ตำรวจติดตามกับนักการเมือง โดยเฉพาะนักการเมืองที่มีตำแหน่งรัฐมนตรี และนักการเมืองที่เป็นรัฐมนตรีกับตำรวจติดตาม เป็นอาชีพที่คู่กัน แล้วก็คู่กันมานานเนนานนม นานจนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์มาโดยตลอดว่ามีประเด็นนักการเมืองเข้าไปแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งต่างๆ ของตำรวจ แล้วสาธารณชนก็สังเกตได้ชัดเจนว่าตำรวจที่ติดตามนักการเมืองมักได้รับการอวยตำแหน่ง อวยยศให้มียศสูงขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ใจแบบสุดแสนอัศจรรย์
คนไทยทุกคนที่ติดตามการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในทุกกรม กอง และกระทรวง ย่อมรู้ดีว่า หรือย่อมเชื่อว่านักการเมืองจำนวนไม่น้อยเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ รวมถึงข้าราชการพลเรือนในกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ มาเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่ถึงแม้ประชาชนจะรู้เรื่องนี้ดี แต่ก็มิได้ทำให้นักการเมืองเลิกแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ แต่กลับมีเรื่องแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายหนักขึ้น และหนักขึ้นเป็นลำดับ ดังจะเห็นได้ว่าข้าราชการพลเรือน และข้าราชการตำรวจจำนวนหนึ่งได้รับการอวยยศ อวยตำแหน่งอย่างสุดแสนอัศจรรย์จนเกินจะบรรยาย
ล่าสุดมีกระแสข่าวที่พรรคก้าวไกลตั้งคำถามไปยังนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เรื่องการแต่งตั้งนายตำรวจยศผู้กำกับการ โดยมีใจความว่านายกรัฐมนตรีแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับผู้กำกับการในสถานีตำรวจภูธรต่างๆ โดยมีใจความที่หลุดออกมาจากปากของเศรษฐาทำนองว่า มี สส. ฝากกันเยอะมากก็มีบางคนสมหวัง บางคนผิดหวัง
เมื่อเศรษฐาหลุดเรื่องนี้ออกมาจากปากของตนก็ทำให้สาธารณชนที่ติดตามเรื่องราวนี้ตั้งคำถามว่า เศรษฐาแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจชั้นผู้กำกับการของสถานีตำรวจต่างๆ หรือไม่ แล้วคำว่า สส. ฝากกันแยะ รวมถึงคำว่ามีบางรายผิดหวัง บางรายสมหวัง มันหมายความว่า สส. ฝากให้เศรษฐาใช้อำนาจเข้าไปโยกย้ายตำรวจ ใช่หรือไม่ แล้วเศรษฐาก็ทำให้บางรายได้ตามคำขอ แต่บางรายก็ไม่สมหวังตามคำของ ใช่หรือไม่
มิไยที่เศรษฐาจะพยายามปฏิเสธเรื่องนี้ แต่ก็ดูเสมือนว่าพรรคก้าวไกลไม่เชื่อคำแก้ตัว หรือคำชี้แจงของเศรษฐา ในขณะเดียวกัน สาธารณชนที่ติดตามเรื่องนี้ก็ดูเสมือนว่าไม่เชื่อคำแก้ตัว หรือคำชี้แจงของเศรษฐาเช่นกัน แม้เศรษฐาจะพยายามบอกว่าไม่มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับผู้กำกับการ
หากเราได้ติดตามคำพูด และพฤติกรรมต่างๆ นานาของเศรษฐาอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่เศรษฐาได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เราจะพบว่าเศรษฐาพูดในวันหนึ่งก็อย่างหนึ่ง แล้วพออีกวันหนึ่งก็พูดอีกอย่างหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็มีเสียงวิพากษ์ว่า ไม่ใช่ว่าเมื่อเศรษฐาได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วพูดในแต่ละวันไม่ตรงกัน แต่เศรษฐานั้นพูดไม่ตรงกันมาตั้งแต่ก่อนจะได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว โดยเฉพาะเรื่องการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ให้ประชาชนรายละหนึ่งหมื่นบาท รวมถึงเรื่องที่บอกว่าไม่กู้เงินมาเพื่อแจก แต่จะใช้การบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปี แต่สุดท้ายก็บอกว่าต้องกู้เงิน นอกจากนี้ยังมีประเด็นอื่นที่พรรคก้าวไกลวิพากษ์ว่าเศรษฐาเป็นคนพูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอย โดยเฉพาะเรื่องการอ้างว่าจะไม่แทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ แต่สุดท้ายก็เกิดเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับผู้กำกับการ ซึ่งพรรคก้าวไกลบอกว่านี่คือตั๋วเศรษฐาซึ่งดูแล้วใหญ่กว่าตั๋วช้างด้วยซ้ำไป
สาธารณชนมีหลักฐานชัดเจนมัดตัวว่าเศรษฐาพูดเรื่องตำรวจที่ผิดหวังและสมหวังกับ สส. ของพรรคเพื่อไทยไว้อย่างไร แล้วพอวันรุ่งขึ้นเศรษฐาแก้ตัวเรื่องนี้ว่าอย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องที่วิญญูชนเข้าใจได้ว่าอะไรคืออะไร อะไรเป็นความจริง และอะไรเป็นความเท็จ
แน่นอนว่าเศรษฐามีสิทธิ์แก้ตัวเพื่อเอาตัวรอด แต่ก็แน่นอนอีกเช่นกันว่าสาธารณชนจำนวนไม่น้อย อาจไม่เชื่อในคำแก้ตัวของเศรษฐา เพราะเมื่อดูจากพฤติเหตุของเรื่องนี้ ประกอบกับพฤติกรรมและคำพูดของเศรษฐาแล้ว ก็ทำให้เข้าใจได้ว่าเหตุใดสาธารณชนจำนวนไม่น้อยจึงไม่เชื่อในคำแก้ตัวของเศรษฐา
ขอย้ำว่าสาธารณชนที่ติดตามคำพูดของเศรษฐาที่พูดกับ สส.เพื่อไทย เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ยังจำได้ดีว่า เศรษฐาบอกว่ามี สส. บางคนฝากเรื่องผู้กำกับการตำรวจในสถานีตำรวจเยอะแยะมาก บางคนก็ผิดหวัง บางคนก็สมหวัง แล้วต่อมาเศรษฐาบอกว่าไม่มี สส. มาขอเรื่องผู้กำกับการตำรวจ เพราะตนเองในฐานะนายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจแต่งตั้งผู้กำกับการตำรวจ ถามทิ้งท้ายก็จะลากันในวันนี้ คุณเชื่อคำพูดของเศรษฐาในประเด็นไหนมากกว่ากัน หรือถามสั้นๆ ตรงประเด็นว่าคุณเชื่อคำพูดของเศรษฐาหรือไม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี