วันศุกร์ ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
และแล้วเวลาแห่งความสุขก็ใกล้ถึงบทอวสานโดยสมบูรณ์เข้ามาทุกที อีกราวสองสัปดาห์มหกรรมกีฬาที่ทั่วโลกเฝ้ารอมาตลอดทุกๆ 4 ปีก็จะได้ประเทศที่มีตำแหน่งต่อท้ายอย่างภาคภูมิว่า “แชมป์โลก” ฉบับทะเลทรายแล้ว หลังจากที่ 32 ชาติห้ำหั่นกัน 54 นัด
แต่ตลอดทัวร์นาเมนท์นี้เราเชื่อว่า สังคมไทยเกิดคำถามในใจอย่างมากมาย ตั้งแต่ความเป็นธรรมในการจัดสรรองค์กรเผยแพร่ภาพการถ่ายทอดสดให้ประชาชนคนไทยทั่วประเทศได้รับชมได้เพลิดเพลินความสุขอย่างเต็มอิ่ม
และคำถามสำคัญที่ค้างคาใจสังคมไทยมานานเท่านานคือ “เมื่อไหร่บอลไทยจะไปบอลโลก??”
ต้องยอมรับว่า “ฟุตบอลไทย” ถึงแม้จะไม่ใช่กีฬาประจำชาติอย่าง “เซปักตะกร้อ, มวยไทย” แต่เป็นกีฬาที่ฝังรากอยู่ในสายเลือดสังคมไทยและคนไทยกว่าครึ่งค่อนประเทศ ที่ผ่านมาฟุตบอลทีมชาติไทย ไม่ว่าจะเป็นทีมบอลชาย - ทีมบอลหญิง ได้รับการตอบรับและสนับสนุนจากคนไทยอย่างมากมาย
ทว่ายิ่งแข่งขันทีมฟุตบอลไทยก็สร้างความผิดหวังให้แก่สังคมไทยมากขึ้น ไม่ใช่เพราะนักฟุตบอลไทยไม่มีพัฒนาการไม่มีความสามารถ ชื่อของ “ผู้การตุ๊ก - นาวาอากาศเอก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน” แทบไม่มีแฟนบอลไทยไม่รู้จักความเก่งกาจความสามารถทั้งการครองบอลการยิงประตูเป็นที่ประจักษ์แก่วงการฟุตบอลเอเชียจนได้รับตำแหน่ง “ดาราเอเชีย” มาแล้ว หรืออย่าง “เมสซี่เจ - ชนาธิปสรงกระสินธ์” ที่สร้างคุณค่าเปิดตลาดนักฟุตบอลไทยในลีกญี่ปุ่น ฯลฯ ทว่าเป็นผลมาจากการบริหารจัดการของ “สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์” ที่ผิดพลาด
หากผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีความเกี่ยวข้อง มีความตั้งใจในการพัฒนาวงการกีฬาฟุตบอลให้เป็นแหล่งตักตวงความสุขของสังคมไทย เหมือนอย่างความกระตือรือร้นที่จัดหา “ค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ฉบับทะเลทราย” อย่างที่กระทำกันสมควรยิ่งที่จะต้องศึกษาการสนับสนุนและการพัฒนาวงการฟุตบอลชาติเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น เกาหลี ที่อดีตเคยเป็นคู่รักคู่แค้นบดบี้แย่งความสำเร็จกันมาว่า ดำเนินการอย่างไรถึงประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง การเอาชนะทีมเยอรมนี อดีตแชมป์โลก 4 สมัย และการเอาชนะทีมชาติสเปน แชมป์โลกปี 2010 ด้วยผลการแข่งขัน 2-1 ทั้งสองแมทช์ ไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เป็นการบริหารจัดการทีมมาตั้งแต่ต้นจนแกร่งทั่วทุกแผง
เราเชื่อและเห็นอย่างที่ “เนวิน ชิดชอบ” นักการเมืองชื่อดังและประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นทีมเต้ยระดับสโมสรในวงการฟุตบอลไทยที่มองว่า เงินค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลโลกฉบับทะเลทราย จำนวน 1,600 ล้านบาท หากนำมาเฉลี่ยใช้ในการบริหารจัดการฟุตบอลภายในประเทศและฟุตบอลทีมชาติไทย เพื่อการลงเล่นในรายการฟุตบอลโลก ปี 2026 หรืออีก 4 ปีข้างหน้าเงิน 400 ล้านบาทต่อปี น่าจะทำให้สังคมไทยมีความสุขมากขึ้น และคำถาม “เมื่อไหร่ฟุตบอลไทยจะไปฟุตบอลโลก” ก็น่าจะจางหายไป หากผู้มีอำนาจและผู้เกี่ยวข้องในวงการมีความตั้งใจที่จะให้เกิดผลสัมฤทธิ์นี้ ความจริงความสำเร็จไม่ไกลเกินหากตั้งใจกระทำอย่างจริงจังใช่ตอแหลสร้างภาพ
อย่าอาย ถ้าจะลอกจะโกงการสอบแล้วได้ดี เหมือนแวดวงการเมืองไทย

'เพื่อไทย'เปิดตัวผู้เสนอตัวลงสมัคร สส.ล็อตใหม่เพิ่ม 11 คน เผย 'นนทบุรี' ครบทุกเขต
‘จุลพันธ์’ยันลูกชูวิทย์ กุ่ย ยังอยู่เพื่อไทย อุบชื่อแคนดิเดตนายกฯยังไม่เคาะ
'กัน จอมพลัง'กลับมาแล้ว! เตรียมฟ้องคนดัง10ราย ชาวเน็ตก็ไม่รอด
‘โฆษกรัฐบาล’ย้ำทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ ปรามสื่อมาเลย์ให้ระวังการสื่อสารให้มากขึ้น
โชเฟอร์ปวดท้องจอดรถเข้าห้องน้ำ ยังไม่ทันเสร็จภารกิจ โดน6ล้อเสยท้าย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี