คณะรัฐมนตรีที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งต้องสอดคล้องกับหน้าที่ของรัฐ แนวนโยบายแห่งรัฐ และยุทธศาสตร์ชาติและต้องชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบาย โดยไม่มีการลงมติความไว้วางใจทั้งนี้ ภายในสิบห้าวันนับแต่วันเข้ารับหน้าที่
รัฐสภาใช้เวลากว่า 30 ชั่วโมงระหว่างวันที่ 11-12 กันยายน 2566 เพื่อดำเนินการพิธีกรรมนี้ภายใต้การนำแถลงของ “เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี”... “หัวหน้ารัฐบาลนิด1” ในห้วงเวลาที่สภาผู้แทนราษฎรไม่มีผู้นำฝ่ายค้าน
พิธีกรรมนี้ “พิธาคิโอ-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”นายกฯทิพย์ไม่ได้ร่วมพิธีกรรมเนื่องจากอยู่ระหว่างศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. 2566 หลังรับวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ “พิธาคิโอ-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายกรัฐมนตรีทิพย์สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่
ตลอด 30 ชั่วโมง นักการเมืองฝ่ายค้านทั้งจากพรรคก้าวไกล พรรคเป็นธรรมและพรรคประชาธิปัตย์ ก็อาละวาดฟาดงวงฟาดงาตาม
พฤติกรรมเดิมๆ มุ่งเน้นในเรื่องที่เป็นนโยบายหาเสียงแต่ไม่บรรจุลงในคำแถลงร่างนโยบายที่มีทั้งนโยบายเร่งด่วน ระยะกลางและระยะยาวตลอด 4 ปีจำนวน 14 หน้า
ที่น่าสนใจในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลนิด1ตามพิธีกรรมของบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ไม่ใช่แค่นโยบายรัฐบาลไม่ตรงปก เป็นแค่คำอธิษฐาน เพราะไม่ได้บรรจุนโยบายที่ใช้หาเสียงเท่านั้น แต่การซักฟอกของฝ่ายค้านก็ไม่ตรงปก อย่างที่เรียกว่า“ไร้จริยธรรมและมโนสำนึก” อย่างร้ายแรง
“ก้าวไกลการละคร” แสดงอาการชิงชังกับความสำเร็จการบริหารราชการแผ่นดินของ “รัฐบาลลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”ที่ถูกกล่าวหาใส่ร้ายอย่างไร้จริยธรรมและสามัญสำนึก ทั้งที่ความสำเร็จได้ผลิดอกออกผลจนประเทศชาติบ้านเมืองเจริญพัฒนาก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มีความมั่นคงเข้มแข็งที่เสนียดจัญไรใดไม่อาจจะแปดเปื้อนได้
ตลอดระยะเวลากว่า 30 ชั่วโมงที่สมาชิกรัฐสภาใช้ในการอภิปรายซักถาม ติติง เสนอแนะ ดูแคลนแนวนโยบายของรัฐบาลนั้น พรรคฝ่ายค้านอย่าง“พรรคก้าวไกล” ยังอยู่ในวังวนของความผิดหวังที่ไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ราวกับว่าเป็นเพราะ “พรรคเพื่อไทย” ตระบัดสัตย์/พลัดตก“หลุมพราง” ของกลุ่มเผด็จการสืบทอดอำนาจ จนลืม“ตักน้ำใส่กะโหลก-ลืมสูดลมหายใจเข้า-ออก”กับความเป็นจริงที่อบอวลด้วยผลสัมฤทธิ์ของรัฐบาลลุงตู่ ที่พวกตนปั้นความเท็จกล่าวหามาโดยตลอดแทะเล็มแซะ “พรรคเพื่อไทย” และ “เศรษฐาทวีสิน หัวหน้าคณะรัฐบาลนิด1” ด้วยวาทกรรมประดิษฐ์ “รัฐบาลส้มหล่น” บ้าง... นายกฯส้มหล่นบ้าง
ฤๅอาจจะเป็นเพราะนักการเมืองชังชาติเหล่านี้มีอาการป่วยทางสมองอย่างที่ “นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปรยระหว่างการอภิปรายตอบโต้ “ปิยรัฐ จงเทพ” สส.กทม. เขต 11 อดีตการ์ดอาสาวีโว่, ผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) ที่โจมตี “หมอชลน่าน ศรีแก้ว”
ยังบังอาจแอบอ้างความหวังของประชาชนข่มขู่ให้ “เศรษฐา ทวีสิน” พิจารณานิรโทษกรรม ผู้ต้องหาคดีการเมืองและผู้เห็นต่างอย่างไร้จริยธรรม สามัญสำนึกถึงพฤติกรรมที่ได้กระทำความผิด ทั้งยังเวียนวนอยู่ในภวังค์แห่งความผิดหวังที่ตนเองและพวกพ้องตกสวรรค์กลางอากาศจนไม่ได้เป็นรัฐบาล
ทีมไทยแลนด์ลองตริตรองวันนี้เพื่อวันข้างหน้าแล้วกัน
ยังต้องการนักการเมืองสันดานไร้จริยธรรม/ขาดมโนสำนึก ที่ไร้หลักนิติรัฐ/นิติธรรมทำหน้าที่เป็นเสาต้นหนึ่งในระบอบประชาธิปไคย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต่อไป อย่างนั้นหรือ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี