ก่อนอื่นเราต้องยอมรับความจริงว่าประเทศไทยมีนักธุรกิจจีนจำพวกทุนสีดำ (แต่บางคนเรียกให้ดูน่ารักว่าทุนสีเทา) เข้ามาทำมาหากินโดยไม่สุจริตบนแผ่นดินนี้เป็นจำนวนมิใช่น้อย และคนผู้เข้าข่ายทุจริตเหล่านั้นก็เข้ามาทำมาหากินบนแผ่นดินไทยมาเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 10-20 ปีแล้ว
หากจะถามต่อไปว่า คนที่เข้าข่ายทุจริตเหล่านั้น เข้ามาทำมาหากินบนแผ่นดินไทยโดยปราศจากการรู้เห็นเป็นใจของตำรวจบางกลุ่ม ทหารบางจำพวก ข้าราชการบางหน่วย นักการเมืองบางรายและนักธุรกิจไทยบางตระกูล จริงหรือ
คำตอบเรื่องนี้ก็คือไม่ใช่ เพราะทุนสีดำเหล่านี้มีความโยงใยไปถึงตำรวจบางคน ทหารบางราย นักการเมืองบางจำพวก ข้าราชการบางชนิด และนักธุรกิจบางตระกูลอย่างแน่นอน เพราะหากทุนจีนสีดำไม่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มคนต่างๆ ที่ระบุในข้างต้นแล้ว รับรองว่าไม่มีวันเข้ามาทำสิ่งผิดกฎหมายบนแผ่นดินไทยได้เป็นระยะเวลายาวนานเป็นอันขาด และที่สำคัญยิ่งกว่าคือหากไม่มีความโยงใยกับคนกลุ่มต่างๆ ที่ระบุในข้างต้นแล้ว เจ้าของทุนจีนสีดำไม่มีวันได้ร่วมหอลงโรงกับลูกหลานของนักการเมือง และข้าราชการไทยได้อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น ตัดประเด็นเรื่องนักการเมือง ตำรวจทหาร ข้าราชการ นักธุรกิจไทยไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าของทุนจีนสีดำออกไปได้เลย
คราวนี้มาถึงประเด็น เจ้าของทุนจีนสีดำเข้าไปซื้อหาคฤหาสน์ เกือบทั้งหมดของโครงการในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นกิจการของนักธุรกิจการเมืองไทยตระกูลหนึ่งได้อย่างไร เรื่องนี้น่าค้นหามากกว่า ทำไมกลุ่มมาเฟียจีนกลุ่มที่ตกเป็นข่าวจึงเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ของนักธุรกิจการเมืองตระกูลดังที่ข่าวระบุชื่อชัดๆ ไปแล้ว น่าสงสัยไหมว่าทำไมนักธุรกิจจีนทุนสีดำไม่เลือกซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ของนักธุรกิจรายอื่น ทั้งๆ ที่ในกรุงเทพฯมีโครงการบ้านหรูจำพวกคฤหาสน์ให้เลือกซื้อมากมาย คำถามเดิมคือทำไมตั้งใจเลือกซื้อโครงการของนักธุรกิจการเมืองรายที่ตกเป็นข่าว
ล่าสุดโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ตกเป็นข่างครึกโครมไม่สามารถหลบเลี่ยงความจริงเรื่องนี้ได้อีกต่อไป จึงต้องออกมาบ่ายเบี่ยงว่า การที่มาเฟียจีนกลุ่มดังกล่าวเข้าไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในโครงการของตนนั้น เป็นเรื่องที่ตนไม่รับรู้ แม้ความจริงจะชัดเจนว่ามาเฟียจีนซื้อบ้านในโครงการเกือบหมดทุกหลัง แต่เจ้าของโครงการก็ยังคงอ้างว่าขายบ้านให้กับคนไทย และนิติบุคคลไทยเท่านั้น
นอกจากนั้น บริษัทขายบ้านที่กลุ่มทุนจีนที่หลายคนเรียกว่าเป็นมาเฟียจีนในไทยยังอ้างอีกว่า ผู้ถือหุ้นของบริษัทขายบ้าน ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการซื้อขายบ้าน เพราะเป็นเพียงผู้ถือหุ้นเท่านั้นข้ออ้างดังกล่าวนั้น หากจะฟังเผินๆ ก็พอจะฟังได้ เพราะผู้ถือหุ้นไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องการขายบ้านให้กับใคร
แต่สำหรับผู้ถือหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายหนึ่ง ที่มี สถานภาพเป็นลูกสาวเจ้าของพรรคการเมืองใหญ่ และรับบทบาทหัวหน้าครอบครัวพรรคการเมืองใหญ่ที่มีเจ้าของพรรคเป็นผู้ร้ายหนีคดีอาญาแผ่นดิน ได้ประกาศชัดเจนว่าจะพาพ่อผู้เป็นคนร้ายหนีคดีอาญาแผ่นดินกลับเมืองไทยให้จงได้ แต่ที่สำคัญคือลูกสาวเจ้าของพรรคการเมืองใหญ่เพียรพยายามจะเข้าไปเป็นนายกรัฐมนตรีของไทย โดยประกาศว่าจะนำพรรคการเมืองใหญ่ของพ่อที่มีสถานะคนร้ายหนีคดีอาญาไปสู่ชัยชนะการเลือกตั้งแบบแผ่นดินถล่ม (land slide)
พรรคการเมืองใหญ่ที่ตกเป็นข่าวมีความเกี่ยวข้องกับตู้ห่าวหรือไม่และอย่างไร เรื่องนี้สาธารณชนกำลังเฝ้าติดตาม ส่วนเรื่องการซื้อบ้านเกือบทั้งโครงการของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนใกล้ชิดของพรรคการเมืองใหญ่ของไทย โดยกลุ่มของตู้ห่าว เป็นเรื่องการทำธุรกิจค้าขายโดยโปร่งใสสุจริตหรือไม่เรื่องนี้สาธารณชนก็กำลังเฝ้าติดตาม
แต่เรื่องที่สาธารณชนรับทราบอย่างชัดแจ้งแล้วคือตู้ห่าวแต่งงานกับหลานสาวคนหนึ่งของประชา พรหมนอก อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยประชาได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ ของรัฐบาลหลายชุด เช่น ชวน หลีกภัย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
กลับไปที่เรื่องตู้ห่าวมีบริษัทต่างๆ นานาหลายสิบบริษัทในไทยโดยตั้งกระจายไปในหลายพื้นที่ของประเทศไทย เรื่องนี้น่าสนใจมาก และน่าค้นหาว่าบริษัทต่างๆ ของตู้ห่าวเปิดบริษัทมากมายได้อย่างไร การทำธุรกิจของตู้ห่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ของตำรวจ และหน่วยงานราชการไทยที่เกี่ยวข้องหรือไม่ และมีอิทธิพลการเมืองเข้าไปหนุนหลังตู้ห่าวหรือเปล่า เรื่องเล่านี้ คนไทยผู้มีปัญญาต่างตอบได้ดี แต่ปัญหาคือนักการเมืองไทย และข้าราชการไทยตอบได้หรือไม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี