ในขณะที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ประกาศรับรองสส.ทั้ง 500 คน เพื่อให้ทันกับกระบวนการประชาธิปไตย ตามกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน กกต.ให้เหตุผลว่าสอบสวนเรื่องร้องเรียนทั้งหมดไม่ทัน แต่ยังมีเวลาอีกหนึ่งปีที่จะสอย สส. ที่รับรองไปแล้ว หากตรวจสอบพบว่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างร้ายแรง ในขณะที่ สส.รับเอกสารจากสภาและพรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้งร่วมมือกันเตรียมจัดตั้งรัฐบาลผสมแปดพรรค
ผู้เขียนได้รับโทรศัพท์จากนักข่าวอาวุโสสองท่านที่รู้กันมานานกว่าสามสิบปี ทั้งสองท่านเล่าให้ฟังตรงกันว่าเรื่องที่พวกอาจารย์ส้มอมแดง มีอุดมการณ์เปลี่ยนแปลงประเทศไทยที่ลามไปถึงการแยกดินแดน และแผนการบั่นทอนความมั่นคงสถาบัน จัดการสัมมนาพาสื่อมวลชนไปล้างสมองให้มองในรัฐไทย แต่แง่ลบ (รัฐไทยเป็นคำนิยามของพวก)นักข่าวคนแรกโทรมา เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนเล่าว่า เขาเป็นคนหนึ่งในกลุ่มนักข่าวประมาณยี่สิบคนที่ได้รับเชิญจากอาจารย์จุฬาฯ ให้เดินทางไปสัมมนาในโรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี
นักข่าวที่โทรมาหาผู้เขียนแสดงอาการไม่สบายใจ เพราะสัมผัสได้ว่า อาจารย์จากจุฬาฯมีอุดมการณ์เหมือนกับพรรคก้าวไกลที่ต้องการให้สามจังหวัดภาคใต้ เป็นอิสระจากการบริหารรัฐบาลกลางกรุงเทพฯ เขาเล่าว่าสิ่งแรกที่รู้สึกได้คือ อาจารย์ที่นำคณะไปคิดในแง่ลบต่อทหารและหน่วยงานมั่นคง”เขาให้พวกเรานับระหว่างทางว่ามีด่านมั่นคงกี่ด่าน และพูดว่านี่คือสิ่งกดทับกดดันให้คนท้องถิ่นต่อต้านหน่วยงานมั่นคง”
ในวงสัมมนาเบื้องต้น อาจารย์จากจุฬาฯและคณะบรรยายชี้ให้เห็นความโหดร้ายของการใช้กำลังปรามปราบประชาชนที่เป็นต้นเหตุของการต่อต้านและเกลียดชังทหารอย่างรุนแรง“มีตอนหนึ่งผู้บรรยายพูดว่า “เอาทหารไปคุ้มครองพระบิณฑบาต ถือเป็นการสูญเปล่า”
โดยสรุปนักข่าวระบายความรู้สึกอึดอัด เล่าให้ฟังว่าผู้บรรยายพูดแต่ในแง่ลบของรัฐบาลกลางและหน่วยงานมั่นคงการบรรยายใช้คำว่า “ปาตานี” ทุกครั้งที่พูดถึงสามจังหวัดภาคใต้ แต่โชคดีที่ผู้ฟังไม่ได้ให้ความสนใจ ส่วนใหญ่เดินออกไปจากห้องประชุมหรือไม่ ก็นั่งคุยกันเองเสียงดังกลบคำบรรยาย
“แต่ที่น่าสลดใจคือในช่วงที่ผู้บรรยายบอกให้นักข่าวเขียนจินตนาการ หรือวาดรูปความรู้สึกถึงบรรยากาศสามจังหวัดภาคใต้ลงในกระดาษ นักข่าวส่วนหนึ่งที่เป็นติ่งพรรคการเมือง วาดรูปชาวบ้านกำลังรุมประชาทัณฑ์ใครคนหนึ่ง ทำให้ของสูงหล่นลงมา” ผู้เขียนไม่ได้เห็นรูปวาดนั้น ด้วยตัวเองแต่ฟังจากน้ำเสียงนักข่าวที่โทรมาเล่าแล้วนึกภาพออกว่า (หากเป็นเรื่องจริง) นักข่าวพวกนั้นเป็นกลุ่มที่รับงานมาจากพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอยู่ทุกวันนี้
แต่อย่างไรก็ตาม การสัมมมาในโรงแรมซี.เอส.ปัตตานี ไม่ได้มีคนสนใจมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักการเมืองที่เคยไปร่วมสัมมนาในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ฯเมื่อ
วันที่ 7 มิถุนายน ไม่มีใครโผล่หน้ามาให้เห็น ซึ่งการสัมมนาในวันที่ 7 มิถุนายน มีลูกชาย นายนัดมุดิน อุมา อดีต สส.พรรคไทยรักไทย และจำเลยคดีก่อการร้าย ที่ศาลยกฟ้อง เพราะพยานหลักฐานอ่อน เหิมเกริมถึงขนาดอ่านแถลงการณ์ในนามขบวนนักศึกษาแห่งประเทศไทย เรื่อง“ทำประชามติแยกรัฐปาตานีอย่างถูกกฎหมายจากสยาม”ที่ฝ่ายความมั่นคง กอ.รมน.ภาค 4 ได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้วทั้งหมดสิ้นทั้งนักศึกษาและนักการเมืองอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลัง ไม่ได้มาร่วมสัมมนาเช่นกัน จึงถือได้ว่าความพยายามของติ่งส้มล้มเหลวที่จัดสัมมนาอย่างเงียบเหงา เหมือนหมาเฉา ยามเจ้าของไม่อยู่ให้เห็นหน้า สรุปว่าติ่งส้มจากจุฬาฯล้มเหลวในการต่อยอดประชามติแยกดินแดนสามจังหวัดภาคใต้ของขบถรุ่นใหม่
สองวัน ต่อวันที่ 23 มิถุนายน การจัดสัมมนา เหมือนหมาเฉา เพราะเจ้าของไม่อยู่ก็เกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เมืองหลวงภาคเหนือของประเทศไทย นักข่าวอาวุโส หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ประจำจังหวัดเชียงใหม่ โทรมาบอกว่าคณะผู้ก่อการ Neo Lanna (ผู้ก่อการล้านนาใหม่) พยายามตั้งชื่อ ให้ล้อกับ Neo Nazi หรือ นาซีใหม่ ที่สร้างความหายนะให้ยูเครน
...“ผู้ก่อการล้านนาใหม่หวิดปะทะกับกลุ่มชาวบ้านที่เรียกว่า กลุ่มประชาชนรักล้านนา”
นักข่าวอาวุโสกล่าวเขาเล่าว่า คณะผู้ก่อการล้านนามีกำหนดสัมมนาในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า และ อดีตหัวพรรคอนาคตใหม่ จะมาเป็นผู้ปาฐกถาหลัก แต่อธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่ ในมหาวิทยาลัย
เป็นเหตุให้กลุ่มอาจารย์ Neo Lanna ออกแถลงการณ์ว่า...“ด่วน!!ทางทีมงาน ได้รับการแจ้งเปลี่ยน ผู้ปาฐกถาและสถานที่ในการจัดงานเสวนา คือ ทางทีมงานได้รับการแจ้งจากผู้บริหารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยให้ทีมงานเปลี่ยนสถานที่ เพราะทางอธิการบดีได้มีข้อกังวลในการใช้สถานที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เนื่องจากกลัวว่า”จะเกิดการขัดแย้ง” ในการจัดงานเสวนาในครั้งนี้
ในกรณีที่สอง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่สามารถเข้าร่วมเวทีเสวนา #แห่ไม้ค้ำ ประชาธิปไตยในวันที่ 23 มิถุนายน 2566 ได้ เพราะมีหมายนัดของศาลกะทันหัน กรณีคดีวิจารณ์วัคซีนพระราชทาน(มาตรา 112) จึงปรับหมายกำหนดการ โดยการเชิญ อาจารย์ชำนาญ จันทร์เรือง มาเป็นคนมากล่าวปาฐกถาแทนนายธนาธรมีการเปลี่ยนกำหนดช่วงเวที หัวข้อ “ภาพรวมการกระจายอำนาจ”มาเป็นอาจารย์ชำนาญ จันทร์เรือง
เนื่องด้วยงาน แห่ไม้ค้ำประชาธิปไตย มีการจับตามองจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม ที่มองว่ากิจกรรมเวทีดังกล่าวจะนำไปสู่การแบ่งแยกดินแดนและปลุกปั่นประเด็นเพื่อสร้างความขัดแย้งต่อสังคม ดังนั้น ยืนยันเป้าหมายและการมุ่งเน้นวาระการกระจายอำนาจ-แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับและสร้างรัฐสวัสดิการ.. ฯลฯ อันเป็นรากฐานสำคัญของครรลองประชาธิปไตยที่เราปรารถนามีความหวังและสร้างสรรค์สู่ล้านนาใหม่#คณะก่อการล้านนา
ผู้สื่อข่าวอาวุโสเล่าด้วยว่า ขณะที่ผู้ก่อการล้านนากำลังหาที่จัดสัมมนาใหม่ กลุ่มคนที่เรียกว่า“กลุ่มรักเชียงใหม่”ประมาณสองร้อยคน ก็รวมตัวกันประกาศว่า จะขัดขวางขบวนการแยกดินแดนกลุ่มล้านนาใหม่ ที่ต่อยอดมาจากกลุ่มแยกดินแดนสามจังหวัดภาคใต้
กลุ่มล้านนาใหม่ ประมาณ 40 คน เดินทางมาถึงโรงแรมที่จัดสัมมนา ไม่ทราบเป็นโรงแรมอะไรเพราะถึงตอนนี้นักข่าวอาวุโสถ่ายทอดสดทางโทรศัพท์มาให้ชมบรรยากาศ โดยไม่มีคำบรรยาย แต่ภาพที่เห็นตำรวจหลายนายพยายามกันไม่ให้สองฝ่ายเผชิญหน้ากัน
นักข่าวอาวุโสย้ายขึ้นไปถ่ายทอดสดมาจากห้องสัมมนา เห็นมีผู้อภิปรายบนเวทีสามคน โดยมี พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นั่งตรงกลางขนาบข้างด้วยคน ที่เรียกตัวเองว่า อาจารย์สองคน คนที่นั่งข้างขวาไว้ผมยาวประบ่า
ทั้งคนสามผลัดกันพูดเรื่องล้านนาที่ไม่มีความสัมพันธ์และผูกพันกับรัฐบาลกลางของไทย นายเพนกวิน เน้นเรื่องตั้งคำถามว่า สร้างอนุสาวรีย์พระนเรศวรไว้ที่นั่นโน้นนี้ทำไม พระนเรศวรเคยยกทัพมาแถวนี้หรือที่อำเภอเชียงดาว ทำไม ไม่สร้างอนุสาวรีย์ผู้ใหญ่บ้าน (จำชื่อได้ เพราะถ่ายทอดสด)แทนอนุสาวรีย์พระนเรศวร
สรุปโดยรวมผู้บรรยาย ทั้งสามคนพยายามด้อยค่าประวัติศาสตร์ชาติไทยว่า เป็นจินตนาการของฝ่ายอนุรักษ์นิยมและศักดินา แต่ละยุคสมัยแล้วแต่คนเขียนจะยกย่องใคร กล้องแพนมาที่คนฟังประมาณสามสิบกว่าคนส่วนใหญ่ก็คุยกันเองมากกว่า บางส่วนก็เดินออกจากห้องประชุม สรุปว่าความพยายามปลุกระดมแบ่งแยกล้านนาออกจากส่วนกลาง ก็ล้มเหลว การจัดสัมมนา ก็เงียบเหงาเฉา เหมือนหมาเจ้าของไม่มาให้เห็นหน้าคล้ายๆ กับการจัดสัมมนาทำประชามติแยกดินแดนปาตานี
ซึ่งนักข่าวอาวุโสจากเชียงใหม่ สรุปให้ฟังว่า อาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองกลุ่มนี้เคยอยู่ฝ่ายนายทักษิณ“สมัยเป็นเสื้อแดงคนเหล่านี้ ต่อสู้จริงจัง ตายเป็นตาย แต่พอกลายมาเป็นติ่งส้ม พวกนี้ต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ และทางโซเชียลมีเดียมากกว่า คิดว่าชัยชนะพวกนี้ไม่ยั่งยืน” นักข่าวอาวุโส กล่าวสรุป
เมื่อพิเคราะห์จากความพยายามจัดตั้งรัฐบาลผสม นำโดยพรรคก้าวไกลที่มีแนวโน้มจะล่มกลางคันเหมือนกล้าไม้ที่เฉาตาย ตั้งแต่อยู่ในกระถาง ก็สรุปได้ว่า ความพยายามแบ่งแยกดินแดนภาคใต้ หรือ ทำให้ภาคใต้ของประเทศไทย และภาคเหนือเป็นอิสระจากส่วนกลางของกลุ่ม Neo Lanna เป็นฝันกลางแดด การจัดสัมมนาที่ปัตตานีและเชียงใหม่ถึงได้เงียบเหงาและเฉาเหมือนหมาไม่ได้เห็นหน้าเจ้าของ
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี