เป็นอันว่าวันนี้ตัวประกันชาวไทยที่ถูกขบวนการฮามาสจับไปตั้งแต่วันเกิดเหตุคือวันเกิดสงครามพายุอัลอักซอ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ได้รับการปล่อยตัวเกือบหมดแล้ว และบางส่วนก็เดินทางกลับประเทศไทยแล้ว แม้กระนั้นก็ยังมีคนงานไทยที่ยังไม่กลับประเทศอีกร่วม 20,000 คน และส่วนใหญ่ก็รับจ้างอยู่ในพื้นที่ปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง
ทันทีที่มีข่าวการปล่อยตัวประกันชาวไทยก็มีการอ้างเป็นผลงานความชอบกันมากหลาย บ้างก็อ้างว่าเป็นฝีมือการเจรจาของรัฐบาล บ้างก็ว่าเป็นผลงานการเจรจาของตุรกี บ้างก็ว่าเป็นผลงานการช่วยเจรจาของกาตาร์ ในขณะที่คนทั้งหลายได้รับรู้มาโดยลำดับว่าคณะผู้แทนของประธานรัฐสภาวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็น
ผู้ดำเนินการเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น
จึงทำให้เกิดความสับสนว่าอย่างไรกันแน่เพราะทุกวันนี้ข่าวสารภาครัฐไม่ว่าเรื่องอันใดก็ไม่เป็นที่ชัดเจน และได้รับความเชื่อถือน้อยลงโดยลำดับ ดังเช่นล่าสุดนี้ข่าวคราวเกี่ยวกับนายแป้ง นาโหนด เป็นต้น ซึ่งสับสนอลหม่านว่าถูกวิสามัญฆาตกรรมไปแล้วหรือว่าไปอยู่ต่างประเทศ
ดูไปแล้วหน่วยงานหรือผู้รับผิดชอบข่าวสารของรัฐบาลทั้งในส่วนที่เป็นสถานีโทรทัศน์วิทยุและตัวบุคคลที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ควรจะได้สำรวจตรวจสอบตนเองหรือได้รับการตรวจสอบจากรัฐบาลครั้งใหญ่เสียแล้วมิฉะนั้นก็จะกลายเป็นเปลืองข้าวสุก เสียข้าวสาร สิ้นงบประมาณไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะบางแห่งแทนที่จะนำเสนอข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง กลับสร้างปัญหาร้าวฉานกับมิตรประเทศซ้ำหนักเข้าไปอีก
ดังนั้นปัญหาเรื่องการปล่อยตัวประกันคนไทยจากการควบคุมของขบวนการฮามาสจึงควรจะได้รับการทำความจริงให้กระจ่าง เพื่อป้องกันความสับสนหรือความเหลวไหลไร้สาระ หรือการฉกฉวยหาประโยชน์จากเรื่องนี้โดยที่ไม่เป็นความจริงสักครั้งหนึ่ง
ประการแรก ก็ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าขบวนการฮามาสได้เปิดสงครามพายุอัลอักซอกับอิสราเอล ในพื้นที่ยึดครองอันเป็นดินแดนของปาเลสไตน์ และเกิดความเสียหายใหญ่หลวงแก่อิสราเอล ในขณะเดียวกัน ขบวนการฮามาสก็ได้จับกุมบุคคลจำนวนมากหลายเชื้อชาติไปเป็นตัวประกัน ในจำนวนนี้ก็มีคนไทยรวมอยู่ด้วยจำนวนรวมทั้งสิ้นคือ 23 คน ซึ่งข่าวคราวตอนแรกก็สับสนกันอยู่
ดังนั้นอิสราเอลจึงไม่อยู่ในฐานะที่จะเจรจาขอตัวประกันคนไทยคืนจากขบวนการฮามาสได้เพราะเป็นคู่สงครามกันอยู่ ดังนั้นใครที่พยายามสร้างความไขว้เขวว่ารัฐบาลอิสราเอลเป็นผู้เจรจาเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ และอิสราเอลจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้บ้างก็ในช่วงการปล่อยตัว ซึ่งอิสราเอลได้ตกลงหยุดยิงกับขบวนการฮามาส เพื่อให้ตัวประกันดังกล่าวได้ออกจากที่ควบคุมผ่านดินแดนยึดครองและเดินทางกลับประเทศไทย อิสราเอลจะเกี่ยวข้องก็เฉพาะตรงนี้
กรณีดังกล่าวย่อมรวมไปถึงกาตาร์ซึ่งเป็นพันธมิตรกับอิสราเอลและแตกหมู่แตกเหล่าออกไปจากประเทศอาหรับซึ่งสนับสนุนขบวนการฮามาส ดังนั้นกาตาร์จึงไม่อยู่ในฐานะใดๆ ที่จะเจรจากับขบวนการฮามาสได้ ใครยกเมฆในเรื่องนี้ก็ควรจะศึกษาหาความจริงเสียบ้าง
สำหรับตุรกีนั้นเป็นประเทศที่อยู่นอกปัญหา และจะเกี่ยวข้องบ้างก็กรณีที่ปะทะกันตามชายแดนซีเรียและอิรักกับขบวนการซึ่งต่อต้านตุรกี ซึ่งเป็นคนละเรื่องคนละราวคนละที่ รวมความว่าใครมั่วยกผลงานเรื่องนี้ให้ตุรกีเพียงเพื่อจะบิดเบือนความจริงก็ควรจะสำเหนียกเอาไว้บ้าง
ประการที่สอง หลังจากเกิดเหตุการณ์พายุอัลอักซอ รัฐบาลไทยได้ร่วมประณามขบวนการฮามาสกับพันธมิตรของอิสราเอล ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงกว่าจะตั้งตัวได้ ซึ่งตอนแรกก็มีเค้าว่าจะถูกชาวมุสลิมในประเทศไทยและประเทศอื่นรุมกันประณามรัฐบาลไทย แม้กระทั่งอาจมีการเดินขบวนครั้งใหญ่เพื่อประท้วง แต่อยู่ๆ เหตุการณ์ก็เงียบหายไป
ใครที่ไม่ทราบว่าเหตุการณ์เงียบหายไปเพราะอะไร ก็จะขอบอกกล่าวให้พอเป็นที่สังเกตว่าเนื่องจากมีมือที่มองไม่เห็นช่วยเหลือเกื้อกูลประสานงานเพื่อให้เกิดความเข้าใจในหมู่พี่น้องมุสลิมทั้งในประเทศและนอกประเทศ เหตุการณ์จึงหยุดชะงักไป
จากนั้นพี่น้องชาวมุสลิมก็มีการเดินขบวนไปยังหน้าสถานทูตอิสราเอลเพื่อแสดงท่าทีสนับสนุนปาเลสไตน์ และได้รับการกล่าวขอบคุณจากขบวนการฮามาสในเรื่องนี้
นี่คือเหตุการณ์ที่ไม่ควรลืมและไม่ควรมองข้าม
ประการที่สาม หลังจากเกิดเหตุการณ์พายุอัลอักซอก็ได้มีการเคลื่อนไหวที่ปรากฏเป็นข่าวดังสนั่นในประเทศไทย ก็คือนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้ตั้งคณะผู้แทน 3 คน คือ นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์คณะทำงานของประธานรัฐสภาเป็นหัวหน้าคณะ ร่วมกับผู้แทนของผู้นำสูงสุดมุสลิมชีอะห์แห่งประเทศไทยและอาเซียนอีก 2 คน เพื่อทำหน้าที่เจรจาขอตัวคนไทยคืนจากขบวนการฮามาส ได้มีการแถลงข่าวครึกโครมที่รัฐสภา ซึ่งในขณะนั้นไม่มีใครหน้าไหนที่จะออกหน้ารับผิดชอบเรื่องนี้
ต่อมาคณะผู้แทนของประธานรัฐสภาจึงได้เดินทางไปยังประเทศอิหร่าน เปิดการเจรจากับคณะผู้แทนของขบวนการฮามาสที่อิหร่านและมีการแถลงข่าวไปทั่วโลก ไม่มีข่าวอื่นนอกเหนือจากนี้
ทำไมจึงต้องไปเจรจากันที่อิหร่าน และเหตุใดผู้แทนขบวนการฮามาสจึงร่วมเจรจากับคณะผู้แทนฝ่ายไทยที่อิหร่าน
ก็เพราะว่าประเทศอิหร่านนั้นมีกองทัพที่มีประสิทธิภาพสูงสุดคือกองกำลังปฏิวัติอิสลาม ขึ้นสังกัดต่อสำนักผู้นำสูงสุด และผู้นำสูงสุดมุสลิมชีอะห์ไทยก็มีเครือข่ายสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสำนักผู้นำสูงสุดของอิหร่านและกองกำลังปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน
กองกำลังปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านมีเครือข่ายสำคัญนอกประเทศคือกองทัพกุซหรือกองกำลังปฏิวัติอิสลามเพื่อการปลดแอกอัลอักซอและเยรูซาเลมรวมทั้งปาเลสไตน์ด้วย เป็นผู้ที่ให้การสนับสนุนหลักของขบวนการฮามาส ดังนั้นขบวนการฮามาสจึงมีสำนักงานการทูตอยู่ในอิหร่าน เหตุนี้การเจรจากับขบวนการฮามาสจึงต้องเจรจากันที่สำนักงานผู้แทนของฮามาสในประเทศอิหร่าน เพราะไม่สามารถเจรจาที่อื่นได้
การเจรจากันเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารโดยเปิดเผย และประกาศผลการเจรจาอย่างชัดเจนว่าขบวนการฮามาสโดยการสนับสนุนของอิหร่านจะปล่อยตัวประกันคนไทยทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไขในโอกาสอันเหมาะสม คือเมื่อมีความปลอดภัยในการเคลื่อนย้ายตัวประกันส่งมอบแก่ฝ่ายไทย
เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความลับอะไร หลังจากนั้นสำนักงานประธานรัฐสภาก็ได้แถลงเรื่องนี้หลายครั้ง และในที่สุดก็มีการปล่อยตัวตามที่มีการเจรจาตกลงกัน
เราจะยกความดีความชอบในเรื่องนี้ให้กับประธานรัฐสภาและคณะผู้แทนที่เจรจากันเพื่อเป็นกำลังใจให้แก่คนทั้งหลายที่จะทำความดีแก่ชาติบ้านเมืองไม่ได้เชียวหรือ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี