ปี 2566 นี้ เป็นปีที่คนจำนวนไม่น้อยหวาดวิตกว่าเศรษฐกิจโลกจะประสบสภาวะถดถอย แต่จะถดถอยแบบหนักหน่วงสาหัส หรือถดถอยแบบเบาบาง ก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องติดตามกันต่อไป แต่ทว่าไม่มีใครบอกว่าเศรษฐกิจโลกดีเลยแม้แต่คนเดียว
สาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจโลกจะประสบปัญหาถดถอยมาจากเรื่องที่หลายคนได้พบได้เห็นเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เช่น ปัญหาเงินเฟ้อหนักทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป และปัญหาสงครามยูเครนที่เกิดจากการรุกรานของรัสเซีย (ซึ่งกินเวลามาเกือบครบ 1 ปีเต็ม)
อาจมีผู้ถามว่า หากโลกประสบสภาวะเศรษฐกิจถดถอยจริงๆ แล้วประเทศไทยเดือดร้อนอะไรด้วย เพราะไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติทะลักล้นเข้ามาไทยเป็นจำนวนมาก โดยอาจจะมากถึง 30 กว่าล้านคนด้วย บางคนบอกว่าเมืองไทยเป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เพราะฉะนั้น เมืองไทยไม่น่าจะวิตกกังวลเรื่องสภาวะเศรษฐกิจโลก เนื่องจากไทยมีรายได้หลักจากการท่องเที่ยวเข้ามาหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ
ไม่ปฏิเสธว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนไม่น้อยต้องการเข้ามาเที่ยวเมืองไทย แต่มีคำถามว่า แล้วเมืองไทยจะพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวโดยไม่นำพากับการแสวงหารายได้จากกิจกรรมอื่นๆ บ้างเลย กระนั้นหรือ แล้วมั่นใจหรือว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังให้ความนิยม และหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวเมืองไทยชั่วกัลปาวสาน
คำถามเรื่องสหรัฐฯ จะประสบสภาวะเศรษฐกิจถดถอยจริงหรือ คำถามนี้มีคำตอบมากมายว่าประสบแน่นอน แต่จะรุนแรงหรือเบาๆ ก็ต้องดูกันต่อไป แล้วก็มีคำถามต่ออีกว่า จีนจะเป็นตัวช่วยพยุงสภาพเศรษฐกิจโลกได้หรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่น่าจะได้อย่างเป็นรูปธรรมมากนัก แต่ที่น่าวิตกมากยิ่งกว่าก็คือ อาจจะเกิดความตึงเครียดมากขึ้น หากสหรัฐฯ กับจีนเกิดการเผชิญหน้ากันด้วยข้อพิพาททางเศรษฐกิจ เพราะต้องไม่ลืมว่าจีนก็พยายามจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลกแข่งกับสหรัฐฯ และมีแนวโน้มว่าจีนอาจแซงหน้าสหรัฐฯ ได้ในเร็ววันนี้ นี่ขนาดจีนยังไม่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งด้านเศรษฐกิจโลกอย่างแท้จริงยังเกิดความตึงเครียดแบ่งเป็นขั้วอย่างชัดเจนถึงเพียงนี้ หากจีนก้าวขึ้นมาได้จริงๆ ความตึงเครียดจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเพียงไหน ลองจินตนาการเอาก็แล้วกัน
ทุกวันนี้มีเค้าลางของการแบ่งแยกและเผชิญหน้ากันทางการตลาด และทางธุรกิจ อันเนื่องมาจากการแบ่งกลุุ่มระหว่างจีนและพันธมิตรของจีน กับสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ ดังจะเห็นว่ามีปัญหาห่วงโซ่อุปทานในแวดวงอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีเป็นระยะๆ ดังนั้นหากสหรัฐฯ กับจีนเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรง ก็หมายความว่าความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ แม้บางคนจะบอกว่าเศรษฐกิจจีนยังแข็งแกร่ง แต่ก็ต้องไม่ลืมความจริงว่า เศรษฐกิจของเอเชียยังต้องพึ่งพาอาศัยตลาดส่งออกสำคัญคือ สหรัฐฯ และยุโรป
ที่นี่หันกลับมาดูเศรษฐกิจของไทย โดยเฉพาะในส่วนที่มีรายได้มาจากการส่งออก ก็ต้องบอกกันตรงๆ ว่าปีนี้ (2566) การส่งออกของไทยจะประสบปัญหาหนักหน่วงมาก เพราะไทยประสบปัญหาการส่งออกหนักขึ้นเรื่อยๆ มาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2665 แล้ว
หากดูตัวเลขการส่งออกของไทยเมื่อเดือนตุลาคม 2565 พบว่าตัวเลขลดลง 4.4 เปอร์เซ็นต์ และนับได้ว่าเป็นการหดตัวอย่างเห็นได้ชัดในรอบ 20 เดือน เมื่อดูแบบเจาะลึกลงไป ก็จะพบว่าการส่งออกของไทยไปยังตลาดหลักลดลงโดยรวมประมาณ 4.5 เปอร์เซ็นต์ ตลาดหลักที่ว่าคือ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และอาเซียน (ยกเว้นกลุ่ม CLMV) ส่วนการส่งออกไปยังตลาดรองก็ลดลงประมาณ 5.7 เปอร์เซ็นต์ ตลาดรองได้แก่ เอเชียใต้ ลาตินอเมริกา แอฟริกา ออสเตรเลียตะวันออกกลาง และรัสเซีย กับกลุ่ม CIS ส่วนตลาดที่ยังส่งออกได้ดีและขยายตัวคือ สวิตเซอร์แลนด์ และกลุ่มประเทศยุโรปที่ไม่ได้อยู่ในสหภาพยุโรป
ย้ำอีกทีว่า ไทยยังคงหวังว่าจะมีทางรอดด้านเศรษฐกิจจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งก็คงไม่ได้หวังแค่เพียงจีนเท่านั้น แต่ทว่าก็ให้ความสำคัญมากกับนักท่องเที่ยวจีนเป็นอันดับหนึ่ง แต่ก็ต้องขออนุญาตเตือนสติอีกครั้งว่า แน่ใจจริงๆ หรือว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นได้โดยไม่ต้องพึ่งรายได้จากกิจกรรมอื่น ไม่ผิดที่หวังพึ่งรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ผิดมหันต์หากรอรายได้จากนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี