วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / ทวนกระแสข่าว
ทวนกระแสข่าว

ทวนกระแสข่าว

สุทิน วรรณบวร
วันเสาร์ ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2566, 02.00 น.
Public Diplomacy นโยบายต่างประเทศในเชิงรุก ระวังบุกไปเจอตอ

ดูทั้งหมด

  •  

รัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน สื่อมวลชน ตลอดถึงนักวิชาการต่างพากันแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์มั่นใจว่า ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตข้าราชการและผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่เคยมีบทบาทด้านการบริหารจัดการประสานงานรัฐบาล เชี่ยวชาญการค้า การลงทุน และการต่างประเทศ เข้ามาเป็น รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลงานด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศ จะนำพาประเทศไทยสู่ความโดดเด่นในเวทีโลกอีกครั้งด้วยนโยบายการทูตเชิงรุก หลังประเทศไทยดำเนินการทูตเงียบมานาน (Silence Diplomacy)

นายกฯเศรษฐาพบปะชุมชนไทยที่อาศัยอยู่ใน#นิวยอร์กกว่า 200 คน เมื่อวันที่ 21 กันยายน ที่ผ่านและพูดคุยเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเสริมสร้างบทบาทนำของไทยในเวทีโลกและการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกเพื่อขยายการค้าการลงทุน


ดร.ปานปรีย์ มีประสบการณ์การทำงานในแวดวงการเมืองหลายยุคหลายสมัย ผ่านงานมาหลายตำแหน่งหน้าที่ ตั้งแต่ข้าราชการ ผู้ประสานงานใน รัฐบาลป๋าพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ช่วยงานด้านเศรษฐกิจการค้าสมัยนายกรัฐมนตรี บรรหาร ศิลปอาชา ที่ปรึกษารัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ช่วยราชการสมัยรัฐบาล ชวน หลีกภัย ตลอดถึงช่วยงารัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ และ เป็นผู้แทนการค้าในรัฐบาลไทยรักไทย จนถึงวันที่ ทักษิณ ชินวัตร ถูกยึดอำนาจ ดร.ปานปรีย์ท่านนี้แหละ เป็นหัวหน้านำ คณะผู้แทนไทยและสื่อมวลชนรวมทั้งนักเรียนไทยชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เดินทางกลับจากวอชิงตัน ดี.ซี. หลังจากทักษิณถูกยึดอำนาจกลางอากาศในวันที่ 19 กันยายน 2549

พิเคราะห์จากประสบการณ์ทำงานด้านการค้าและการต่างประเทศตลอดถึงเป็นผู้ประสานงานให้รัฐบาลมาหลายสมัย ทำให้หลายฝ่ายมั่นใจว่า ดร.ปานปรีย์จะทำให้ประเทศไทยโดดเด่นทางด้านต่างประเทศและการค้า สื่อช่ำชองต่างประเทศ บางคน ถึงกับเขียนบทความว่า #Thailand is back ประเทศไทยกลับมาแล้ว และสาธยายว่าหลังจากที่การต่างประเทศของไทยเงียบเชียบมานาน ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน มีมหาอำนาจ ผู้นำต่างประเทศเดินทางมาเยือนกันขวักไขว่หัวกระไดไม่แห้ง

ส่วนดร.ปานปรีย์กล่าวกับผู้สื่อข่าวการทูตประเทศเงียบเกินไป Too Qiuet diplomact ถึงเวลาแล้วที่ต้องปรับนโยบายการเป็นสาธารณะ#Public Diplomacyที่สาธารณชนคนธรรมดา ก็เข้าถึงการทูตได้..

คอลัมน์นี้ ยอมรับว่า ดร.ปานปรีย์มีความรู้ความสามารถ แต่ต้องพิจารณาว่าความรู้ความสามารถประสบการณ์ที่มีจะไร้คุณค่า หากต้องทำงานตามใจผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอิทธิพลบารมีเหนือรัฐบาล ดร.ปานปรีย์ เป็นเจ้าหน้าที่ประสานในรัฐบาลป๋าได้อย่างราบรื่น แต่เมื่อมาช่วยงานรัฐบาลพรรคชาติไทย และช่วยงานรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ความรู้ความสามารถของเขา ก็ช่วยอะไรไม่ได้เมื่อพรรคความหวังใหม่ นำประเทศไทยเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจ ที่เรียกกันติดปากว่า#วิกฤตต้มยำกุ้ง เป็นเหตุให้ประเทศเป็นลูกหนี้รายใหญ่ของไอเอ็มเอฟ

ดร.ปานปรีย์ เป็นที่ปรึกษาและรับหน้าที่สำคัญในรัฐบาลบุฟเฟ่ต์ คาบิเนต จนถูกปฏิวัติและถูกขังอยู่ห้องเดียวกับพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ สิบกว่าวัน หลายปีต่อมา ดร.ปานปรีย์เป็นผู้แทนการค้า ในรัฐบาลไทยรักไทยได้ไม่นาน รัฐบาลทักษิณก็ยุบสภา แต่ดื้อเป็นรัฐบาลจนถึงวันถูกยึดอำนาจ

ถึงกล่าวได้ว่าคนดี คนเก่ง คนมีความสามารถทำงานสัมฤทธิผลได้ขึ้นอยู่กับว่าเขาทำงานกับใคร ผู้ที่มีอำนาจเหนือรัฐบาลที่เขาร่วมงานเป็นใคร รัฐบาลพรรคไทยรักไทย ภายใต้การนำของ ทักษิณ ชินวัตร เคยใช้คำว่านโยบายต่างประเทศเชิงรุก รัฐมนตรีต่างประเทศ เป็น CEO เป็นผู้แทนการค้าไปในตัว ผู้ทำหน้าที่รัฐมนตรีต่างประเทศในเครือข่ายทักษิณ ตั้งแต่รัฐบาลพรรคไทยรักไทย รัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ จนมาถึงพรรคเพื่อไทย ทุกคนต้องดำเนินนโยบายตามใจเจ้าของพรรค และมันได้พิสูจน์แล้วว่ารัฐมนตรีต่างประเทศ ผ่านมาไม่ได้ทำให้ประเทศไทยก้าวหน้า เนื่องจากต้องดำเนินนโยบายตามที่เจ้าของพรรคตัวจริงต้องการ

รมต.ต่างประเทศสมัยพรรคไทยรักไทย ได้สร้างความไม่พอใจในหมู่ประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม จากสาเหตุที่รัฐบาลไทยรักไทย ส่งทหารไทยไปช่วยสหรัฐอเมริกาทำสงครามรุกรานอิรักในปี 2546 รมต.ต่างประเทศรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ไปลงนามในข้อตกลงให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหาร เป็นมรดกโลกฝ่ายเดียวนโยบายเร่งด่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยสมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือ#คืนหนังสือเดินทางการทูตไทยให้ทักษิณ ซึ่งเป็นนักโทษคดี รมต.ต่างประเทศไทยสมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ บินไปมอบหนังสือเดินทางคืนให้ถึงมือนักโทษหนีคดี ที่ประเทศญี่ปุ่น นอกจากนั้น รมต.ต่างประเทศสมัยนั้น สนับสนุนวอชิงตันออกหน้าในปัญหาทะเลจีนใต้ สร้างความไม่พอใจแก่จีนและสมาชิกอาเซียนบางประเทศ

จึงพูดได้เต็มปากว่า คนดี มีความรู้ ความสามารถ จะใช้ประสบการณ์ปฏิบัติหน้าที่ได้ตามเป้าหมาย ต่อเมื่อคนดี มีความสามารถได้ทำงานกับรัฐบาลธรรมาภิบาล และต้องไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลเจ้าของพรรคแกนนำรัฐบาลตัวจริง แต่จากพฤติกรรมในอดีตถึงปัจจุบันพบว่าพฤติกรรมเจ้าของพรรคแกนนำรัฐบาลตัวจริงยังไม่เลิกนิสัยแทรกแซงสั่งการชี้นำรัฐบาล #ดังนั้นที่พูด Thailand is back อยากถามว่า “กลับมาจากไหน”

ตลอดเวลาเจ็ดปีที่ผ่านมาประเทศไทย มีนายดอน ปรมัตถ์วินัย เป็นรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ นายดอนได้ทำให้ประเทศไทยก้าวหน้า มีเกียรติภูมิ มีศักดิ์ศรี และมีมิตรประเทศคบค้าสมาคมมากกว่ารัฐมนตรีต่างประเทศในเครือข่ายนักโทษชายทักษิณหลายคน ผลงานชิ้นโบแดงของรัฐมนตรีดอนภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คือ การฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมกับราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ที่บาดหมางกันมากว่าสามสิบสองปีโดยไม่มีรัฐบาลไหนทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลไทยรักไทยเคยสุมฟืนเข้ากองไฟในการส่งทหารไปช่วยอเมริกันรุกรานประเทศอิรักเมื่อปี 2546

ส่วนที่หลายท่านเห็นภาพบาดตาว่าผู้นำชาติตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาเทียวไปเทียวมาบินข้ามหัวประเทศไทย เยือนประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และล่าสุด ประธานาธิบดี โจ ไบเดน เดินทางไปเยือนเวียดนาม หลังเสร็จสิ้นการประชุมจี 20 ในประเทศญี่ปุ่น คงมีคนคลั่งอเมริกันเท่านั้นที่สงสัยว่า ทำไมนายไบเดนไม่มาเยือนประเทศไทย เพราะคนคลั่งฝรั่งย่อมไม่เข้าใจถึงแผนการขยายอิทธิพลสหรัฐอเมริกาเข้ามาในอาเซียนเพื่อปิดกั้นและต่อต้านจีนตามแผนการอินโดแปซิฟิก นั่นคือสาเหตุสำคัญที่ผู้นำรัฐบาลวอชิงตัน จึงเทียวไล้เทียวขื่อสมาชิกอาเซียนที่เดินตามก้นอเมริกา ในกรณีความขัดแย้งทะเลจีนใต้และวิกฤตการเมืองในสหภาพพม่าตลอดถึงสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ในบรรดาสมาชิกอาเซียนที่เดินตามก้นอเมริกาทุกมิติมีอินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ประเทศเหล่านี้ส่วนใหญ่ขัดแย้งกับจีนในประเด็นปัญหาทะเลจีนใต้ เมื่อวอชิงตันเข้ามาหนุนหลังทางกำลังทหารและยุทธปัจจัยจึงเอนเอียงไปทางอเมริกา เช่น ประเทศฟิลิปปินส์ ยอมให้กองทัพสหรัฐใช้ฐานเพิ่มจาก 4 แห่งเป็น 9 แห่ง ส่วนเวียดนาม ได้รับเรือดำน้ำจากศัตรูเก่า (อเมริกา) เพื่อไว้ใช้ต่อต้านจีนฟรีสองลำ และทำข้อตกลงหุ้นยุทธศาสตร์ครอบคลุมร่วมกันทุกด้าน ส่วนประเทศสิงคโปร์ นอกจากได้รับผลประโยชน์ทางการค้าแล้วยังมีฐานทัพเรือสหรัฐ (อ้างเป็นท่าเรือซ่อมบำรุง)หนึ่งแห่งในเกาะสิงคโปร์ ประเทศเหล่านี้ ถึงได้ตามก้นวอชิงตัน ในการประณามคว่ำบาตร ข่มขู่รัฐบาลทหารพม่า สนับสนุนอเมริกาในประเด็นปัญหาทะเลจีนใต้ ตลอดถึงประณามคว่ำบาตรรัสเซียในกรณีสงคราม รัสเซีย-ยูเครน

ดังนั้นผู้ที่พูดว่า Thailand is back ย่อมไม่เข้าใจนโยบายการทูตเงียบของไทย (Silence Diplomacy) ที่ปฏิบัติการทางทูตเงียบๆ ไม่โฉ่งฉ่างเหมือนกับที่รัฐมนตรี สิทธิ เศวตศิลา ปฏิบัติในสมัยรัฐบาลป๋าเปรม กล่าวคือประเทศไทยในหลายปีที่ผ่านมา เป็นมิตรกับจีน รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา แต่ไม่ได้เอาใจ หรือ ปฏิบัติเป็นพิเศษต่อฝ่ายไหนออกหน้า

ไทยไม่ประณามรัสเซีย และช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ยูเครนตามอัตภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นวิกฤตทางการเมืองในพม่า ประเทศไทยใช้นโยบายการทูตเงียบอย่างชาญฉลาด ไม่ได้กดดันรัฐบาลทหารพม่าเหมือนกับสมาชิกอาเซียนบางประเทศที่อยู่ไกลออกไปซึ่งประณามกดดันกีดกันรัฐบาลทหารพม่า ไม่ให้เข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และอาเซียนไม่ยอมมีปฏิสัมพันธ์กับรัฐบาลทหารพม่า แต่ประธานหมุนเวียนอาเซียนยินดีมีปฏิสัมพันธ์กับรัฐบาลเงาพม่าที่เรียกว่า รัฐบาลสามัคคีแห่งชาติ (National Unity Government=NUG)

ประเทศไทยซึ่งมีชายแดนติดกับพม่ากว่าสองพันกิโลเมตร ตั้งแต่ภาคเหนือสุด อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ถึงจังหวัดระนองในภาคใต้ ประเทศไทยกับสหภาพพม่า มีประวัติศาสตร์ร่วมกันมานานหลายร้อยปี ดังนั้น เมื่อเกิดความขัดแย้งแตกแยกภายในประเทศพม่า ย่อมส่งผลกระทบมาถึงประเทศไทยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หน่วยงานมั่นคงไทย จึงบูรณาการงานกับกระทรวงการต่างประเทศ ใช้นโยบายทางทูตเงียบ คือไม่ต่อต้าน ไม่ประณาม ไม่กีดกันรัฐบาล พลเอกมิน อ่อง หล่าย และเปิดช่องทางให้รัฐบาลทหารพม่า ได้มีปฏิสัมพันธ์กับนานาชาติ และประเทศเพื่อนบ้าน โดยกระทรวงการต่างประเทศจัดให้มีการสัมมนาพูดคุยเจรจาปัญหาพม่าอย่างไม่เป็นทางการ ที่พัทยาและกรุงเทพฯมาแล้ว 2 ครั้ง และก็ได้ผลลัพธ์ในแง่บวก เกินความคาดหมายที่มีประเทศเพื่อนบ้านสหภาพพม่า ไม่ว่าจะเป็น จีน อินเดีย สปป.ลาว กัมพูชา บรูไน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และประเทศไทยส่งผู้แทนระดับสูงเข้าร่วมพบปะเจรจากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลทหารพม่าอย่างไม่เป็นทางการ

ในเวลาเดียวกับรัฐบาลไทยก็ไม่ละเลยฝ่ายต่อต้านรองนายกฯและรัฐมนตรีต่างประเทศไทย นายดอน ปรมัตถ์วินัย ได้พบปะหารือกับ นางออง ซาน ซู จีณ สถานที่กักกันในบ้านพักบริเวณทำเนียบรัฐบาลกรุงเนปิดอว์เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ซึ่งเป็นงานชิ้นโบแดงชิ้นสุดท้ายก่อนอำลาตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ นายดอนเป็นเจ้าหน้าที่ต่างประเทศระดับสูงคนแรกที่รัฐบาลทหารพม่า อนุญาตให้พบปะเจรจากับนางออง ซาน ซู จีและผลการเจรจาครั้งนั้น นายดอนนำสารไปแจ้งต่อที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนว่า นางออง ซาน ซู จี ยินดีจะร่วมเจรจาครอบคลุมทุกฝ่าย เพื่อแสวงหาแนวทางยุติปัญหาโดยสันติวิธี

จะเห็นได้ว่าการทูตเงียบแบบไทยนั้นสามารถเข้าถึงเข้าใจทุกฝ่าย ซึ่งแตกต่างกับอาเซียนบางประเทศที่ตามก้นอเมริกาฟังความข้างเดียวจากฝ่ายต่อต้าน และใช้นโยบายข่มขู่กดดัน ดังนั้นอาเซียน ยูเอ็นและวอชิงตันจึงไม่มีวันแก้ปัญหาวิกฤตการเมืองในพม่าได้

ในเวลาเดียวกัน เพื่อนบ้านยักษ์ใหญ่ เช่น ประเทศจีน ประเทศอินเดีย รัสเซียและสมาชิกอาเซียนเช่น เวียดนาม กัมพูชา สปป.ลาว และประเทศไทย ยังไปมาหาสู่และทำมาค้าขายกับพม่า เป็นปกติเหมือนสมัยพม่าปกครองโดยรัฐบาลจากการเลือกตั้ง

จึงสรุปว่าประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าเกินกว่าจะเรียกว่า Thailand is back หรือ Public Diplomacyคอลัมน์นี้ทำได้แค่เตือนว่า การใช้นโยบายต่างประเทศไทยในเชิงรุก “ระวังจะบุกไปเจอตอ โดยเฉพาะนโยบายกับพม่า”

สุทิน วรรณบวร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
20:52 น. ชั้น 14 ส่อวุ่นอีก!!! 'รพ.ราชทัณฑ์'เล็งฟ้องกลับ'แพทยสภา'
20:42 น. มิตรภาพแน่นแฟ้น! 'ปูติน-สี จิ้นผิง'ร่วมชมขบวนพาเหรดวันแห่งชัยชนะ
20:34 น. อดทนต่อคำปรามาส! 'นิพิฏฐ์'ขอบคุณทุกฝ่าย ยืนหยัดต่อสู้'คดีชั้น 14'
20:17 น. มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 9-15 พ.ค.68
20:16 น. (คลิป) แนวหน้าTAlk : 'กูพูดไม่ได้' ย้อนอดีตเพื่อนรัก สุรนันทน์ ถึง บุญทรง
ดูทั้งหมด
ภาพอบอุ่นใจความรักที่งดงามของ 'กษัตริย์จิกมี-สมเด็จพระราชินี-เจ้าชาย-พระธิดา' ในยามค่ำคืนของทะเลทรายโกบี
(คลิป) 'ฐปณีย์' เละคาบ้าน! ด้อยค่าคนไม่เห็นด้วย 'เมียจ่าปืน' ออกโรงตอกกลับไม่ใช่ IO
‘ลาออก’ไปเถอะ! ฉะ‘นายกฯ’มีสติปัญญาแค่นี้ แผ่นเสียงตกร่องชู‘กาสิโน’แก้เศรษฐกิจ
หยามเกียรติธงชาติไทย! ทนายแจ้งเอาผิด โพสต์เฟสบุ๊คดูหมิ่น'ธงคือผ้าเช็ดเท้า'
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 4-10 พ.ค.68
ดูทั้งหมด
อวสาน‘ทักษิณ’คุกรออยู่
ความต่างของ สิงคโปร์ กับ ไทย
คุกนรก (1)
นักการเมือง ‘ส้มสารพิษ’
บุคคลแนวหน้า : 9 พฤษภาคม 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ชั้น 14 ส่อวุ่นอีก!!! 'รพ.ราชทัณฑ์'เล็งฟ้องกลับ'แพทยสภา'

มิตรภาพแน่นแฟ้น! 'ปูติน-สี จิ้นผิง'ร่วมชมขบวนพาเหรดวันแห่งชัยชนะ

อดทนต่อคำปรามาส! 'นิพิฏฐ์'ขอบคุณทุกฝ่าย ยืนหยัดต่อสู้'คดีชั้น 14'

สุดกลั้น! 'นุ่น ดารัณ'เปิดบทเรียนเข้มงวดจนลูกหนีออกจากบ้าน

ปตท. ลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติส่วนเพิ่มแหล่งอาทิตย์เสริมความมั่นคงพลังงานไทย

(คลิป) แนวหน้าTAlk : 'กูพูดไม่ได้' ย้อนอดีตเพื่อนรัก สุรนันทน์ ถึง บุญทรง

  • Breaking News
  • ชั้น 14 ส่อวุ่นอีก!!! \'รพ.ราชทัณฑ์\'เล็งฟ้องกลับ\'แพทยสภา\' ชั้น 14 ส่อวุ่นอีก!!! 'รพ.ราชทัณฑ์'เล็งฟ้องกลับ'แพทยสภา'
  • มิตรภาพแน่นแฟ้น! \'ปูติน-สี จิ้นผิง\'ร่วมชมขบวนพาเหรดวันแห่งชัยชนะ มิตรภาพแน่นแฟ้น! 'ปูติน-สี จิ้นผิง'ร่วมชมขบวนพาเหรดวันแห่งชัยชนะ
  • อดทนต่อคำปรามาส! \'นิพิฏฐ์\'ขอบคุณทุกฝ่าย ยืนหยัดต่อสู้\'คดีชั้น 14\' อดทนต่อคำปรามาส! 'นิพิฏฐ์'ขอบคุณทุกฝ่าย ยืนหยัดต่อสู้'คดีชั้น 14'
  • มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 9-15 พ.ค.68 มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 9-15 พ.ค.68
  • (คลิป) แนวหน้าTAlk : \'กูพูดไม่ได้\' ย้อนอดีตเพื่อนรัก สุรนันทน์ ถึง บุญทรง (คลิป) แนวหน้าTAlk : 'กูพูดไม่ได้' ย้อนอดีตเพื่อนรัก สุรนันทน์ ถึง บุญทรง
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

นายกฯแพทองธารตาบอดไม่กลัวเสือ  หรือดื้อตาใส ไม่กลัวเสือกระดาษ

นายกฯแพทองธารตาบอดไม่กลัวเสือ หรือดื้อตาใส ไม่กลัวเสือกระดาษ

9 พ.ค. 2568

ทักษิณ ชินวัตร ตาบอดไม่กลัวเสือ หรือตาใสไม่กลัวเสือกระดาษ

ทักษิณ ชินวัตร ตาบอดไม่กลัวเสือ หรือตาใสไม่กลัวเสือกระดาษ

6 พ.ค. 2568

ทรัมป์ทำปืนลั่นใส่โรงงาน Boing เป็นแผลใหญ่เกินเยียวยา

ทรัมป์ทำปืนลั่นใส่โรงงาน Boing เป็นแผลใหญ่เกินเยียวยา

3 พ.ค. 2568

ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้กดดันให้เจรจาหรือให้มีรัฐบาลใหม่

ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้กดดันให้เจรจาหรือให้มีรัฐบาลใหม่

2 พ.ค. 2568

เพื่อไทยแก้ปัญหาสงครามการค้าโดยผู้ไม่มีตำแหน่งหน้าที่ในรัฐบาล

เพื่อไทยแก้ปัญหาสงครามการค้าโดยผู้ไม่มีตำแหน่งหน้าที่ในรัฐบาล

29 เม.ย. 2568

อันวาร์ พบ มิน อ่อง หล่าย บ่งชี้ว่าจีนเหนือสหรัฐในอาเซียน

อันวาร์ พบ มิน อ่อง หล่าย บ่งชี้ว่าจีนเหนือสหรัฐในอาเซียน

26 เม.ย. 2568

เลือกตั้งซ่อมเมืองคอน  ว่ากันด้วยการเมืองสุจริตหรือทุจริตบิดเบี้ยว

เลือกตั้งซ่อมเมืองคอน ว่ากันด้วยการเมืองสุจริตหรือทุจริตบิดเบี้ยว

25 เม.ย. 2568

ประธานอาเซียนกับสทร.ที่ปรึกษา กลายเป็นตัวตลกอาเซียน

ประธานอาเซียนกับสทร.ที่ปรึกษา กลายเป็นตัวตลกอาเซียน

22 เม.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved