การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก 2022 หรือ APEC Summit 2022 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2565 ถูกคนบางกลุ่มตั้งคำถามในเชิงเหยียดหยามว่าไทยจะได้อะไรจากการประชุมครั้งนี้
อันที่จริงสามารถตอบได้ในเชิงทฤษฎีและเชิงความเป็นจริงว่า การประชุม การพบปะหารือเป็นเรื่องที่ดีกว่าการที่ต่างคนต่างอยู่ ไม่พูดไม่จา ไม่พบปะสังสรรค์กัน เพราะฉะนั้น หากมีใครก็ตามถาม (แบบหาเรื่อง) ว่าประชุมเอเปกแล้วไทยได้อะไร ก็ต้องตอบกลับว่าแล้วคิดว่าการประชุมนี้สร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างไรหรือ แต่หากถามด้วยความสนใจใคร่รู้จริงๆ ก็ต้องตอบว่า ให้ประโยชน์กับประเทศอย่างมาก โดยเฉพาะการได้พบปะเจรจาระหว่างผู้นำกลุ่มเศรษฐกิจทั้ง 21 กลุ่ม ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสมาชิกอาเซียน (ในปี ค.ศ. 1989/ พ.ศ. 2532) คือ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไนดารุสซาลาม ฟิลิปปินส์ ต่อมาในปี ค.ศ. 1991-1994/ พ.ศ 2534-2537) มีสมาชิกเพิ่มคือ จีน จีนไทเป ฮ่องกง ปาปัวนิวกินี และชิลิ และต่อมาในปี ค.ศ. 1998/ พ.ศ. 2541 มีสมาชิกเพิ่มอีกคือ เปรู เวียดนามและรัสเซีย (เอเปกก่อตั้งครั้งแรก ค.ศ 1989/ พ.ศ 2532)
อันที่จริง การประชุมเอเปกที่ไทยเป็นเจ้าภาพในปีนี้มิได้มีแค่การประชุมสุดยอดผู้นำเอเปกเท่านั้น เพราะตลอดปี 2565/ ค.ศ. 2022 ได้จัดการประชุมเตรียมการมาแล้วหลายวาระ เช่น การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส 5 ครั้ง การประชุมระดับรัฐมนตรี 9 ครั้ง และปิดท้ายด้วยการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปกในวันที่ 18-19 พฤศจิกายน
ขอย้ำอีกทีว่าสมาชิกเอเปกหลายรายล้วนเป็นชาติ มหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก และเป็นคู่ค้าสำคัญระดับทวิภาคีของไทย และคนไทยก็ต้องรู้ดีอยู่แก่ใจว่ารายได้หลักของประเทศไทยมาจากการค้าระหว่างประเทศ โดยตัวเลขการส่งออกของไทยสร้างรายได้ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของ GDP นี่คือตัวเลขสำคัญที่ช่วยยืนยันว่าการประชุมครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของไทย และขอย้ำว่าประเทศคู่ค้าสำคัญ 10 อันดับแรกของไทยอยู่ในกลุ่มเอเปก
ตลอดทั้งปี 2565/ ค.ศ. 2022 มีการจัดประชุมเอเปกในระดับต่างๆ ในหลายจังหวัดของไทย เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น ซึ่งหมายความว่าตัวแทนของกลุ่มเอเปกได้เข้าไปสัมผัสจังหวัดต่างๆ ของไทยโดยตรง ทำให้มีประสบการณ์ตรงในพื้นที่ต่างๆ นอกเหนือจากกรุงเทพฯ ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ และที่สำคัญคือเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์เมืองไทยไปโดยปริยาย เพราะเมื่อตัวแทนเข้ามาประชุม ตลอดจนเมื่อผู้นำสูงสุดเข้ามาร่วมประชุมก็หมายความว่าคนเหล่านั้นจะได้มีโอกาสสัมผัสเมืองไทยในแง่มุมต่างๆ โดยตรง ได้สัมผัสบริการต่างๆ ของโรงแรม อาหาร และได้พบได้สัมผัสกับสินค้าและบริการต่างๆ ของไทยโดยตรงอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีคณะผู้ติดตาม และสื่อมวลชนจากนานาชาติเข้ามาเกี่ยวข้องกับการประชุมเอเปกด้วย ซึ่งนั่นก็หมายความว่าจะมีความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นตามมา
แน่นอนว่า การประชุมระดับนานาชาติที่สำคัญในครั้งนี้ ย่อมต้องมีทั้งคนเห็นด้วยและคัดค้าน ซึ่งก็เป็นธรรมดาของความเห็นที่แตกต่างของคนในสังคมเดียวกัน แต่ไม่ว่าจะคัดค้านอย่างไรก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถทำให้การประชุมเอเปกครั้งนี้ยุติลงได้ ส่วนผู้คัดค้านจะใช้รูปแบบใด ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการสร้างประเด็นของผู้คัดค้านและผู้ประท้วง แต่ก็มีคำถามกลับไปยังผู้ประท้วงว่า ประท้วงเพื่ออะไร ประท้วงแล้วมีผู้นำกลุ่มเอเปกคนใดให้ความสนใจหรือ หรือประท้วงเพื่อต้องการให้เป็นข่าวเท่านั้น ขอบอกว่าหากการประชุมเอเปกไม่มีความสำคัญต่อสมาชิกแล้ว รับรองว่าไม่มีผู้นำหรือตัวแทนผู้นำกลุ่มเอเปกเข้าร่วมประชุมเป็นอันขาด เพราะฉะนั้นจะประท้วงหรือก่อเหตุใดๆ ก็ตาม ขอให้คำนึงถึงความเหมาะความควรและข้อบังคับทางกฎหมายไว้ด้วย ส่วนประท้วงแล้วประเทศไทยได้อะไรหรือไม่นั้น เรื่องนี้ต้องถามจากผู้ประท้วง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี