ธุรกิจโทรคมนาคมเป็นกิจการที่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมหาศาล เป็นหลักหมื่นหลักแสนล้านบาท ดังนั้น เมื่อต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมหาศาล ก็หมายความผู้ดำเนินธุรกิจจะต้องเร่งผลตอบแทนจำนวนมหาศาลที่จะกลับเข้าสู่กระเป๋าของผู้ลงทุน
ดังนั้นจึงไม่แปลกประหลาดที่จะพบว่านายทุนยักษ์ใหญ่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศจึงพยายามเข้าไปเก็บเกี่ยว
ผลประโยชน์จากธุรกิจการให้บริการระบบโทรคมนาคม ดังที่สาธารณชนในไทยได้ประจักษ์มาแล้วว่า ผลกำไรมหาศาลจากธุรกิจโทรคมนาคมได้ทำให้อดีตตำรวจยศพันตำรวจโทคนหนึ่งของไทยได้ผันตัวกลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของไทยในระยะเวลาที่ไม่นานนัก แล้วนอกจากนั้นยังได้ผันตัวเองไปเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกด้วย
เมื่อพูดถึงการให้บริการระบบโทรคมนาคมของไทยก็จำเป็นต้องพูดถึงหน่วยงานแห่งหนึ่ง คือสำนักงานคณะกรรมการกิจการกำกับกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งอันที่จริงหน่วยงานนี้ดูแลและกำกับกิจการอื่นๆ ด้วย เช่น วิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์
เรื่องราวความเป็นไปต่างๆ นานา ภายใน กสทช. นับเป็นประเด็นที่สาธารณชนต่างให้ความสนใจและจับตามองอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด เนื่องจากมีประเด็นที่ทำให้สาธารณชนวิพากษ์วิจารณ์เสมอๆ คือเรื่องความโปร่งใสภายใน กสทช. รวมถึงประเด็นผู้บริหารระดับสูงของ กสทช. ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าความพัวพันกับผู้มีอำนาจรัฐ ดังจะพบว่าในบางยุคนั้นผูู้บริหาร กสทช. ถูกคัดค้านอย่างหนักจากสังคม เนื่องจากมีปัญหาคุณสมบัติไม่ครบถ้วน บางรายมีปัญหาด้านพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจ และบางรายก็มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย และบางรายก็ถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีความเป็นตัวแทนหรือหุ่นเชิดหุ่นชักของนายทุนผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมอย่างชัดเจน
หลายต่อหลายครั้ง เมื่อวิญญูชนได้เห็นรายชื่อของบุคคลที่ถูกยัดหรือถูกผลักดันเข้าไปเป็นคณะกรรมการ กสทช. แล้วก็ได้แต่สมเพชประเทศไทย และสมเพชตัวเอง เหตุที่ต้องสมเพชก็เพราะชื่อของบุคคลบางคนที่ถูกดันเข้าไปเป็นกรรมการ กสทช. ไม่มีความน่าเชื่อถือ น่าศรัทธาแม้แต่น้อย เพราะบางรายไม่มีความน่าเลื่อมใส แถมยังมีภาพความเป็นข้าทาสบริวารของนายทุนและข้าทาสบริวารของผู้มีอำนาจรัฐอย่างเด่นชัด
หลายต่อหลายครั้ง เมื่อวิญญูชนได้เห็นชื่อของคณะกรรมการสรรหา กสทช. และเห็นชื่อผู้ถูกเสนอเป็น กสทช. แล้วก็ได้แต่กุมขมับ เพราะหดหู่ สิ้นหวัง และไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อยว่า กสทช. บางคนจะสามารถรักษาผลประโยชน์สาธารณะได้ เนื่องจากพบว่า กสทช. บางรายมีความเป็นมา และมีพฤติกรรมที่สามารถกล่าวได้โดยตรงว่า แสดงออกซึ่งความเป็นข้าทาสของบริษัทเอกชนอย่างชัดเจน
อันที่จริง กสทช. มีพันธกิจสำคัญ คือการทำงานเพื่อรักษาและปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ แต่เมื่อดูการทำงานของ กสทช. ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันกลับพบว่า กสทช. บางคนไม่เคยทำหน้าที่ปกป้องและรักษาผลประโยชน์สาธารณะแม้แต่น้อย จนทำให้เกิดคำถามตรงๆ ไปยังหน่วยงานหนึ่งใน กสทช. คือหน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ผู้บริโภคว่าเคยทำหน้าที่เพื่อผู้บริโภคบ้างหรือไม่ ขอย้ำว่าผู้บริโภคที่ กสทช. ต้องดูแลคือผู้ใช้บริการโทรศัพท์บ้าน โทรศัพท์เคลื่อนที่ (มือถือ) โทรศัพท์สาธารณะ และผู้ใช้บริการระบบอินเตอร์เนต และหน่วยงานใน กสทช. ที่มีหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม คือสำนักรับเรื่องร้องเรียนและคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม โดยมีหน้าที่คือกำหนดมาตรการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน (หรือผู้บริโภค) ไม่ให้ถูกผู้ประกอบการเอาเปรียบ และมีหน้าที่ส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาคของประชาชนในการเข้าถึงการใช้ประโยชน์คลื่นความถี่และบริการกิจการโทรคมนาคม และรับรวมถึงพิจารณาเรื่องร้องเรียน และหาทางยุติข้อขัดแย้งระหว่างผู้ประกอบการกับผู้บริโภค
เราจะเห็นว่า กสทช. มีพันธกิจที่แสนสำคัญ แต่ก็มี คำถามเสมอๆ ว่าแล้ว กสทช. เคยทำหน้าที่ตามพันธกิจหรือไม่
คำถามที่สาธารณชนถามเป็นประจำคือ กสทช. ทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคจริงหรือ หรือว่า กสทช. ได้ตั้งหน่วยงานใหม่แต่ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณชนคือ หน่วยงานคุ้มครองนายทุนผู้ประกอบการ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี