กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์เป็นความขัดแย้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันกับนโยบายกัญชาเสรีที่ “หมอหนู - อนุทินชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และพรรคภูมิใจไทยใช้เป็นกุศโลบายในการหาเสียงเลือกตั้งกระทั่งได้อานิสงส์เข้ามานั่งในสภาผู้แทนราษฎรได้กว่า 50 คน พรรคภูมิใจไทยฝ่าฟันสามารถปลดล็อกกัญชาออกจากกฎหมายยาเสพติดในประเทศได้ ท่ามกลางเสียงชื่นชมกับโครงการนำกัญชามาใช้ในทางการแพทย์ ทว่าเรื่องราวช่วงแรกกลับโรยด้วยกลีบกุหลาบไม่จนเกิดเสียงครหาว่า “ชิงสุกก่อนห่าม”
ที่สุดกล่องดวงใจ “พูดแล้วทำ” … “ร่างพระราชบัญญัติกัญชงกัญชา พ.ศ. …”ถูกเสนอเข้าสู่การพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติ สภาผู้แทนราษฎรมีมติรับหลักการร่างกฎหมายฉบับนี้ พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการมาดำเนินการ และเมื่อคณะกรรมาธิการดำเนินการปรับปรุงแก้ไขร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวแล้วเสร็จก็มีการนำเข้าสู่การพิจารณาในวาระสองและวาระสามตามขั้นตอนการออกกฎหมาย โดยจากเดิมที่มี 45 มาตรา กรรมาธิการแก้ไขเพิ่มเติมเป็น 95 มาตรา
เมื่อนำกลับเข้าสู่สภาเพื่อพิจารณาในวาระสองและวาระสามพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐกลับเสนอญัตติให้พรรคภูมิใจไทยผู้เสนอกฎหมายถอนร่างกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการนี้ออกไปแก้ไขใหม่ในช่วงเวลาที่สภาผู้แทนราษฎรปิดเทอมใหญ่ หลังจากนั้นค่อยนำกลับเข้ามาพิจารณาใหม่เพื่อความละเอียดรอบคอบกับสังคมไทย ท่ามกลางเสียงก่นด่ากรีดร้องโหยหวนของบรรดา สส.พรรคภูมิใจไทยโดยถ้วนทั่วว่า “เป็นเกมการเมืองที่ไม่ยึดผลประโยชน์ของประชาชน”
แม้โครงการกัญชาเสรีจะเป็นนิมิตหมายที่ดีในทางการแพทย์ แต่พรรคภูมิใจไทยต้องตระหนักและยอมรับความเป็นจริงก่อนว่าการต่อหัวต่อหางเพิ่มอีก 50 มาตรา ทำให้เนื้อหาของร่างพ.ร.บ.กัญชาหลุดออกจากกรอบเดิมไปหลายทิศหลายทาง ที่สุดเนื้อหาของร่างกฎหมายนี้ มีลักษณะเป็นการส่งเสริม สนับสนุนให้ประชาชนปลูกกัญชาตามนโยบายรัฐบาล และเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเสพหรือใช้กัญชาโดยเสรีเพื่อนันทนาการมิใช่เพื่อการใช้กัญชาทางการแพทย์ เพื่อการบำบัดรักษาผู้ป่วยถ่ายเดียว
การเสนอกฎหมายที่มีหลักการและเนื้อหาหลายประการที่ขัดต่อกฎหมายยาเสพติดระหว่างประเทศ จะทำให้เกิดปัญหาในสังคมไทยหลายประการ ตั้งแต่ปัญหาในครอบครัว ชุมชน อาชญากรรม อุบัติเหตุ การใช้กัญชาในกลุ่มเด็ก เยาวชน ผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข จะทำให้สังคมไทยขาดความมั่นคง ประชาชนส่วนใหญ่มิได้รับประโยชน์จากการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด ผู้รับประโยชน์จะเป็นกลุ่มนายทุนผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา
ในขณะที่ประชาชนจะได้รับการมอมเมาให้ใช้หรือบริโภคกัญชาที่ไม่เหมาะสมอย่างไร้ผลประโยชน์
นอกจากนี้องค์กรทางวิชาการได้เผยแพร่ผลการสำรวจล่าสุดพบว่า “ผู้ป่วย” ที่เข้ามารับการบำบัดมากที่สุดคือ“ผู้ป่วย” ที่ใช้กัญชาและมีอาการทางจิตรุนแรง เพราะผู้ที่สูบกัญชากว่าจะแสดงอาการรุนแรงใช้ระยะเวลานานกว่ายาบ้าหรือไอซ์ จึงเข้าสู่กระบวนการบำบัดช้ากว่าที่ควรจะเป็น จะเป็นอาการหลอน หูแว่ว หลงผิด หวาดระแวง และทำร้ายผู้อื่น ข้อมูลปี 2563 มีผู้ป่วยจิตเวชจากกัญชาเพิ่มขึ้นร้อยละ 18และข้อมูลปี 2564 จนถึงปัจจุบันเพิ่มเป็นร้อยละ 28 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น กัญชาจึงเป็นสารเสพติดที่ต้องเฝ้าระวัง
ในอนาคตกัญชาจะก่อความรุนแรงในสังคม เนื่องจากว่ากัญชาสามารถสั่งซื้อได้ง่ายจากสื่อโซเชียล
พรรคภูมิใจไทยควรสังวรเสียใหม่ว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นสองพรรคร่วมรัฐบาลออกมาเหยียบเบรกร่างกฎหมายที่พรรคเสนอจนต้องร้องแรกแหกกระเชอเยี่ยงนี้ น่าจะมีข้อระแวงเคลือบแคลงสงสัยในพฤติกรรมการต่อหัวต่อหางเพิ่มอีก 50 มาตราจากร่างกฎหมายที่สภารับหลักการ จนทำให้เนื้อหาของร่างพ.ร.บ.กัญชาหลุดออกจากกรอบเดิมไปหลายทิศหลายทาง
ทั้งยังสนับสนุนให้คนไทยปลูกกัญชาได้บ้านละ 15 ต้นเพิ่มจากที่พรรคภูมิใจไทยเคยหาเสียงไว้ว่าให้คนไทยปลูกกัญชาบ้านละ 6 ต้น กว่าเท่าตัวด้วย แทนข้ออ้างเกมการเมืองเพื่อเรียกคะแนนเสียง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี