จนถึงวันนี้ “รัฐบาลข้ามขั้วก้าวข้ามความขัดแย้งของหนูนิด-เศรษฐา ทวีสิน” เซลส์แมนที่บริหาราชการภายใต้ กำกับดูแลของ “พรรคเพื่อไทย” ก็ยังไม่มีความชัดเจนเด็ดขาดหลังป่าวประกาศด้วยการดำเนินการ “คนละยำ” ออกมาแจกแจงว่า “นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศไทยแบบพายุหมุน 3.3 รอบด้วยการกู้เงิน 560,000 ล้านบาทมาแจกให้ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปภายใต้เงื่อนไขตามที่กำหนดคนละ 10,000 บาท จะเป็นเรื่องจริงหรือหรือแค่ราคาคุยที่ไม่ได้มีการศึกษาอย่างจริงๆ เป็นแค่ภาพลายเส้นที่ลากเขียนขึ้น พร้อมเสียงสำรอกสำรากผ่านเวทีปราศรัยของนักการเมืองอนุบาลที่ยังไม่มีประสบการณ์มากพอ
จริงอยู่ “เศรษฐา ทวีสิน” เคาะกะลาหลอกมวลชนเรื่อยมาว่า ประเทศกำลังอยู่ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจต้องกู้เงินมาแจกเพื่อให้เกิดพายุหมุน 3.3 รอบ มันเป็นอย่างนั้นจริงหรือ
อะไรคือวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบัน “วิกฤต” ที่สังคมไทยยังคงถกเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย “แสนสิริ” ทำธุรกิจมีกำไรอย่างมโหฬาร ในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2566 มีกำไรสุทธิที่ 4,760 ล้านบาท(เพิ่มขึ้น 91% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน) เป็นกำไรสุทธิเฉพาะไตรมาส 3 จำนวน 1,557 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน) ที่สำรอกสำรากสำทับว่าประเทศอยู่ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่ต้องเร่งแก้ไขทว่า ตัวเลขประกอบการของแสนสิริที่ค้าอสังหาริมทรัพย์โตขนาดนี้ ประเทศกำลังประสบวิกฤตเศรษฐกิจ
เพราะรัฐบาลรปภ.โง่ของลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาสร้างหายนะทางเศรษฐกิจประเทศจริงหรือ
แน่นอนเศรษฐกิจแต่ละประเทศเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก (ไม่เว้น แม้แต่ประเทศไทย) ถ้าเศรษฐกิจโลกวิกฤตทุกประเทศก็จะวิกฤตไปพร้อมๆ กัน ประชาชนได้รับผลกระทบมากน้อยแตกต่างกัน ขึ้นกับความเก่งกาจของรัฐบาลแต่ละประเทศ ที่ผ่านมาประเทศไทยก็ประสบวิกฤตเศรษฐกิจเป็นระยะตามสถานการณ์โลก
2-3 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยประสบวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาจนเกิด “โควิด-19” ซึ่งไม่ใช่แต่ประเทศไทยเท่านั้น แต่เป็นทั่วทุกภูมิภาคของโลก แล้วตอนนี้ยังอยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจจากการระบาดโควิดอยู่หรือไม่ นี่คือประเด็นปัญหาที่สังคมไทยทราบดี ทว่า รัฐบาลเศรษฐาพยายามอ้างตัวเลขจาก สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มาเป่าหูประชาชนว่าเราวิกฤตแล้ว กำลังลำบากกันอย่างแสนสาหัส มันจริงหรือ !?!?!
เพื่อรองรับอย่างมีเหตุมีผลเป็นตรรกะกับนโยบายแจกเงินคนละ 10,000 บาท
ถ้าวิกฤตนั้นมันผ่านไปแล้ว รัฐบาลรปภ.โง่ ของลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถนำพารัฐนาวานำพาประเทศพ้นวิกฤตและเครื่องยนต์เศรษฐกิจกำลังเดินหน้าสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจไทยอยู่ละ เพียงแค่ต้องอาศัยเวลาเพื่อให้มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนล่ะ
ตัวเลขที่ถูกสำแดงให้สังคมไทยเห็น จีดีพีไตรมาสที่ 3 ปีนี้ขยายตัวร้อยละ 1.5 ชะลอลงจากที่คาดการณ์เดิมไว้ร้อยละ 1.8 ในไตรมาสที่ 2 ของปีเดียวกันเป็นผลจากการส่งออกรวมชะลอลง จากการส่งออกสินค้าที่ลดลง ขณะที่บริการรับขยายตัวจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น แต่การใช้จ่ายรัฐบาลลดลง ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการลดลงของการใช้จ่ายด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 ที่ลดลง การอุปโภค-บริโภคของครัวเรือนขยายตัวต่อเนื่อง และการลงทุนของภาคเอกชนที่เร่งขึ้น ทำให้9 เดือนปี 2566 เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 1.9“แสนสิริ”มีผลประกอบการอย่างท่วมท้น
ด้านการผลิต ชะลอลงทั้งภาคเกษตร และภาคนอกเกษตร รวมทั้งภาคอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ 2.8 เป็นผลจากการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมลดลงตามความต้องการของตลาดต่างประเทศ การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภค-บริโภคขั้นสุดท้ายของเอกชน การลงทุนรวม และการส่งออกสินค้าและบริการขยายตัว ลดลงร้อยละ 4.9และร้อยละ 10.2 ตามลำดับ
เหล่านี้ต่างหากที่เกิดจากการไร้ความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจของประเทศอย่างไม่ศึกษาเข้าใจพัฒนาเรียนรู้ สมองมีแต่เรื่องกู้เงินมาแจกประการเดียวเท่านั้น ทำให้สำรอกเช้ายันค่ำยันเช้าในระดับแกนนำพรรคเพื่อไทยว่าประเทศเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ
ทำไมไม่บอกให้หมดละว่าดุลการค้าและบริการ ณ ราคาประจำปี เกินดุล 129.4 พันล้านบาทโดยดุลการค้าเกินดุล 191.8 พันล้านบาท และดุลบริการขาดดุล 62.5 พันล้านบาท
ที่คิดว่าวิกฤตเพราะคุณไม่มีฝีมือจึงโทษปี่โทษกลองไว้ก่อนใช่ไหม หนูน้อยถุงเท้าแดง!?!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี