คุณอัญชลีพร กุสุม ผู้ประกาศข่าวทีวี/จัดรายการวิทยุเป็นนักข่าวอาวุโสโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กสั้นๆ ว่า “อยากเป็นกันนักก็ให้เป็นๆ ไป นายกฯที่คิดร้ายกับสถาบันไม่ได้ตายเมืองไทยสักคน”โพสต์ของคุณอัญชลีพรกลายเป็นไวรัลที่มีคนแชร์เป็นจำนวนมาก และ เมื่อนำข้อความของคุณอัญชลีพรมาไล่เลียงจากประวัติศาสตร์ตำนานที่เคยอ่านและประสบการณ์ทำข่าวมาเกือบครึ่งศตรรษก็ได้พบความจริงว่าผู้ที่มุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่มีใครได้ตายในเมืองไทยสักคนจริง อย่าว่าแต่ผู้ที่มุ่งร้ายถึงกับทำลายล้มล้างสถาบันฯเลย แค่คนทำตนเสมอท่านในงานพระราชพิธี หรือ ราชประเพณีโบราณนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์คนนั้น ก็อยู่ประเทศไทยไม่ได้แล้ว
ดังนั้นขอให้คนไทยผู้จงรักภักดีที่หวั่นไหว กับผลการเลือกตั้งและความพยายามจัดตั้งรัฐบาลกลัวว่า พรรคที่ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งมีนโยบายต่อต้านสถาบันฯจะจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จและจากนั้นก็ใช้อำนาจฝ่ายบริหารบั่นทอนความมั่นคงสถาบันพระมหากษัตริย์
ขอให้ชาวไทยผู้จงรักภักดีมั่นใจได้ว่าคนกลุ่มนี้ไม่มีความกล้าหาญและไม่มีศักยภาพพอที่จะต่อกรกับชาวไทยผู้จงรักภักดี และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ให้อยู่คู่ประเทศไทยมากว่าเจ็ดร้อยปี
พรรคการเมือง นักการเมือง นักวิชาการ นักกิจกรรมทางการเมืองที่มีพฤติกรรมต่อต้าน หรือเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ล้วนแต่เป็นนักแสดงละคร เป็นอีแอบขี้ขลาดที่หลอกใช้เยาวชน และคนโง่เขลาให้เป็นบันไดไต่เต้าทางการเมือง หลอกใช้เยาวชนคนโง่เขลาให้ติดคุกติดตะรางเพื่อเป็นข้ออ้างสร้างเงื่อนไขมาใช้เป็นนโยบายหาเสียงเท่านั้น
อย่างไรก็ตามการแสดงละครของพวกมันกลับได้ผลเพราะคนโง่ในประเทศไทยมีมากพอเป็นบันไดให้นักการเมืองได้ไต่เต้าขึ้นสู่อำนาจ
ดังที่ นายปรเมษฐ์ ภู่โต ผู้ดำเนินรายการและผู้ประกาศข่าวสถานีวิทยุ/ทีวีแห่งประเทศไทย หรือ NBT โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า
...“คนที่เลือกก้าวไกล เพราะไม่เอาสถาบันฯ ชัดเจน อันนี้เข้าใจได้ เพราะมันคือเป้าหมายของพวกเขา แต่คนที่ไปเลือก แล้วบอกว่า ยังจงรักภักดีกับสถาบันฯอยู่เหมือนเดิม ก้าวไกลแค่มา “แก้ไข ไม่ได้ยกเลิก 112” หรือ “มาปฏิรูป ไม่ได้มาล้มล้างสถาบัน”
ไม่ต่างอะไรกับการที่คุณยอมไปกินข้าวกับเพื่อนที่แอบใส่ไซยาไนด์ ลงไปโดยที่คุณไม่รู้ตัวนั่นแหละ คุณก็แค่ไปกินข้าว ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน..”
คุณปรเมษฐ์เปรียบเทียบได้ตรงเป้าที่สุด เพราะในความเป็นจริงพรรคอนาคตใหม่ที่แปลงร่างเป็นก้าวไกลได้ใส่ยาพิษทางความคิดให้คนรุ่นใหม่มานานแล้ว ยาพิษที่ว่านั้นมันร้ายแรงกว่าไซยาไนด์เพราะศาสดาของพรรคก้าวไกลที่แปลงร่างจากพรรคอนาคตใหม่ นำเอาทฤษฎีปฏิวัติฝรั่งเศสกับปฏิวัติวัฒนธรรมจีนโดยแก๊งออฟโฟร์มาผสมปนเปกันจนสับสนวุ่นวาย
เคยมีคนเปรียบเทียบนักกิจกรรมการเมืองไทย และ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ว่า เหมือนแก๊งออฟโฟร์ ในสมัยปฏิวัติวัฒนธรรมจีนที่มี มาดามเจียงชิง เป็นแกนนำ ซึ่งแก๊งออฟโฟร์ใช้เยาวชนเรดการ์ด ฆ่าทำลายฝ่ายที่เห็นต่างเป็นเหตุให้มีคนตายจำนวนมากประมาณการกันว่าตั้งแต่ห้าแสนถึงแปดล้านคน
เรดการ์ดฆ่าผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนายทุน ขุนศึก ศักดินาไม่เลือกหน้า เผาทำลายหนังสือหรือสิ่งก่อสร้างที่เป็นสัญลักษณ์วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของจีนอย่างบ้าคลั่ง
แต่แก๊งออฟโฟร์ไทยขี้ขลาดไม่กล้าออกหน้า อย่างมากก็แสดงสัญลักษณ์ในการต่อต้านสถาบันฯ ขุนศึก ศักดินา ส่วนนายทุนนั้น แก๊งออฟโฟร์แห่งประเทศไทย เว้นไว้ไม่พูดถึงเพราะสองในสี่แก๊งออฟโฟร์เป็นนายทุนตัวจริง ทางด้านเรดการ์ดไทยก็ขี้ขลาดเคลื่อนไหว กลัวๆกล้าๆ ทำได้แค่พ่นสีทำลายทรัพย์สินราชการ เล่นระเบิดปิงปอง เผายางรถยนต์ แต่กลับกล้าออกหน้าจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์
อย่างไรก็ตามถึงแม้แก๊งออฟโฟร์แห่งประเทศไทยขี้ขลาดและสับสนในตัวเอง ยังไม่วายยังมีคนออกมาเตือนพรรคก้าวไกลว่าอย่าทำให้ประเทศไทยเหมือน “ปฏิวัติวัฒนธรรมจีน และ เหมือนเขมรแดง”
นายพงศ์พรหม ยามะรัต อดีตรองหัวหน้าพรรคกล้า โพสต์เฟซบุ๊กชื่อ Phongpan Yamarat หลังจากพรรคก้าวไกลเชิญพรรคชาติพัฒนากล้าเข้าร่วมรัฐบาลแล้วผลักไสออกมาหลังจากถูกมวลชนของพรรคต่อต้านว่า...
“นอกจากการ“ตามใจ”ฐานเสียงแล้วก็ต้องอย่าลืม “หลักการ” อย่าเริ่มตั้งต้นรัฐบาลด้วย “2 มาตรฐาน” ที่พัดโดยการเฮไปมา ของฝูงชน
#มันไม่ต่างอะไรจากยุคปฏิวัติวัฒนธรรมจีนและเขมรแดงเลย จะทำร้ายใคร จะบูลลี่ใคร ไร้หลักการทั้งสิ้นมีแต่การเฮโลตามกระแส ตามการชี้นิ้วให้ไปทำร้ายคนโน้นคนนี้ แค่เพราะตัวเอง “ไม่ชอบหน้า”...
...สุดท้ายขอให้คุณทิมตั้งรัฐบาลได้และได้เป็นนายกฯครบ 4 ปี สิ่งที่ผมหวังและผมรณรงค์มาตลอด 6 ปี คือ การ“ปฏิรูปประเทศ” ตรงนี้ผมให้กำลังใจเต็มที่
...แต่ท้ายสุดประสบการณ์ และมันสมองผมบอกว่าสถาบันพระมหากษัตริย์มีแต่พยายามพัฒนาประเทศอย่างจับต้องได้ และอย่าไปยุ่ง อย่าไปทำร้ายพวกเขา ซึ่งผมก็จะฝากอีกครั้งว่า #หากไปแตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ผม และคนอีกมากมาย เราพร้อมจะลงถนนไปสู้กับพวกคุณเช่นกัน...”
ดูเหมือนว่านายพงศ์พรหม วิตกและให้ค่าแก๊งออฟโฟร์มากเกินไป เพราะในความเป็นจริงแล้ว แก๊งออฟโฟร์ในเมืองไทยที่ครอบงำพรรคก้าวไกลขี้ขลาดเกินไปที่จะท้าทายสังคมไทยผู้จงรักภักดีหากบังเอิญตั้งรัฐบาลได้แก๊งออฟโฟร์ไทย และพรรคก้าวไกล ก็จะได้สำเหนียกว่า ผู้ที่มุ่งร้ายสถาบันสูงสุดไม่มีใครได้ตายบนแผ่นดินไทยสักคน
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี