เด็กอนุบาลยังรู้จักมีน้ำใจนักกีฬา
พลพรรคก้าวไกล มีน้ำใจนักกีฬาบ้างเถอะ!!!
1.เมื่อพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ
ได้จำนวน สส. อันดับหนึ่ง ได้ตั้งรัฐบาลก่อนคนอื่น ได้เสนอชื่อพิธาเป็นนายกฯแบบไม่มีคนเสนอแข่ง
เหมือนได้ยิงจุดโทษ ดวลเดี่ยวๆ
แต่ยิงข้ามคานออกไปเอง!!
เพราะไม่ยอมลดเพดานเรื่องมาตรา 112 ทำให้ไม่มีใครเอาด้วย (ใน MOU 8 พรรค ก็ไม่ใส่ไว้ เพราะส่วนใหญ่ก็ไม่เอาด้วย)
น่าเสียดาย สมาชิกรัฐสภา ทั้ง สส. และ สว.ถึงขนาดประกาศกลางสภาว่าจะยกมือให้ ถ้ายอมลดเพดานแนวทางที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันนั้นเสีย
เพราะมันจะสร้างความแตกแยก ส่อขัดรัฐธรรมนูญ และสร้างผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ร้ายแรง
แต่นายพิธาและพรรคก้าวไกล กลับโยนโอกาสทิ้งไปเสียเอง ดึงดันจะเดินหน้าต่อเอง
แถมประกาศจะจัดวางพระราชสถานะ พระราชอำนาจใหม่ ก่อนจะเที่ยวไปโทษว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยมขัดขวาง
อ้าง “เสียงข้างมากแบบลวงตา” หลอกตัวเอง หลอกด้อมส้ม
2.พรรคเพื่อไทย ได้โอกาสจัดตั้งรัฐบาลบ้าง
ปรากฏว่า พรรคการเมืองอื่นๆ ระบุตรงกันว่า ถ้ายังมีก้าวไกลร่วมรัฐบาล คงโหวตให้ไม่ได้
พลพรรคก้าวไกลตัวเป็นไอ้เข้ขวางคลองทันที
ปลุกปั่นไม่ให้พรรคเพื่อไทยปล่อยมือจากพรรคตนเอง
เห็นแก่ตัว เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล
ทำตัวเหมือนเด็กมีปัญหา เอาแต่ใจ ทั้งๆ ที่ตนเองทำตัวเอง ขว้างโอกาสทิ้งไปเอง
เตะข้ามคานเอง
แทนที่พลาดไปแล้วจะยอมรับ รอโอกาสหน้า
กลับปลุกระดมแฟนบอลข้างสนาม ยุยงปลุกปั่นคอนด้อมส้มให้เกลียดชังและต่อต้านคนอื่น
บางส่วนบุกไปถึงพรรคเพื่อไทย
เป็นพฤติกรรมแย่มาก น่าละอายมาก
3.กลุ่มที่มีเสียงมากสุด คือ 188 เสียง รวมกันเหนียวแน่นมาก
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โฟนอินให้สัมภาษณ์ในรายการ เรื่องเล่าเช้านี้
บางช่วง ระบุว่า
“แต่พี่น้องประชาชนอีกส่วนหนึ่ง ถ้าเทียบคะแนน เขาไม่ได้เห็นคล้อยตามที่เราเสนอ
เราซึ่งหมายถึงพรรคซีกเสรีประชาธิปไตย ซึ่งผมวัดจากคะแนนขณะที่ ถ้าเราไล่เลียงกัน ของเขา 10 พรรคที่มัดกันแน่ ถ้ารวมเป็น 1 พรรค ได้ 188 เสียง เขาเป็นอันดับ 1 นะในสภา
พรรคก้าวไกล เป็นอันดับสอง ได้ 151 และพรรคเพื่อไทยเป็นอันดับ 3 คือ ได้ 141
เมื่อเราไม่ได้เสียงข้างมากเด็ดขาด ภายใต้รัฐธรรมนูญแบบนี้จึงมีความลำบากสักนิด
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เห็นภาพว่าทำไม พรรคพท.ถึงรณรงค์แลนด์สไลด์ เพื่อแก้ปัญหาทั้งหมด สิ่งที่เราได้รับมามันไม่ถึงเป้าต้องรับสภาพ หาวิธีการดำเนินการให้ดีที่สุด”-นพ.ชลน่านกล่าว
4.แน่นอนว่า สส.ทั้งหมดนั้น มาจากการเลือกตั้งครั้งเดียวกับที่ก้าวไกลได้ 151 เสียง เพื่อไทยได้ 141 เสียง
ทั้งหมด มาจากประชาชนเหมือนกัน
คงมีแต่พวกสมองหมาปัญญาควายที่จะด้อยค่าว่าใครเป็น สส.ฝ่ายเผด็จการ ฝ่ายประชาธิปไตยอยู่อีก
5.ถ้าพรรคเพื่อไทย พรรคอันดับ 2 จัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ ก็จะต้องเป็นพรรคอันดับ 3 ภูมิใจไทย จัดตั้งรัฐบาลบ้าง
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ในรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ระบุว่า
ตนพยายามอยู่ว่าจะมีแนวทางใดที่ 8 พรรคร่วมยังอยู่ด้วยกัน หรืออย่างน้อยหลักสำคัญยังมีพรรคเพื่อไทย-ก้าวไกลจับกันอยู่ และพยายามมุ่งมั่นหาคะแนนเพิ่ม
“ทางเลือกอื่นที่มีคนเสนออีก เช่น พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคอันดับสอง ที่ได้รับมอบหมายจากพรรคอันดับหนึ่ง เมื่อพรรคเพื่อไทยจัดไม่ได้ ในเมื่อเราหมดปัญญาแล้วทำไมไม่ส่งต่อให้คนอื่น ก็คือพรรคอันดับสาม
แต่เขาจะหาเสียงได้ครบหรือไม่ แต่นั่นหมายความว่าเรายกเสียงข้างมากเราไปให้เสียงข้างน้อย
แต่ทั้งหลายทั้งปวง หลังจากที่พูดคุยกันในวันที่ 25 กรกฎาคม เวลา14.00 น. ก็จะเป็นข้อวิเคราะห์ ข้อตัดสินว่าเราเดินอย่างไร
โดยเราต้องหาทุกทางว่าจะเพิ่มเสียงอย่างไร
ส่วนทางเลือกที่สอง คือ มัดกันแล้วรอจังหวะเวลา ซึ่งรอได้ระดับไหนมันก็มีระดับ เช่น รอ 11 เดือน รอ 1-2 อาทิตย์ ซึ่งมีความหมายต่างกันเยอะ ต้องไปพิจารณา”-นพ.ชลน่านกล่าว
6.น่าคิดว่า ถ้าพรรคเพื่อไทย ให้ก้าวไกลเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสินในที่ประชุมรัฐสภา ก็เท่ากับยืนยันว่า ก้าวไกลยังอยู่ร่วมรัฐบาลด้วย
ถ้านายเศรษฐาเป็นนายกฯ แกนนำก้าวไกลที่มีแนวคิดแนวทางปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ย่อมได้ตำแหน่งในฝ่ายบริหารประเทศ มีอำนาจบริหารขับเคลื่อนแนวคิดดังกล่าว สร้างความแตกแยกและเสียหายต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต่อไป
องค์ประกอบแทบไม่ต่างจากตอนที่เสนอชื่อนายพิธาเป็นนายกฯ แค่สลับชื่อเศรษฐาขึ้นเป็นนายกฯ เท่านั้นเอง
แน่นอนว่า สว.ส่วนใหญ่ คงไม่กลืนน้ำลายตัวเอง และไม่โง่พอที่จะหลงกล
สุดท้าย คงได้คะแนนจาก สว. ไม่มากไปกว่าเดิม
7.นายสุรสิทธิ์ ตรีทอง สว. ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ระบุว่า ไม่ขัดข้องการโหวตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เพราะรับทราบแนวนโยบายและทัศนคติผู้บริหารพรรคเพื่อไทย
“แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยยังร่วมอยู่กับพรรคก้าวไกล ก็ไม่สามารถโหวตให้ได้ เพราะมีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 ทัศนคติพรรคก้าวไกลมีปัญหากับสถาบัน
สว.ต้องดูให้ดีกับการโหวตให้พรรคการเมืองที่จะเข้ามาบริหารประเทศ”-สว.สุรสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคอื่น โดยไม่มีพรรคก้าวไกลได้หรือไม่?
สว.สุรสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคอื่นๆ ชัดเจนไม่แตะต้อง มาตรา 112 เทิดทูนสถาบันทุกพรรค ที่มีปัญหาจริงๆ คือ พรรคก้าวไกลไม่ยอมถอย ไม่ยอมหยุด หากมีพรรคก้าวไกลอยู่ก็ไม่โหวตให้
เช่นเดียวกับ พล.อ.เชวงศักดิ์ ทองสลวย สว. ยืนยันว่า มีความคิดเห็นเหมือนหลายพรรคการเมืองที่ไม่สามารถรับการแก้ไขมาตรา 112 ได้ ตนเป็นทหารได้รับการปลูกฝังเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก ไม่สามารถรับได้
“หากพรรคก้าวไกลจะมาถอนมาตรา 112 ตอนนี้คิดว่า คงช้าไปแล้วที่ผ่านมามีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองแนะนำให้ถอนเรื่องนี้ ตั้งแต่หลังเลือกตั้งก็ไม่ถอน
...ต้องดูพรรคก้าวไกลยังอยู่หรือไม่ ถ้ายังอยู่ ก็คงไม่ได้”-พล.อ.เชวงศักดิ์ กล่าว
8.หากเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จจริงๆ ถึงคราวพรรคภูมิใจไทย
ถ้าภูมิใจไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ต้องรวบรวมเสียงพรรคการเมืองต่างๆ บ้าง
จะต้องพยายามหาเสียง สส.เพิ่มเติม เพื่อให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก
เริ่มจากพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน และพรรคใน 8 พรรค รวมถึงเพื่อไทย ว่าจะสนับสนุนรัฐบาลได้อย่างไร เพราะประเทศต้องมีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม
ยิ่งเนิ่นช้าไป พลเอกประยุทธ์ก็เป็นนายกฯ ไปเรื่อยๆ
พรรคเพื่อไทยก็พลาดโอกาสจะได้เข้ามาทำผลงาน ได้แต่ดูอยู่ข้างนอกไม่เกิดประโยชน์กับใครเลย
สุดท้าย จึงมีโอกาสและความชอบธรรมสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ สส.พรรคเพื่อไทยจะยกมือสนับสนุนจัดตั้งรัฐบาลในที่สุด
ถ้าเสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน ภท. พปชร. รทสช. ชทพ.บวกกับเพื่อไทย (ทั้งหมดหรือบางส่วน) แน่นอนว่าจะเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร และจะได้รับเสียงสนับสนุนจาก สว.อย่างล้นหลามแน่นอน เพราะไม่มีเงื่อนไขเรื่องมาตรา 112 และพรรคก้าวไกลแล้ว
แรงกดดันจากภาคธุรกิจ และสังคมจะมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าต้องการรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม มากกว่าจะมายื้อกันไปมา ขวางกันไปมา
มิฉะนั้น รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ก็ทำงานต่อไปเรื่อยๆ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี