นับจากนี้ไปอีกไม่นาน สังคมไทยจะต้องเผชิญกับช่วงเวลาแห่งคำโกหกมดเท็จ (อย่างถูกกฎหมาย) ที่จงใจปล่อยออกมาจากปากของนักการเมืองสารพัดพรรคการเมือง เพราะเมื่อบ้านเมืองของเราอยู่ในห้วงเวลาแห่งการหาเสียงทางการเมือง ก็หมายความว่ากฎหมายอนุญาตให้นักการเมืองสามารถพูดโกหกได้สารพัดสารพัน โดยอ้างว่าเป็นการหาเสียงด้วยนโยบายการเมือง
แต่ก็แสนประหลาดที่คนไทยจำนวนไม่น้อยยินดีปล่อยให้นักการเมืองสามารถพูดโกหกได้อย่างเต็มความสามารถ ถึงแม้คนไทยจำนวนไม่น้อยจะรู้ดีว่านักการเมืองพูดแล้วทำไม่ได้ หรือตั้งใจโกหก แต่ก็ยังอุตส่าห์ปล่อยให้นักการเมืองโกหกไปเรื่อยๆ แต่ที่น่าสังเวชยิ่งกว่าคือ คนไทยจำนวนมิใช่น้อยดันหลงเชื่อคำโกหกของนักการเมือง โดยบางคนยอมเชื่อคำโกหกของนักการเมืองเพื่อแลกกับอามิสบางอย่างที่นักการเมืองหยิบยื่นให้แต่บางคนก็เชื่อคำโกหกของนักการเมืองโดยไม่ได้สิ่งใดตอบแทนจากนักการเมือง ซึ่งเข้าทำนอง รู้ว่าเขาหลอก แต่เต็มใจให้หลอก
แม้สังคมไทยจะมีวิญญูชนอยู่มิใช่น้อยแต่ก็ต้องไม่มองข้ามข้อเท็จจริงประการสำคัญคือ สังคมไทยยังมีคนที่ไม่ชอบคิด ไม่ชอบวิเคราะห์ และไม่ชอบแสวงหาความจริง แต่ยินดีหลงเชื่อคำพูดพล่ามเพ้อของนักการเมือง ดังนั้นเมื่อนักการเมืองสัญญาลมๆ แล้งๆ ว่าจะให้โน่น ให้นี่ให้นั่น คนที่ไม่ชอบคิดก็จึงหลงเชื่อคำลวงของนักการเมืองโดยทันที แม้จะรู้ดีว่าถูกนักการเมืองหลอกลวงมาแล้วหลายสิบครั้ง แต่ก็ยังคงยินดีตกเป็นเหยื่อให้นักการเมืองหลอกต่อไปเรื่อยๆ
กลอุบายหลอกลวงที่นักการเมืองใช้หลอกคนที่คิดไม่ทัน และไม่ชอบคิดคือ การสัญญาว่าจะให้ จะเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น และจะนำพาให้ก้าวหน้าไปมากกว่าเดิม คำพูดลวงโลกที่นักการเมืองใช้หลอกคนที่คิดไม่ทันได้ทุกยุคคือ มาเพื่อสร้างการพัฒนาให้สังคม มาเพื่อเปลี่ยนแปลงให้สังคมดีขึ้น เพราะฉะนั้น คำว่า เปลี่ยน ปรับ จึงถูกนำมาใช้ในการหาเสียงแบบลวงโลกตลอดเวลา
คนไทยจำนวนไม่น้อยถูกนักการเมืองหลอกลวงเรื่อยมา และคนไทยก็อยู่กับการโฆษณาชวนเชื่อมาโดยตลอด จนคนจำนวนไม่น้อยแยกแยะไม่ออกว่าอะไรคือความจริง และอะไรคือการลวงโลก กลอุบายการโฆษณาชวนเชื่อถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันของผู้คน จนทำให้คนจำนวนไม่น้อยไม่ทันสังเกต และตกเป็นเหยื่อการโฆษณาชวนเชื่อโดยดุษณี
เราทุกคนตกอยู่ท่ามกลางคำโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง เช่น ค่าแรงต้องเพิ่มขึ้น สวัสดิการต้องดีขึ้น ทุกคนจะมีเงินทองมากขึ้นผู้สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีจะมีเงินเดือนมากกว่าค่าจ้างตามปกติ การทุจริตคอร์รัปชั่นต้องหมดไป นักการเมืองพูดคำไหนแล้วต้องทำคำนั้น บ้านเมืองไม่ต้องมีทหารเกณฑ์ คนเป็นหนี้กองทุนการศึกษาไม่ต้องใช้หนี้ คนที่มีประวัติเบี้ยวหนี้จะถูกลบประวัติออกไป ฯลฯ
นอกจากนี้เรายังได้พบการเสแสร้งเล่นละครตบตาโดยนักการเมืองอีกสารพัดรูปแบบ เช่นการแสร้งทำตัวว่ามีความเท่าเทียมกับชาวบ้าน การสร้างภาพด้วยการนั่งล้อมวงเปิบข้าวด้วยมือกับชาวบ้าน หรือพยายามพูดด้วยภาษาพื้นถิ่นให้เหมือนกับชาวบ้านในชุมชนที่กำลังเข้าไปหาเสียง บ้างก็ใช้การเอาอกเอาใจชาวบ้าน ทั้งๆ ที่รู้ว่าสิ่งที่ชาวบ้านทำผิดกฎหมาย เช่น การอ้างว่าขายของบนบาทวิถีเป็นการทำมาหากินของคนทำอาชีพสุจริตที่ต้องหาเช้ากินค่ำ เป็นต้น
สังคมไทยกำลังจะเข้าสู่ยุคแห่งการโกหกพร้อมๆ กันโดยนักการเมืองอีกวาระหนึ่ง แต่มิใช่ว่านักการเมืองไทยจะโกหกเฉพาะช่วงเวลาแห่งการหาเสียงเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงนักการเมืองไทยจำนวนมิใช่น้อยโกหกตลอดเวลา แต่ในช่วงเวลาของการหาเสียงนั้น นักการเมืองจะยิ่งโกหกหนักและมากกว่าเดิม เพราะฉะนั้น เราทุกคนจึงต้องตั้งสติให้มั่นคง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อคำลวงของนักการเมือง แล้วที่สำคัญยิ่งกว่าคือ ต้องช่วยกันจดจำให้แม่นยำว่านักการเมืองพูดจาโกหกอะไรไว้บ้าง แล้วต้องช่วยกันนำคำโกหกของนักการเมืองไปตอกย้ำคนพูดโกหก เพื่อให้คนจอมโกหกรู้ว่า ประชาชนไม่เคยลืมคำโกหกของนักการเมือง และนักการเมืองโกหกต้องรับผิดชอบเรื่องที่โกหกประชาชน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี