ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ เป็นคำอวยพรวันตรุษจีนซึ่งไม่ใช่เฉพาะชาวจีนที่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้นที่ใช้ในการอวยพรต่อญาติผู้ใหญ่หรือพี่น้องผองเพื่อนทั้งหลาย แม้แต่ชาวไทยเองเมื่อถึงวันตรุษจีนซึ่งถือเป็นเสมือนวันปีใหม่ของชาวจีนนั้นก็นิยมใช้คำอวยพรนี้เช่นเดียวกัน เป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงถึงการหล่อหลอมของขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของชาวจีนและชาวไทย ซึ่งมีสายสัมพันธ์ ที่สืบเนื่องกันมายาวนาน เป็นตัวอย่างของการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขโดยไม่มีการแบ่งแยกทั้งในเรื่องของเชื้อชาติศาสนารวมทั้งสถาบันกษัตริย์ที่เป็นที่เคารพด้วย
ความหมายหรือคำแปลของคำอวยพรดังกล่าวเป็นภาษาไทยก็คือ ขอให้ปีใหม่นี้สมหวังทุกประการ ร่ำรวยมั่งคั่ง ก็หวังว่าทุกคนที่ได้รับคำอวยพรอันนี้จะได้รับสิ่งที่ผู้อวยพรให้มีความปรารถนาที่จะมอบสิ่งดีๆ เช่นนี้ให้แก่กันในทุกๆฝ่ายตลอดปีกระต่ายอันเป็นมงคล ซึ่งหมายถึงตลอดปี 2566 นี้ด้วย
นอกจากเรื่องของความ ร่ำรวย มั่งมีศรีสุขแล้ว เชื่อว่าสิ่งที่คนทุกคนอยากได้ก็คือ การมีสุขภาพที่ดี ถึงแม้ว่าเรื่องของการเจ็บป่วยจะเป็นสิ่งที่ไม่อาจหนีพ้นได้ ตามหลักของวัฏสงสาร ที่จะต้องมีเรื่องของการเกิด แก่ เจ็บ และตายเสมอ
ตามธรรมเนียมของชาวจีนนั้น วันตรุษจีนจะประกอบไปด้วย วัน 3 วัน ซึ่งในปีนี้ จะเริ่มต้นวันแรกของเทศกาลในวันที่ 20 มกราคม เป็นวันที่เรียกว่าวันจ่าย ซึ่งเป็นวันที่ชาวจีนจะออกไปซื้อสิ่งของเพื่อเตรียมการไว้สำหรับการกระทำพิธีไหว้เจ้าในวันถัดไปคือวันที่ 21 มกราคมซึ่งถือว่าเป็นวันไหว้ ส่วนวันสุดท้ายของเทศกาลคือวันตรุษจีนจริง ซึ่งตรงกับวันที่ 22 มกราคม เป็นวันที่ชาวจีนจะออกเดินทางท่องเที่ยว จึงเรียกกันว่าวันเที่ยว และส่วนใหญ่ก็จะใช้เวลาท่องเที่ยวสักระยะหนึ่ง
หลังจากที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนได้เปิดประเทศให้ประชาชนเดินทางออกนอกประเทศได้นั้น ก็พบว่าประเทศไทยเป็นประเทศอันดับต้นๆ ที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาเที่ยวกันอย่างมากมาย โดยเฉพาะในช่วงตรุษจีนที่เพิ่งผ่านพ้นไปนี้ และก็ชื่อว่าเสน่ห์ของเมืองไทยนั้นจะทำให้นักท่องเที่ยวไม่ใช่เฉพาะจากประเทศจีนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักท่องเที่ยวในแถบทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกาก็จะหนีหนาวและเดินทางเข้ามาในประเทศไทยด้วย ทำให้เชื่อได้ว่า รายได้ที่เกิดจากการท่องเที่ยวนั้น จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศไทยให้กลับคืนมาได้ไม่น้อยทีเดียว
ตามที่ได้เกริ่นไว้ในตอนต้นว่าในปีนี้ขอให้เป็นปีที่ทุกคนได้ร่ำรวยมั่งมีศรีสุข แต่ก็เชื่อว่าสิ่งที่ทุกคนอยากได้ด้วยคือการมีสุขภาพที่ดี แต่ก็เชื่อว่ายังมีประชาชนบางส่วนที่ยังมีความกังวลใจในเรื่องของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่าจะกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อมีนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งมาจากประเทศที่ยังมีการระบาดอย่างรุนแรงของโรคโควิด-19 อยู่ อันอาจจะทำให้นักท่องเที่ยวบางส่วนนำโรคนี้เข้ามาสู่ประเทศไทย
จึงขอนำตัวเลขการติดเชื้อและป่วยเป็นโรคโควิด-19 มานำเสนอให้ทราบว่า ตั้งแต่มีการระบาดของโรคโควิด-19 นั้น มีผู้ป่วยทั่วทั้งโลกติดเชื้อไปแล้วรวมทั้งสิ้นจนถึงวันนี้ประมาณ 673 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตทั่วทั้งโลกประมาณ 6.74 ล้านราย นับเป็นอัตราการเสียชีวิตประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่อาจจะประกาศได้ว่าโรคนี้เป็นโรคประจำถิ่น
ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้น ตัวเลขล่าสุดคือยังมีผู้ติดเชื้ออยู่ประมาณ 120,000 ราย มีผู้เสียชีวิตไปแล้วรวมทั้งสิ้นประมาณ 5,300 ราย โดยชาวจีนได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 3,488 ล้านเข็ม จากประชากรทั้งหมดประมาณ 1,400ล้านคน ส่วนในประเทศไทยในรอบ 2 สัปดาห์แรกของปี 2566 นี้ มีตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลน้อยกว่า 1,000 รายต่อสัปดาห์ และมีจำนวนผู้เสียชีวิตน้อยกว่า 65 ราย ในแต่ละรอบสัปดาห์ ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยมาก และเมื่อดูจำนวนการฉีดวัคซีนในประเทศไทย ก็มีการฉีดวัคซีนสะสมไปแล้วมากกว่า 145 ล้านเข็ม จากประชากรประมาณ 66 ล้านคนเศษ ซึ่งน่าจะทำให้ประชากรเกือบทั้งหมดมีภูมิต้านทานเกิดขึ้นแล้ว
จากการสังเกตการณ์ทั่วไปจะพบว่า คนไทยยังให้ความสำคัญของการสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งน่าจะมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ แต่สำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยนั้นเกือบจะ 100 เปอร์เซ็นต์ไม่มีการสวมหน้ากากอนามัยอีกต่อไปในทุกสถานที่ แม้แต่ในการโดยสารเครื่องบินก็จะพบว่าชาวต่างชาติ ซึ่งก็มาจากประเทศที่ยังมีการระบาดของโรคโควิด-19 อยู่นั้น ก็ไม่ได้มีการสวมหน้ากากอนามัยเกือบทั้งหมด และก็เป็นอย่างนี้มานานมากกว่า 3-4 เดือนแล้ว จึงเชื่อว่าการเดินทางของชาวจีนเข้ามาในประเทศไทยเพื่อการท่องเที่ยวนั้นอาจจะไม่ส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยอีกต่อไป
ในเรื่องของสุขภาพนั้น สุขภาพโดยรวมของประชาชนจะดีหรือไม่อย่างไร มีองค์ประกอบที่สำคัญอยู่ 4 ด้านคือ
การป้องกันโรค เรื่องนี้ถือว่าสำคัญมากกว่าเรื่องอื่นใด ระบบบริการสาธารณสุขที่ดีจะต้องเน้นการป้องกันโรค ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด โดยการป้องกันโรคนั้นจะเริ่มตั้งแต่สตรีในระยะมีครรภ์เด็กแรกเกิด จนกระทั่งถึงผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ ซึ่งในปัจจุบันนี้มีวัคซีนหลากหลายชนิดในการที่จะป้องกันโรคต่างๆ ได้ และก็มีวัคซีนบางชนิดที่ภาครัฐได้จัดให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก หากในอนาคตหากสามารถจะจัดการให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศในทุกช่วงอายุได้รับการฉีดวัคซีนที่มีอยู่ครบถ้วน อาจทำให้การเจ็บป่วยบางชนิดจากการติดเชื้อต่างๆหายไปจากประเทศของเราได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับงบประมาณของประเทศด้วย เพราะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล
การส่งเสริมสุขภาพ หากประชาชนทุกคนมีความรู้ และปฏิบัติตามกระบวนการที่จะส่งเสริมสุขภาพของตัวเองได้ย่อมเป็นเรื่องที่ดีอย่างที่สุด โดยเรื่องของการส่งเสริมสุขภาพที่สำคัญจะประกอบไปด้วยหลัก 4 อ.
อ.ที่ 1 คือ อาหาร การบริโภคอาหารที่ครบ 5 หมู่ อันประกอบไปด้วย หมู่ที่ 1 คือโปรตีน ได้แก่อาหารพวกเนื้อสัตว์ ไข่ นม หมู่ที่ 2 คือ คาร์โบไฮเดรตได้แก่ ข้าว และอาหารที่มาจากแป้งทั้งหลาย รวมทั้งน้ำตาล หมู่ที่ 3 คือ เกลือแร่และแร่ธาตุต่างๆ ที่จะมีอยู่ในพืชผัก หมู่ที่ 4 คือวิตามิน ซึ่งจะมีอยู่ในผลไม้ และหมู่ที่ 5 คือไขมัน ทั้งจากพืชและสัตว์ เป็นไขมันไม่อิ่มตัวและไขมันอิ่มตัว ด้วยการบริโภคอาหารทั้ง 5 หมู่นั้นในสัดส่วนที่เหมาะสม ย่อมจะเป็นผลดีต่อสุขภาพ
อ.ที่ 2 คือ อากาศ เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง ร่างกายของคนเราต้องการอากาศบริสุทธิ์ โดยต้องใช้ออกซิเจนที่มีอยู่ในอากาศในการฟอกเลือด โดยปริมาณของอากาศที่มีอยู่ในเลือดไม่ควรจะต่ำกว่าระดับ 95% ในการที่จะไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย ปัจจุบันในหลายพื้นที่ของประเทศไทยประสบปัญหาฝุ่นละอองในอากาศ ที่รู้จักกันดีว่า PM2.5 ซึ่งหากมีจำนวนสูงมากกว่า 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรจะถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งประชาชนจะต้องป้องกันตัวเอง แต่ภาครัฐจะต้องมีบทบาทที่สำคัญและมีมาตรการในการจัดการเพื่อลดปริมาณฝุ่นดังกล่าวให้ได้
อ.ที่ 3 คือ ออกกำลังกาย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญในการรักษาสุขภาพ เพราะจะทำให้การทำงานของระบบต่างๆ ของร่างกายดีขึ้น โดยการออกกำลังกายนั้นต้องพอเหมาะกับสภาพของร่างกายเช่น ในผู้ใหญ่ควรออกกำลังกายวันละ 1 ครั้ง ครั้งละประมาณ 30 นาที สัปดาห์ละ 3-5 ครั้งเป็นต้น
อ.ที่ 4 คือ อารมณ์ ความแจ่มใส ร่าเริงไม่เครียดหรือกังวลใจ ย่อมทำให้อารมณ์อยู่ในสภาพที่ดีทำให้เกิดความสุข มีสติเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาทุกชนิด เพราะสติทำให้เกิดปัญญา รวมทั้งการปล่อยวางในเรื่องที่อาจจะก่อให้เกิดความทุกข์
การรักษา ต้องถือว่าเป็นเรื่องปลายเหตุ เพราะหากเรื่องของการป้องกันโรค และการส่งเสริมสุขภาพทำได้ดี การเจ็บป่วยย่อมลดน้อยลง ยกเว้นการเป็นโรคบางโรคที่ไม่อาจจะป้องกันได้ เช่น โรคมะเร็ง ในเรื่องของการเข้าสู่การรักษาพยาบาลนั้น ประเทศไทยนั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่มีระบบบริการสาธารณสุขที่ดีมากประเทศหนึ่ง จากการที่รัฐบาลได้จัดให้มีระบบสวัสดิการการรักษาพยาบาลที่ครอบคลุมประชาชนเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์
การฟื้นฟูสมรรถภาพ ถือเป็นเรื่องสุดท้ายในกระบวนการดูแลสุขภาพ โดยหลังที่มีการเจ็บป่วยและได้รับการรักษาแล้ว การฟื้นฟูสภาพหรือสมรรถภาพของร่างกายเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการถัดไป เพื่อให้ร่างกายกลับมาอยู่ในสภาพที่เป็นปกติหรือใกล้เคียงปกติให้มากที่สุด
จึงขอให้กระต่ายน้อยที่น่ารักที่เป็นสัญลักษณ์ของปีนักษัตรปีนี้และเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ยผู้เป็นเทพเจ้าที่จะช่วยประทานพรเกี่ยวกับโชคลาภและความร่ำรวย สุขภาพและความรักสามัคคี รวมทั้งเทพเจ้าไท้ส่วยเอี้ยผู้เป็นเทพซึ่งคุ้มครองดวงชะตา จงดลบันดาลให้ชาวไทยทุกท่าน ตลอดจนชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย จงประสบแต่สิ่งดีทั้งหลายตลอดปี 2566 นี้
นายแพทย์ปิยะ เนตรวิเชียร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี