียวกัน ก็ไม่มีใครรู้ว่าประวิตรมีความยินดีหรือไม่ยินดีอย่างไรกับการได้รับตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรี เพราะไม่มีการแถลงจากปากของประวิตรในเรื่องนี้ นอกจากการได้เห็นสีหน้าท่าทางของประวิตรหลังจากเขาทราบว่าตัวของเขาได้รับตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรี
แต่สิ่งหนึ่งที่ประชาชนจำนวนหนึ่งวิพากษ์หลังจากได้ทราบว่าประเทศไทยมีผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีชื่อประวิตร วงษ์สุวรรณ คือ นับว่าเป็นวิบากกรรมชนิดหนึ่งของประเทศไทย ส่วนนักการเมืองฝ่ายค้านบางคนก็ถึงกับบอกว่า นี่คือการหักหลบจากการชนท้ายรถกระบะ แล้วกลายเป็นพุ่งเข้าเสยท้ายรถเทรลเลอร์อย่างจัง
คนไทยหลายคนบอกว่าไม่มีความหวังใดๆ หลงเหลืออีกแล้วเมื่อได้ทราบข่าวว่าประเทศไทยมีรักษาการนายกรัฐมนตรีชื่อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะไม่เคยมีความศรัทธาใดๆ กับคนชื่อประวิตรมาก่อนแม้แต่น้อย แม้จะรู้อยู่แก่ใจดีว่าการขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประยุทธ์ต้องได้รับการหนุนส่งจากประวิตรอย่างมีนัยสำคัญ
แม้หลายคนอาจจะมีความหวังว่าในที่สุดแล้วศาลรัฐธรรมนูญอาจจะมีคำพิพากษาว่าประยุทธ์มิได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปี เนื่องจากยึดตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 แต่ถึงกระนั้นหลายคนก็บอกว่า ก็อาจจะเป็นการดีเหมือนกันที่ประยุทธ์จะใช้โอกาสนี้ประกาศกับสาธารณชนว่า ผมพอแล้วกับการเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายแล้วประยุทธ์จะประกาศว่าผมพอแล้วหรือไม่
เมื่อย้อนไปพินิจบทบัญญัติในมาตรา 82 แห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ที่ระบุว่า หากปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าสมาชิกผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้อง ให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั่งให้สมาชิกผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคําวินิจฉัย และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคําวินิจฉัยแล้ว ให้ศาลรัฐธรรมนูญแจ้งคําวินิจฉัยนั้นไปยังประธานแห่งสภาที่ได้รับคําร้องตามวรรคหนึ่ง ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง ให้ผู้นั้นพ้นจากตําแหน่ง นับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่กระทบต่อกิจการที่ผู้นั้นได้กระทําไปก่อนพ้นจากตําแหน่ง
คนไทยที่ติดตามการเมืองมีคำถามว่า นายกรัฐมนตรีรักษาการกับผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เหมือนหรือต่างกันอย่างไร เรื่องนี้มีคำอธิบายเบื้องต้นว่า นายกรัฐมนตรีรักษาการคือนายกรัฐมนตรีคนเดิมที่พ้นจากตำแหน่ง แต่ยังต้องอยู่เพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปภายใต้เงื่อนไขและข้อกำหนดของกฎหมายทุกประการ โดยนายกรัฐมนตรีรักษาการยังมีอำนาจเต็มในทุกกรณี ซึ่งต่างกับผู้รักษาการนายกรัฐมนตรี เพราะผู้รักษาการจะเกิดขึ้นได้ก็เมื่อไม่มีนายกรัฐมนตรีคนเดิมอีกต่อไป หรือนายกรัฐมนตรีคนเดิมไม่อยู่ จึงต้องคัดเลือกผู้อื่นไปปฏิบัติหน้าที่แทน ดังปรากฏว่ามีการเลือกให้ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เข้ารับตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีแทน ประยุทธ์ จันทร์โอชา
อย่าลืมว่าประวิตรทำหน้าที่รักษาการแทนนายกรัฐมนตรีมาแล้วในช่วงที่นายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ แต่สำหรับกรณีล่าสุดนี้ เป็นประเด็นศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นายกรัฐมนตรีตัวจริงยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำพิพากษาจากศาลรัฐธรรมนูญเรียบร้อยแล้ว
มีผู้มองข้ามประเด็นนี้ไปว่า หากศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาให้ประยุทธ์ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจริงๆ ก็หมายความว่าประวิตรต้องทำหน้าที่รักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป เพราะมีการเรียงลำดับรองนายกรัฐมนตรีที่ต้องทำหน้าที่รักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไว้เรียบร้อยแล้ว และก็หมายความว่าประวิตรจะทำหน้าที่นี้ไปจนกว่าประธานรัฐสภา คือชวน หลีกภัยจะเรียกประชุมร่วมสภาเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยเลือกสรรจากรายชื่อผู้ที่ถูกเสนอให้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2562 ดังมีรายชื่อต่อไปนี้ สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ ชัยเกษม นิติสิริ ชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ (จากพรรคเพื่อไทย) อนุทิน ชาญวีรกูล (จากภูมิใจไทย) และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (จากประชาธิปัตย์) จะเห็นได้ว่าไม่มีชื่อของประวิตร วงษ์สุวรรณ
ทั้งนี้ผู้ที่จะได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องได้รับคะแนนเกินกึ่งหนึ่งจากสมาชิกทั้งสองสภานั่นก็หมายความว่าไม่มีชื่อประวิตร วงษ์สุวรรณในการชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็หมายความว่าประวิตรไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี