เกิดอาการงุนงงสงสัยกันไปทั่วบ้านทั่วเมืองเมื่อรัฐบาลจีนประกาศให้คนหกชาติรวมทั้งมาเลเซียเข้าประเทศจีนได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า แต่ไม่มีคนไทยอยู่ในข่ายไม่ต้องใช้วีซ่า ทั้งๆ ที่นายกรัฐมนตรีไทย นายเศรษฐา ทวีสิน ได้ประกาศก่อนหน้านี้ว่านักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทย ไม่ต้องมีวีซ่า แต่กลับว่าการที่จีนไม่ต้องใช้วีซ่าเข้าประเทศไทยทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดลงมากกว่าเดิม
นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณีหลายสายการบินจีน แจ้งยกเลิกเที่ยวบินที่เดินทางมายังประเทศไทย ในช่วงเดือนธันวาคม 2566 จนถึงมกราคม 2567 เมื่อรวมทั้งสองเดือนจะพบว่า เที่ยวบินที่แจ้งทำการบินมาไทยทั้งหมดมี 21,923 เที่ยวบิน แต่ขณะนี้ยืนยันการบินมี 13,279 เที่ยวบิน หายไปถึง 39% หรือกว่า 8,648 เที่ยวบิน เนื่องจากไม่มีดีมานด์จำนวนนักท่องเที่ยวมากพอ
เป็นที่น่าสังเกตว่าสายการบินจีน แจ้งยกเลิกเที่ยวเกือบ 40% เพียงสองอาทิตย์ หลังจากมีการปราบปรามแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติครั้งใหญ่ในพม่า ที่กองกำลังแนวร่วมพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยพม่านำโดยโกก้าง อาระกัน และปะลองทำสงครามกวาดล้างอาชญากรรมข้ามชาติครั้งใหญ่ในเมืองเล่าก์ก่าย ซึ่งกับเหมือนประเทศกัมพูชา ที่จีนส่งตำรวจสามร้อยนาย ไปกวาดล้างแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติชาวจีนในสีหนุวิลล์เมื่อต้นปี 2566 ปรากฏว่าชาวจีน 700 คน ถูกจับใส่เครื่องบินส่งกลับดำเนินคดีในประเทศจีน ตั้งแต่นั้นมานักท่องเที่ยวจีนไปกัมพูชาลดลงกว่า 50%
อาชญากรรมข้ามชาติชาวจีน ถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อนักท่องเที่ยวจีนและคนจีนในประเทศ เพื่อเตือนภัยอันตรายจากอาชญากรรมข้ามชาติทางจีน ถึงกับสร้างภาพยนตร์ขึ้นมาชื่อเรื่องว่า No more bets (ไม่พนันอีก) หนังเรื่องนี้ไม่ได้ถ่ายทำหรืออ้างอิงถึงประเทศไทยแต่เค้าโครงเรื่อง ฉากสถานที่ดูออกว่า หมายถึง ประเทศไทย พล็อตเรื่อง No more bet มีอยู่ว่า “โปรแกรมเมอร์หนุ่มสาวชาวจีนคู่หนึ่งเดินไปท่องเที่ยวในประเทศที่มีทัศนียภาพสวยงาม นักท่องเที่ยวสองคนนี้ถูกจับตัวไปบังคับให้ทำงานในคอลเซ็นเตอร์ และเรื่องก็ดำเนินไปเหมือนที่เราเคยได้ยินจากปากคนไทย ที่ถูกหลอกไปทำงานในคอลเซ็นเตอร์ หนังเรื่อง No more Bets ได้รับความนิยมมากในประเทศจีนสร้างรายได้ถึง 3.8 พันล้านหยวน และมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจไม่ไปเที่ยวกัมพูชา พม่า และประเทศไทย ของนักท่องเที่ยวจีน
ในประเทศเมียนมา และ กัมพูชารัฐบาลทางการจีนสามารถใช้กลุ่มชาติพันธุ์หรือเจ้าหน้าที่จีนกวาดล้างอาชญากรรมข้ามชาติที่ใช้ได้ แต่สำหรับประเทศไทยอาชญากรรมข้ามชาติมันซับซ้อนเกินปัญญารัฐบาลไทยจะแก้ปัญหาได้ คนไทยต้องยอมรับความจริงว่า ระบอบอุปถัมภ์ค้ำชู การเล่นพรรคเล่นพวกใช้เส้นสายซื้อขายตำแหน่งคือรากฐานของการทุจริตคอร์รัปชั่น และต้องยอมรับความจริงด้วยว่าผู้รักษากฎหมาย ตลอดถึงนักการเมืองจำนวนมากมีส่วนช่วยเหลือหรือไม่ก็เปิดทางให้อาชญากรรมข้ามชาติปฏิบัติการได้ง่าย
ในขบวนการทุนจีนสีเทา หรือ อาชญากรรมข้ามชาตินายตู้ห่าวเป็นกรณีศึกษาที่บ่งชี้ว่ารัฐบาลไทยไม่ยอมรับความจริงว่า นายตู่ห่าว มีชื่อไทยว่าชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ ได้รับความช่วยหรืออยู่ในอุปถัมภ์จากใครฝ่ายไหน ตู้ห่าว ถูกจับ วันที่ 26 ตุลาคม 2565 ตามหมายจับคดีจำหน่ายยาเสพติดเชื่อมโยงผับลับชาวจีน “จินหลิง” และขยายผลต่อมาพบว่า เป็นอาชญากรรมข้ามชาตินายตู้ห่าวเข้ามาอยู่ในประเทศไทยโดยการช่วยเหลือของใครไม่ทราบได้ แต่เขาได้วีซ่าที่อยู่ถาวรและทำเรื่องขอสัญชาติไทยในปี 2544 ในขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ปี 2545 นายตู้ห่าวแต่งงาน กับร.ต.อ.หญิงกองตรวจคนเข้าเมืองมีศักดิ์หลานสาวพลตำรวจเอกประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์
สื่อมวลชนรายงานว่า ยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายตู่ห่าว เฟื่องฟูมากเป็นเจ้าของผับบาร์ บริษัทท่องเที่ยวและร้านเพชรในเมืองภูเก็ต เขาเป็นมาเฟียใหญ่ที่ข่มขู่ทำร้ายบริษัทคู่แข่ง ลูกน้องนายตู้ห่าวเคยบุกไปทำลายฟาร์มสวนงูและทำร้ายผู้รักษาความปลอดภัยฟาร์มสวนงูจนพิการ ตู้ห่าว และภรรยาถูกจับข้อหาบุกรุกและพยายามฆ่า แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง
การทำธุรกิจสีเทาของนายตู้ห่าว ร่ำลือมานานว่าเป็นเจ้าของบาร์จำหน่ายยาเสพติด บ่อนการพนันออนไลน์ และมีเครื่องบิน ส่วนตัวให้นักการเมืองใช้เวลาเดินทางไปหาเสียง และเป็นเรื่องอื้ออึงขึ้นมาเมื่อ นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว บริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลเวลานั้นสามล้านบาท ทำให้มีคำถามว่า จีนสีเทาบริจาคเงินให้พรรคการเมืองได้หรือไม่ถึงตอนนี้ พลังประชารัฐ ชี้แจงว่าเขาบริจาคเงินเข้าพรรคถูกต้องตามกฎหมายเพราะถือสัญชาติไทยแล้ว เลยกลายเป็นที่ถกเถียงในหมู่นักการเมืองว่า นายตู้ห่าว ได้รับการอุปถัมภ์จากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยผู้อนุมัติสัญชาติไทยให้ หรือ พปชร. ที่รัฐมนตรีมหาดไทยในรัฐบาลลุงตู่ เป็นผู้ลงนามในประกาศอนุญาตให้สัญชาติไทยแก่ นายตู้ห่าว สรุป คือ ผ่านมาสามรัฐบาลแล้วไม่มีใครต้องรับผิดหรือรับความชอบธรรมในการให้สัญชาตินายตู้ห่าวที่มีพฤติกรรมทำผิดกฎหมาย และเป็นอาชญากรรมข้ามชาติในเชิงประจักษ์
นายตู้ห่าวเป็นเพียงหนึ่งในร้อยของอาชญากรรมข้ามชาติ ที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองใช้ช่องว่างของกฎหมายปล่อยให้ลอยนวลอยู่ได้ การใช้ช่องว่างของกฎหมายช่วยเหลืออาชญากรรมข้ามชาติทำให้คนไทยจำนวนมากหมดศรัทธาในสถาบันต่างๆ และไม่เชื่อถือผู้บังคับใช้กฎหมาย
ในเมื่อคนไทยเองไม่เชื่อมั่นผู้บังคับใช้กฎหมาย นับประสาอะไรกับคนจีนที่อาจมีประสบการณ์ตรงอันเลวร้ายในเมืองไทย และคนจีนที่ได้รับแรงกระตุ้นให้กลัวการเดินทางมาเยือนประเทศไทย สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อเร็วๆ นี้ว่า
“#หนังเรื่อง No.more Bets สร้างความกระทบกระเทือนแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอย่างหนัก ชาวจีนที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้และได้เสพสื่อออนไลน์แพร่หลายในประเทศจีนต่างกลัวว่า มาเที่ยวประเทศไทยอาจถูกจับตัวเรียกค่าไถ่หรือเคราะห์หามยามร้ายอาจถูกลักพาตัวไปทำงานกับคอลเซ็นเตอร์ที่โหดร้ายในกัมพูชาหรือพม่าเพื่อนบ้านของไทย
หนังเรื่อง No more Bet สร้างจากพื้นฐานความจริงที่อาชญากรรมข้ามชาติใช้ดินแดนป่าเถื่อนในกัมพูชาและพม่าก่ออาชญากรรม พล็อตเรื่อง No more bets ไม่ได้กล่าวถึงประเทศไทยแต่ ตัวเดินเรื่องคือโปรแกรมเมอร์ที่ถูกจับตัวไปจากจุดไหนคนดูเข้าใจได้ว่าเป็นประเทศไทย
ผู้ชมสามีภรรยาคู่หนึ่งเดินออกจากโรงหนังกล่าว กับผู้สื่อข่าวว่า “พอหนังจบเหมือนฝันร้ายเพิ่งผ่านไปพวกเราไม่กล้าไปประเทศไทยกลัวถูกจับส่งไป Mynamar or Cambodia” มีรายงานว่าตั้งแต่ No moreBetsออกฉายนักท่องเที่ยวจีนที่ไปเที่ยวนครวัดตกลง 36% นี้ขนาดกัมพูชากับถือว่าเป็นมิตรที่สนิทแนบแน่นกับจีน กัมพูชาและสหภาพพม่ายอมให้จีนส่งกำลังติดอาวุธเข้าใจจัดการกับอาชญากรรมข้ามชาติ แต่นักท่องเที่ยวจีนเยือนกัมพูชาและพม่าลดลงอย่างน่าใจหาย
นับประสาอะไรกับประเทศไทยที่มักใช้ช่องโหว่ของกฎหมายผ่อนปรนให้อาชญากรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำรวจซึ่งเป็นต้นน้ำของกระบวนการยุติธรรม มีหลายครั้งที่พบว่า ต้นน้ำกระบวนการยุติธรรมอำนวยความสะดวกให้คนร้าย ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบางด่าน มีรายงานว่า แสตมป์วีซ่าอยู่ถาวรให้จีนสีเทาหรือไม่ก็อำนวยความสะดวกให้ในการเดินทางเข้าออกประเทศไทย ในบางกรณีตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองขับรถนำขบวนให้อาชญากรข้ามชาติ ดังนั้น นายกฯเศรษฐา ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมประเทศไทยตกลงไปอยู่อันดับหกของจุดหมายปลายทางนักท่องเที่ยวจีน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแถลงเมื่อ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ทั้งสิ้น21,019,800 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 882,450 ล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่ อันดับ 1 มาเลเซีย 3,431,287 คน 2 จีน 2,645,885 คน ฯลฯ
ก่อนโควิด-19 ระบาดเคยที่นักเที่ยวจีนมาประเทศไทยถึงแปดล้านคน และปีนี้การท่องเที่ยวคาดการณ์ว่า จะมีนักท่องเที่ยวจีนห้าล้านคน แต่มีนักท่องจีนเพียง 2.6 ล้านคน เป็นอันดับสองรองจากมาเลเซีย 3.4 ล้านคน ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลควรระวังคือนักท่องเที่ยวมาเลเซียอาจเบนเข็มไปจีนมากขึ้นเนื่องความสะดวกไม่ต้องใช้วีซ่า
นายกฯเศรษฐาไม่ต้องแปลกใจว่า ยกเลิกวีซ่าให้แล้ว ทำไมนักท่องเที่ยวจีนยังไม่แห่กันมาเที่ยวไทย นายกฯเศรษฐา ควรสำเหนียกว่า ความไม่โปร่งใสของเจ้าหน้าที่ไทย และการที่เจ้าหน้าที่ไทยบางคนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ ไม่ว่าจะอำนวยความสะดวกให้ หรือทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ คือเหตุปัจจัยทำให้นักท่องเที่ยวจีนมาไทยน้อยลง
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี