พลันที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาลงประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 อันเป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา 108 วรรคหนึ่งของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เป็น ฉบับที่ 14 นับจากปฏิวัติสยาม เปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ตลอดระยะเวลาในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ประเทศไทยมีการจัดการเลือกตั้งมาแล้ว 27 ครั้ง ในรูปแบบต่างๆ ตามธรรมนูญและรัฐธรรมนูญกว่า 20 ฉบับกำหนด
การยุบสภา 14 ครั้งนั้นแตกต่างด้วยเหตุแห่งการยุบสภา โดย 3 ครั้ง เกิดจากความขัดแย้งระหว่างรัฐบาล-รัฐสภา อาทิ ขัดแย้งประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญบ้าง ในประเด็นการตราพระราชกำหนดบ้าง
มี 4 ครั้งที่เป็นความขัดแย้งภายในซีกรัฐบาลเอง และอีกสองครั้งเกิดจาก1.วิกฤตทางการเมือง ในปี 2549 พี่น้องประชาชนใส่เสื้อเหลืองเดินขบวนขับไล่ ทักษิณ ชินวัตร จนเกิดรัฐประหารโดยรสช. 2.วิกฤตการเมือง โดยพี่น้องประชาชนถูกยุยงปลุกปั่นโดยใส่เสื้อแดงเป็นสัญลักษณ์ ก่อความวุ่นวายเผาบ้านเผาเมืองทว่าการเลือกตั้งภายใต้กฤษฎีกายุบสภาพ.ศ.2549 นี้ต้องเป็นโมฆะ เนื่องจากพบหลักฐานบ่งชี้ว่า พรรคไทยรักไทยจ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อให้ข้ามเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ
ครั้งที่ 13 ยุบสภาจากวิกฤตการณ์การเมืองมวลมหาประชาชนขับไล่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อต่อต้านการออกพระราชกำหนดนิรโทษกรรมที่ครอบครัวและพวกพ้อง รวมถึงทุจริตเชิงนโยบายโครงการรับจำนำข้าวด้วย แต่ถูกประกาศให้เป็นโมฆะอีกครั้ง เนื่องจากถูกมวลมหาประชาชน (กปปส.) ต่อต้านขัดขวางการเลือกตั้ง
ครั้งล่าสุดที่เพิ่งประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ยุบสภา ครั้งที่ 14 มีสาเหตุจากสภาผู้แทนราษฎรปิดประชุมสมัยสามัญประจำปีที่ 4 อันเป็นปีสุดท้ายจึงเห็นสมควรยุบสภาเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป
สิ่งหนึ่งที่ปรากฏในโลกโซเชียลและสื่อสังคมต่างๆ คือ ส่ำสัตว์น้อยใหญ่คงลิงโลดราวกับว่าได้อิสรภาพย้ายจากสถานกักกันไปสู่คอกใหม่ที่ให้อาหารเม็ด, อาหารเปียกอย่างอิ่มหนำสำราญเพื่อให้ทันตามกติกาการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
จากนี้ไม่เกิน 50 วัน ก็น่าจะถึงวันพิพากษาเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปตามบทบัญญัติในมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2566 ... ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปในวันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนด ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 45 วันและไม่เกิน 60 วันนับแต่พระราชกฤษฎีกานี้มีผลบังคับใช้
พี่น้องประชาชนและสังคมไทยคงต้องตระหนักชั่งใจว่าตลอด 15-20 ปี ภายใต้ระบอบทักษิณจนถูกกปปส.เดินขบวนต่อต้านขับไล่และมีการก่อรัฐประหารยึดอำนาจการปกครอง ประเทศชาติบ้านเมืองมีสภาพมีความรุ่งเรืองอย่างไร เกิดความแตกแยกมากแค่ไหนเพียงเพราะนักธนกิจการเมืองต้องการแสวงหาประโยชน์จากการใช้อำนาจรัฐอย่างไร จนมีคำพิพากษาจากศาลฎีกาแผนกคดีญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจำคุกนักการเมืองบางคนถึง 12 ปีจากคดีทุจริตคอร์รัปชั่นจนต้องหนีออกนอกประเทศกับ 8 ปีของรัฐบาลที่ถูกแซะเหน็บแนมว่าเป็นเผด็จการสืบทอดอำนาจเป็นอย่างไร
ผลงานของสภาผู้แทนราษฎรตลอด 4 ปีที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่สมบูรณ์แบบสมควรแก่การแซ่ซ้องสรรเสริญ หรือทำหน้าที่แค่สมประโยชน์ส่วนตนไม่ใช่พี่น้องประชาชนอย่างที่สำรอกสำรากก่อนการเลือกตั้ง สังคมไทยจึงควรตั้งสติก่อนเลือกตั้ง “ประเทศจะรุ่งเรือง ถ้าบ้านเมืองสุจริต”
กำจัดนักการเมืองเสียชาติเกิด นักเลือกตั้งชังชาติอย่าให้มีที่ยืนในสัปปายะสภาสถาน
อย่าให้โอกาสนักธนกิจการเมืองเข้าถึงอำนาจก่อทุจริตคอร์รัปชั่นได้อีก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี