เป็นเรื่องที่ชัดเจนแล้วว่าดอกเบี้ยของประเทศต่างๆบนโลกใบนี้กำลังปรับตัวเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้นอีกในช่วงเวลาก่อนจะสิ้นปี 2565 แต่ถ้าหากจะมียกเว้นก็เพียงประเทศจีน ญี่ปุ่น และอาจจะรวมถึงไทยด้วย
ถามว่าเมื่อดอกเบี้ยถูกปรับเพิ่มขึ้น ใครจะได้ประโยชน์ และใครจะเสียประโยชน์ ตอบแบบง่ายที่สุดคือคนที่ทำธุรกิจด้วยการได้รับดอกเบี้ยก็จะได้ประโยชน์มากที่สุดเป็นอันดับแรก ส่วนคนที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยก็ต้องเสียผลประโยชน์โดยปริยาย เพราะต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้นหากใครก็ตามที่ไม่ต้องการเสียผลประโยชน์ จากปัจจัยดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น ก็ต้องลดการเป็นหนี้ลงให้ได้โดยเร็ว แต่หากไม่สามารถลดการเป็นหนี้ได้ ก็ขอแนะนำว่าอย่าสร้างหนี้สินเพิ่ม มิฉะนั้นจะต้องเจอกับปัญหาการจ่ายดอกเบี้ยจนหัวโต
เมื่อพูดถึงธุรกิจที่ได้ผลประโยชน์จากการขึ้นดอกเบี้ยก็ต้องมองไปที่ธนาคารพาณิชย์เป็นอันดับแรก หลายคนที่เคยเป็นหนี้ธนาคารต้องรู้เป็นอย่างดีว่าในแต่ละเดือนนั้น ลูกหนี้ต้องจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยให้ธนาคารเป็นเงินมากหรือน้อยเท่าไร ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับวงเงินที่ไปขอกู้จากธนาคารมา และคุณก็คงทราบดีว่า ต่อให้คุณมีเงินฝากอยู่ในธนาคาร แล้วคุณต้องกู้เงินจากธนาคารที่คุณฝากเงินไว้ ก็มิได้หมายความว่าธนาคารจะเห็นอกเห็นใจคุณ ในฐานะที่คุณมีเงินฝากกับธนาคาร แต่คุณจะพบว่าธนาคารเจ้าหนี้ก็ยังคงเรียกเก็บดอกเบี้ยเงินกู้จากคุณในอัตราที่ต่างจากดอกเบี้ยเงินฝากหลายเท่าตัว เพราะส่วนต่างของดอกเบี้ยเงินกู้กับดอกเบี้ยเงินฝากในธนาคารนั้นห่างกันยิ่งกว่านรกกับสวรรค์
ยิ่งธนาคารมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Net Interest Margin) มากขึ้นเท่าไร ก็หมายความว่าธนาคารจะยิ่งมีกำไรมากขึ้นเท่านั้น
มีคำถามว่า นอกจากธนาคารพาณิชย์แล้ว ยังมีธุรกิจอื่นใดอีกหรือไม่ที่ได้ผลประโยชน์มากขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ก็ตอบได้โดยทันทีว่าธุรกิจประกันภัย คือ อีกหนึ่งกิจการที่ได้ผลบวกจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะบริษัทประกันภัยจะนำเงินเบี้ยประกันที่ลูกค้าจ่ายไปลงทุนเพื่อหาผลตอบแทน และส่วนมากแล้ว บริษัทประกันภัยจะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร และหุ้นกู้ เพราะจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้มากกว่าการลงทุนในด้านอื่นๆ เมื่อดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้น ก็หมายความว่าผลตอบแทนที่ได้จากตราสารหนี้ก็จะเพิ่มตามไปโดยปริยาย แต่ก็มีข้อยกเว้นว่า หากบริษัทประกันนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ที่ต้องตีราคาตลาด ก็จะมีโอกาสที่ตราสารหนี้มีราคาตามมูลค่าตลาดที่ลดลง หรือเพิ่มขึ้นตามสภาวการณ์
อย่างไรก็ตาม ที่ต้องเน้นหนักมากเป็นพิเศษคือคนที่เสียผลประโยชน์จากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากที่สุดคือ ลูกหนี้บัตรเครดิต เพราะตามปกติดอกเบี้ยบัตรเครดิตก็สูงมากอย่างน่าตกใจอยู่แล้ว เมื่อมาเจอสภาวะดอกเบี้ยเพิ่มก็หมายความว่าต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงยิ่งขึ้นจนอาจชนเพดานที่กำหนดไว้ ส่วนคนที่ต้องมีภาระผ่อนสินเชื่อบ้านที่อยู่อาศัย ก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วยเช่นกัน
สรุปก็คือใครก็ตามที่มีภาระต้องจ่ายคืนเงินกู้พร้อมดอกเบี้ย ก็จะต้องเผชิญกับปัญหาค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น ดังนั้น หากสามารถปิดหนี้ปิดสินให้เร็วที่สุดได้ก็จะเป็นเรื่องดี เพราะประหยัดเงินค่าดอกเบี้ยได้อย่างทันตาเห็น แต่คำถามคือมีเงินมากพอที่จะนำไปปิดหนี้ได้หมดหรือไม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี