วันเสาร์ ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์ /

วันจันทร์ ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2566, 02.00 น.
ภัยจากสารกัมมันตรังสี

ดูทั้งหมด

  •  

โรคหรือภัยสุขภาพของร่างกายคนเรานั้น เกิดขึ้นได้จากสาเหตุหลายอย่างด้วยกัน ที่รู้จักกันดีแล้วก็คือโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและไวรัสชนิดต่างๆ อาทิ อหิวาตกโรค ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง และในอดีตได้คร่าชีวิตผู้คนไปเป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันแทบจะไม่พบโรคนี้อีกแล้ว หรือที่คนไทยเรารู้จักกันอย่างดีมาก คือโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่เรียกกันว่าโรคโควิด-19 ที่ได้ทำให้เกิดการเจ็บป่วยของประชากรทั่วทั้งโลกและเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมากทีเดียว

โรคที่เกิดจากความผิดปกติของอวัยวะภายในร่างกายเอง ก็มีอยู่เป็นจำนวนมากที่รู้จักกันดีคือโรคมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งเต้านมในสตรี มะเร็งปอด มะเร็งตับและที่พบบ่อยมากคือมะเร็งลำไส้ใหญ่ ที่หากได้รับการรักษาช้าก็อาจจะนำไปสู่การเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะหากเกิดการลุกลามไปสู่อวัยวะอื่นๆ แล้วด้วย


อุบัติเหตุจราจร ก็เป็นสาเหตุสำคัญของการบาดเจ็บและเสียชีวิตของมนุษย์เช่นกัน ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีตัวเลขของผู้ประสบภยันตรายชนิดนี้เป็นอันดับต้นๆ ของโลก และมีผู้เสียชีวิตในแต่ละปีเป็นจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีงานเทศกาลใหญ่ๆ ประจำปี เช่น เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจะมีผู้คนจำนวนมากเดินทางกลับสู่ถิ่นฐานหรือออกไปท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆ โดยส่วนใหญ่ของผู้ที่เสียชีวิต จะเกิดจากการใช้จักรยานยนต์เป็นหลัก

แต่สาเหตุที่จะทำให้เกิดโรคหรือภัยต่อร่างกายมนุษย์ได้นั้น จะเพิ่มมากขึ้นจากสภาพการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมทางอากาศ ที่จะมีฝุ่นและสารพิษสะสมมากขึ้นและมากขึ้นตามลำดับ และที่เป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้คือฝุ่น PM2.5  ซึ่งได้เป็นปัญหาในหลายพื้นที่ของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง และบางวันปริมาณของฝุ่นดังกล่าวก็สูงมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเราเลย ซึ่งเรื่องนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องถูกนำมาเป็นวาระแห่งชาติ ไม่ว่าจะรัฐบาลใดก็ตามที่จะเข้ามาบริหารประเทศ เพราะส่งผลเสียต่อสุขภาพรวมถึงชีวิตของประชาชนมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพื่อใช้ในการดูแลรักษาอย่างมากมาย

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นมีข่าวใหญ่ซึ่งต้องมีการติดตามสอบสวน เพราะเป็นเรื่องที่อาจจะเกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนได้อย่างมากมายเช่นเดียวกันคือข่าวของการรั่วไหลของสารซีเซียม-137 ซึ่งเป็นสารกัมมันตรังสีชนิดหนึ่ง ซึ่งจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน และทำให้เกิดข้อสงสัยถึงที่มาที่ไปของการรั่วไหลที่ยังไม่แน่ชัด เพียงแต่กล่าวกันว่าสารดังกล่าวถูกติดตั้งอยู่ในส่วนประกอบของเครื่องจักรชนิดหนึ่งและมีปริมาณไม่มาก ซึ่งชิ้นส่วนดังกล่าวได้หายไปจากโรงงานแห่งหนึ่งซึ่งเป็นโรงงานถลุงเหล็กในจังหวัดปราจีนบุรีโดยไม่ทราบสาเหตุ และอาจจะทำให้เกิดการแพร่กระจายของสารกัมมันตรังสีซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพและร่างกายของประชาชนที่อยู่ในรัศมีใกล้เคียงได้  โดยหลังจากเป็นข่าวขึ้นมาก็มีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติและผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายได้เข้าตรวจค้นในจุดและสถานที่ต่างๆ แต่ก็ไม่สามารถจะหาพบได้  โดยคาดว่าสารดังกล่าวได้ถูกเผาทำลายไปแล้วในกระบวนการถลุงเหล็กก็เป็นได้ แต่ก็ยังเป็นโชคดีที่เมื่อมีการตรวจวัดปริมาณของสารกัมมันตรังสีในพื้นที่โดยรอบ เป็นรัศมีวงกว้างพอสมควร ก็พบว่าปริมาณที่ตรวจพบนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ถือว่าเป็นปกติ ที่อาจจะมีสารชนิดนี้กระจายอยู่และไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์

วันนี้จะขอนำเรื่องของเหตุการณ์ในอดีต 2-3 เหตุการณ์ที่ถูกบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ของโลกว่า  สารกัมมันตรังสีนั้นได้คร่าชีวิตของผู้คนและทำให้เกิดความเสียหายต่ออาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อมของโลกอย่างมากมายมหาศาล มากล่าวถึงในคอลัมน์นี้

เรื่องแรกคือ เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อช่วงปีพ.ศ 2488 ซึ่งเป็นการสู้รบของสองฝ่าย คือฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าพันธมิตร ที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศหลัก และอีกฝ่ายหนึ่งที่ถูกเรียกว่าฝ่ายอักษะที่ประกอบไปด้วยเยอรมนีและญี่ปุ่นเป็นต้น โดยการต่อสู้ได้เริ่มมาตั้งแต่ปีพ.ศ 2482 ซึ่งทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความสูญเสียจำนวนมหาศาล และดูเหมือนว่าสงครามจะยุติลงได้ยาก จนกระทั่งในท้ายที่สุดประเทศสหรัฐอเมริกาโดยประธานาธิบดีแฮร์รี่ เอส ทรูแมน ได้สั่งให้กองทัพอากาศของสหรัฐอเมริกานำระเบิดปรมาณู ไปทิ้งลงที่เมืองฮิโรชิม่าในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมใหญ่และมีประชากรจำนวนมาก ในวันที่ 6 สิงหาคม 2488  การระเบิดครั้งนั้นทำให้เมืองฮิโรชิม่าถล่มทลายลงทั้งหมดและคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 140,000 ราย ตลอดจนมีผู้บาดเจ็บพิการและโรคร้ายต่างๆ ที่เป็นผลจากการได้รับสารกัมมันตรังสีมาอีกยาวนานพอสมควร ซึ่งถึงแม้จะมีการทิ้งระเบิดลูกแรกไปแล้วญี่ปุ่นก็ยังไม่ยอมแพ้ ทำให้สหรัฐอเมริกาตัดสินใจนำระเบิดปรมาณูลูกที่ 2 ไปทิ้งลงที่เมืองนางาซากิ หลังจากนั้นอีก 3 วัน ทำให้บ้านเมืองถล่มทลายและชีวิตผู้คนดับสูญไปเป็นจำนวนมากกว่า 80,000 ราย จนในที่สุดประเทศญี่ปุ่นต้องประกาศยอมแพ้สงคราม  เพราะไม่อาจทนเห็นความเสียหายและชีวิตของผู้คน ที่ถูกทำลายจากสงครามในรูปแบบนี้ได้อีกต่อไปแล้ว

อีกเหตุการณ์หนึ่งที่จะขอนำมากล่าวในครั้งนี้คือเรื่องการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล ทางตอนเหนือของยูเครน ซึ่งขณะนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของประเทศสหภาพโซเวียต อันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2529 โรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้นถูกสร้างขึ้นในหลายแห่งทั่วโลกเพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญในการผลิตไฟฟ้า นอกเหนือจากการผลิตไฟฟ้าด้วยวิธีการอื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจากพลังน้ำหรือจากการใช้ถ่านหิน โรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้นสามารถจะผลิตไฟฟ้าได้อย่างมากมาย การระเบิดในครั้งนั้นเกิดขึ้นในเตาปฏิกรณ์ที่ 4 ซึ่งหลังจากระเบิดใหม่ๆ มีการปิดข่าว ไม่ให้แพร่กระจาย แต่ประเทศที่อยู่โดยรอบรับรู้ได้จากการตรวจพบปริมาณสารกัมมันตรังสีปนเปื้อนเพิ่มขึ้นจำนวนมากอย่างผิดปกติในหลายๆ ประเทศแถบทวีปยุโรปที่อยู่รอบประเทศรัสเซีย จนในที่สุดจึงมีการเปิดเผยว่ามีการระเบิดของโรงงานดังกล่าว ถึงแม้ว่าในช่วงต้นของการระเบิดจะมีผู้เสียชีวิตไม่มากนักเพราะมีการทราบล่วงหน้า ว่าเตาปฏิกรณ์ปรมาณูมีปัญหาและมีปริมาณความร้อนของแกนปฏิกรณ์สูงเกินขีดจำกัด ที่จะทำให้เกิดการระเบิดขึ้นได้ จึงมีการอพยพผู้คนในบริเวณดังกล่าว มากกว่า 330,000 คน ออกไปจากพื้นที่ได้ทันเวลา แต่สิ่งที่ติดตามมาภายหลังการระเบิดก็คือการแพร่กระจายของสารกัมมันตรังสีที่ล่องลอยอยู่ในบริเวณดังกล่าวเป็นจำนวนมากและเป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมากกว่า 600,000 คน มีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งมากกว่า 4,000 ราย ปัจจุบันโรงไฟฟ้าดังกล่าวนี้ได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมแก้ไขให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนของโรงงานที่ใช้งานได้ปกติก็ยังคงทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าต่อไป

ย้อนกลับมาพูดเรื่องสารซีเซียม (Caesium- 137) ที่เป็นข่าวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าคืออะไรสารนี้เป็นสารกัมมันตรังสีอันตรายประเภทที่ 3 ตามการจำแนกของขบวนการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ มีลักษณะทางกายภาพเป็นของแข็งคล้ายผงเกลือ สามารถพุ่งกระจายได้เมื่อแตกออกจากแคปซูลที่ห่อหุ้มไว้ และมี half life หรือระยะเวลาที่สารกัมมันตรังสีใช้ในการสลายตัวจนเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของปริมาณตั้งต้นเท่ากับ 30 ปี เช่น สารนี้จำนวน 100 กรัม อีก 30 ปีข้างหน้าจะเหลือ 50 กรัม  และอีก 30 ปีต่อไปจะเหลือ 25 กรัม ซึ่งจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งหมายความว่าจะใช้เวลานับเป็นร้อยปีจึงจะสลายจนเหลือ 0 หรือสูญเสียสภาพ  และถึงแม้จะอยู่ในช่วงของการสลายก็ยังส่งผลกระทบจากการปนเปื้อนต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมได้

สารนี้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในโรงงานอุตสาหกรรมในการวัดระดับความชื้น ความหนาแน่นการไหลของของเหลวในท่อ และตรวจสอบชั้นบาดาล ส่วนทางการแพทย์ใช้เป็นต้นกำเนิดรังสีแกมม่าเพื่อรักษาโรคมะเร็งบางชนิด

หากร่างกายได้รับปริมาณรังสีที่แผ่ออกมาจากสารนี้เป็นระยะเวลาสั้นๆ อาจจะไม่เกิดผลในทันทีทันใด แต่จะเกิดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งได้ และหากได้รับต่อเนื่องยาวนานจะเป็นอันตรายต่อผิวหนังแสบร้อน มีผื่นคล้ายน้ำร้อนลวกหรือโดนไฟไหม้ มีอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ หากปริมาณที่ได้รับสูงมากพอจนมีการสะสมในเนื้อเยื่ออ่อนของอวัยวะต่างๆ จะส่งผลให้เกิดมะเร็งของอวัยวะนั้นๆ ที่สารนี้สะสมอยู่

เป็นเรื่องธรรมดาว่าของที่มีประโยชน์ก็อาจจะเป็นโทษได้เสมอเช่นกัน สำหรับผู้ป่วยนั้นเมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล บางครั้งแพทย์จะต้องตรวจเพื่อยืนยันการวินิจฉัยด้วยการเอกซเรย์ ซึ่งก็เป็นรังสีที่เป็นอันตรายเช่นเดียวกัน หรือแม้แต่เครื่อง CT Scan ซึ่งผู้ป่วยบางส่วนเรียกร้องขอให้แพทย์ตรวจด้วยวิธีการดังกล่าวที่บางครั้งอาจจะยังไม่มีความจำเป็นตามข้อบ่งชี้ที่ควรจะเป็น จึงเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเพราะถ้าทำบ่อยๆ ก็จะมีการสะสมของปริมาณรังสีที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งและอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้เช่นเดียวกัน      

การนำเข้า การจัดเก็บและควบคุมการใช้ของสารกัมมันตรังสีทั้งหลายในประเทศไทย จึงเป็นสิ่งที่ภาครัฐ ต้องให้ความสำคัญเพิ่มเติมขึ้นกว่าเดิม  ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของประชาชนโดยส่วนรวม

การสร้างความเข้าใจให้กันและกันเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งในการดำรงชีวิตในสังคมปัจจุบัน และหากสามารถสร้างสิ่งนี้จนเกิดเป็นความไว้วางใจได้เมื่อไหร่ เมื่อนั้นสังคมที่เราต้องอยู่ร่วมกันนั้น จะเป็นสังคมแห่งความสุข

นายแพทย์ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
14:33 น. เปิดผล‘ดัชนีสร้างชาติ’2025-26 ‘ไทย’พุ่งอันดับ 3 อาเซียน ติดท็อป 46 โลก สะท้อนรากฐานมั่นคง
13:42 น. ‘ทักษิณ’เตรียมทอดผ้าป่า‘วัดบ้านไร่’ 19 ก.ค. สร้าง‘หลวงพ่อคูณ’องค์ใหญ่ที่สุดในโลก
13:22 น. ‘อนุสรณ์’แนะ‘ภราดร’ตรวจสอบคนในก่อนโวยวายคนนอกปมคุมเสียงไม่ได้
13:14 น. รัฐบาลเปิดระบบ‘มอก.วอทช์’ ดึง AI ล่าล้างบางของเถื่อน ผ่านทางออนไลน์ 24 ชม.
13:08 น. 'ตะไลชนโคม' สีสันกีฬาพื้นบ้าน-สร้างความสนุกสนาน'งานบุญวันเข้าพรรษา'
ดูทั้งหมด
โปรดเกล้าฯ 'พล.อ.' พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ นายทหารราชองครักษ์พิเศษ
พอที'เพื่อไทย'!! อดีตเด็ก พท.หอบผ้าซบพรรคลุงป้อมพรึ่บ อีสานมาเพียบ! (คลิป)
'หมอวรงค์'บอกหนาวเลย! หลังฟังการไต่สวนคดี'ทักษิณ'ชั้น 14 รพ.ตร. ครั้งที่ 3
ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 8 ต่อ 1 หญิงหย่าสามีต้องกลับไปใช้นามสกุลเดิม
'ดุ๊ก ภาณุเดช'วอนหยุดบุกรุกบ้านส่วนตัวที่เขาใหญ่ สุดทนคนแห่ถ่ายรูป-เดินชิลเหมือนอยู่คาเฟ่
ดูทั้งหมด
จีนยกระดับปราบ Cyber Scam ฉ้อโกงออนไลน์ให้เป็นวาระแห่งชาติ
ฝนตก-น้ำท่วม-ก่อสร้าง พึงระมัดระวังไฟดูด-ไฟรั่ว
ฮุนเซน-ทักษิณ (แพทองธาร) มิตรหรือศัตรู
บุคคลแนวหน้า วันที่ 12 ก.ค. 2568
ทักษิณยังคงคุยโวเหมือนเดิม
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

‘ทักษิณ’เตรียมทอดผ้าป่า‘วัดบ้านไร่’ 19 ก.ค. สร้าง‘หลวงพ่อคูณ’องค์ใหญ่ที่สุดในโลก

‘พัทลุง’สลด! พบศพผัวเมียรับซื้อน้ำยาง ถูกยิงดับคู่ในบ้าน ตร.คาดทะเลาะกัน

‘ทนายวันชัย’มองเรื่อง‘สีกากอล์ฟ’ เปรียบฆาตกามต่อเนื่อง กระชากหน้ากาก‘คนห่มเหลือง’

ยิปซีพยากรณ์ดวงรายวัน ประจำวันเสาร์ที่ 12 ก.ค.68

สุดทน!‘สุทิน’จี้ผู้รักษากฎหมายต้องขยับ ปล่อยให้‘สทร.’ย่ำยีประเทศไม่ได้อีกแล้ว

‘นักเขียนซีไรต์’ฟาดนักการเมืองขี้ขลาด มุ่งแก้ ม.112 นิรโทษกรรมตัวเอง

  • Breaking News
  • เปิดผล‘ดัชนีสร้างชาติ’2025-26 ‘ไทย’พุ่งอันดับ 3 อาเซียน ติดท็อป 46 โลก สะท้อนรากฐานมั่นคง เปิดผล‘ดัชนีสร้างชาติ’2025-26 ‘ไทย’พุ่งอันดับ 3 อาเซียน ติดท็อป 46 โลก สะท้อนรากฐานมั่นคง
  • ‘ทักษิณ’เตรียมทอดผ้าป่า‘วัดบ้านไร่’ 19 ก.ค. สร้าง‘หลวงพ่อคูณ’องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ‘ทักษิณ’เตรียมทอดผ้าป่า‘วัดบ้านไร่’ 19 ก.ค. สร้าง‘หลวงพ่อคูณ’องค์ใหญ่ที่สุดในโลก
  • ‘อนุสรณ์’แนะ‘ภราดร’ตรวจสอบคนในก่อนโวยวายคนนอกปมคุมเสียงไม่ได้ ‘อนุสรณ์’แนะ‘ภราดร’ตรวจสอบคนในก่อนโวยวายคนนอกปมคุมเสียงไม่ได้
  • รัฐบาลเปิดระบบ‘มอก.วอทช์’ ดึง AI ล่าล้างบางของเถื่อน ผ่านทางออนไลน์ 24 ชม. รัฐบาลเปิดระบบ‘มอก.วอทช์’ ดึง AI ล่าล้างบางของเถื่อน ผ่านทางออนไลน์ 24 ชม.
  • \'ตะไลชนโคม\' สีสันกีฬาพื้นบ้าน-สร้างความสนุกสนาน\'งานบุญวันเข้าพรรษา\' 'ตะไลชนโคม' สีสันกีฬาพื้นบ้าน-สร้างความสนุกสนาน'งานบุญวันเข้าพรรษา'
ดูทั้งหมด
Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved