l บทสรุปผู้บริหาร และผู้ที่สนใจเอาจริงกับการวิเคราะห์และนำประวัติศาสตร์ไปใช้เพื่อการปฏิรูปประเทศเราได้มาร่วมกันสร้างความเข้าใจ “เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖”
ขอเพิ่มเติม บทบาทของอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์บุคคลสำคัญอีกท่านหนึ่ง หนังสือ “ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ กับ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖”
ทำไมนายกรัฐมนตรี สมัย ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ จึงต้องเป็นอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ (บทกล่าวนำ โดยนายธีรพล ตรียะเกษม นายกองค์การนักศึกษาธรรมศาสตร์ ปี ๒๕๑๖)
ตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องทางตรงและอ้อม
๑.ปลัดกระทรวงยุติธรรม ๒๔๙๖
๒.ประธานศาลฎีกา ๒๕๐๖ ตัดสินคดีกินป่า คดีประวัติศาสตร์ของศาลสถิตยุติธรรมไทยอย่างตรงไปตรงมา
๓.คณบดีคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ๒๕๑๑
๔.องคมนตรี ๒๕๑๑
๕.อธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ๒๕๑๔
๖.นายกรัฐมนตรี ๑๕ ตุลาคม ๒๕๑๖
๗.ประธานองคมนตรี ปี ๒๕๑๘
“ในบรรดาข้าราชการทั้งหลาย มีข้าราชการตุลาการฝ่ายเดียวเท่านั้นที่ทำงานในพระปรมาภิไธยเราเท่านั้น ที่ทำงานในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์”
(ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์)
ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง กับ จอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี
๑.จอมพลถนอม เลือกแต่งตั้ง อาจารย์สัญญา เป็นอธิการบดีธรรมศาสตร์
๒.ปกป้องกรณีอาจารย์สัญญา ถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ และให้ความไว้วางใจและเชี่อมั่นในตัวอาจารย์สัญญา
๓.อาจารย์สัญญา ให้ความเคารพ โดยถือว่า “จอมพลถนอม เป็นผู้มีพระคุณ”
อาจารย์สัญญากับผู้นำนักศึกษาในเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖
๑.ขอให้นักศึกษาชุมนุมอย่างสงบ ไม่รุนแรงไม่ออกไปชุมนุมนอกมหาวิทยาลัย ฯลฯ
๒.ผู้นำนักศึกษา ไม่ได้ทำตามในสิ่งที่อาจารย์สัญญา และยังได้ยึดธรรมศาสตร์ การชักธงดำที่ตึกโดม
๓.“ตอนนั้น ผมทำอะไรไม่ได้เลย เป็นง่อยเลย ควรจะลาออก
๔.อาจารย์น้อยใจในตัวเอง แต่มิเคยมีแม้แต่มโนทุจริตต่อนักศึกษาเลย และไม่เชื่อว่า “นักศึกษาเป็นคอมมิวนิสต์” (ซึ่งก็เป็นความจริง)
l อาจารย์สัญญา กับ ในหลวง ต่อเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖
๑.ในหลวง รับสั่งว่า “หัวหน้านักศึกษา (หลายคน)มาเข้าเฝ้าฯ ให้ผมเข้าไปด้วยฯ ทรงไกล่เกลี่ยว่า “ถ้าต้องการรัฐธรรมนูญ ท่านก็จะรับสั่งกับรัฐบาล เพื่อให้รัฐธรรมนูญแก่นักศึกษาและจะทรงขอให้ปล่อยตัวคนที่ถูกจับด้วย ทั้งนี้มีรับสั่ง ให้ทำสัญญาตกลงกันไว้ทั้งสองฝ่าย “ข้อความในสัญญา” คือ ให้นักศึกษาเลิกเดินขบวน รัฐบาลรับปากจะไม่เอาโทษนักศึกษา และรับปากว่า จะร่างรัฐธรรมนูญให้เสร็จในกำหนด เป็นไปได้ว่า ที่รัฐบาลยอมรับนักศึกษา เพราะพระเจ้าอยู่หัว
๒.แต่นักศึกษาไม่เลิกเดินขบวน เพราะเหตุว่า คนที่ถือสัญญา จะไปบอกกับคนที่คุมขบวนใหญ่ที่พระบรมรูปนั้น ถูกกีดกัน ไม่ให้ขึ้นรถ ฝูงชนก็เลยไม่สลาย....
๓.รุ่งขึ้น ผมรีบกลับไปที่สวนจิตรลดา พบบรรดาองคมนตรีทั้งหมดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านรับสั่งว่า “ฉันไม่ได้นอนทั้งคืน ที่เซ็นสัญญากัน ไม่ได้ผล”
l ทำไมนายกรัฐมนตรี ต้องเป็นคนชื่อ “สัญญา ธรรมศักดิ์”
เข้าใจว่า พระองค์ท่านทรงเลือกผม ด้วยพระองค์เอง (อ.สัญญา)
๑.อ.สัญญา เป็นอธิการบดีธรรมศาสตร์ เป็นจุดศูนย์กลางการเคลื่อนไหว น่าจะคุยกับนักศึกษาได้ดี
๒.เป็นองคมนตรี สถาบันที่เหมาะสมในสถานการณ์ที่เป็นสุญญากาศ
๓.เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติที่งดงาม ใจซื่อ มือสะอาดมาตลอดชีวิตในการทำงานสำคัญ
๔.เป็นนักกฎหมายมือดีมีผลงาน มาทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ
๕.เป็นคนที่จอมพลถนอม ยอมรับและมีความลึกซึ้งทางใจต่อกัน (ดูข้างต้น)
(5) พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) (Communist Party of Thailand-CPT) เป็นพรรคคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย ดำเนินแนวทางตามลัทธิมาร์กซ์ ลัทธิเลนิน และลัทธิเหมา พรรคก่อตั้งในปี พ.ศ. ๒๔๘๕ แต่ไม่เคยจดทะเบียนจัดตั้งตามกฎหมายอย่างเป็นทางการ
ฝ่ายทหาร มีกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย
สื่อหลัก สถานีเสียงประชาชนแห่งประเทศไทย สปท.พรรคคอมมิวนิสต์ มีฐานะและบทบาทที่แน่นอนในระดับหนึ่งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยก่อตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑ ธ.ค. ๒๔๘๕ โดยมีนายพิชิต ณ สุโขทัย (พายัพ อังคะสิงห์) เป็นเลขาธิการพรรคหลังการประชุมสมัชชา พคท. ครั้งที่ ๑ ที่จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีสมาชิกก่อตั้ง ๕๗ คน ในระยะเริ่มแรกพรรคมีบทบาทในการต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ และเคลื่อนไหวต่อสู้ทางการเมืองในระบบรัฐสภาในยุคหลังสงครามโลก ในช่วงดังกล่าว พคท. มี สส. ในสังกัดก็คือ ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร จากจังหวัดสุราษฎร์ธานี
แต่หลังจากนั้นสถานการณ์เปลี่ยนไป พคท.ต้อง“ลงใต้ดิน” จับอาวุธขึ้นต่อสู้ เมื่อมีการรัฐประหาร ๒๔๙๐......พร้อมทั้งการขยายบทบาทของสหรัฐอเมริกาเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยมีจุดมุ่งหมายหลักคือการต่อต้านการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์ ทำให้รัฐบาลไทยเริ่มปราบปราม พคท. อย่างเป็นระบบก่อนหน้าปี ๒๕๐๘ พ.ค.ท.ก็หลีกเลี่ยงการปะทะโดยตรงกับกองกำลังรัฐบาลไทยมาตลอด แต่ในวันที่ ๗ ส.ค. ๒๕๐๘ “วันเสียงปืนแตก” กองกำลังของ พคท.ก็เข้าปะทะกับกองกำลังรัฐบาลไทยโดยตรงเป็นครั้งแรกที่บ้านนาบัว อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม ซึ่งถือว่าเป็นวันเริ่มต้นของสงครามประชาชนในประเทศไทย.......
ในเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ด้วยแนวทางของพรรค คือ “การใช้กำลังอาวุธ ภายใต้ความคิดของพรรค เดินแนวทางใช้ชนบทล้อมเมืองและยึดเมืองในที่สุด” หรือกล่าวในอีกด้านหนึ่ง คือ พรรคสนใจงานการเมืองในเมืองน้อย
พรรคจึงมีบทบาทในเหตุการณ์น้อยมาก ซึ่งไม่มีผลต่อสถานการณ์การเมืองในช่วงนั้น (ข้อสรุป ที่พรรคมีการประชุมสัมมนา “เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ในป่าหลังจากเหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ที่มีตัวแทนของศูนย์กลางพรรค และอดีตผู้นำนิสิตนักศึกษาในเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖” ว่า พคท. มีบทบาทน้อย ในเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖)
แต่ช่วงหลังนั้น จนถึงเหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ พคท. ในปีกของกรรมการพรรคในเมืองมีบทบาทมาก ในการกำหนด “แนวทางการเคลื่อนที่ค่อนข้างซ้ายจัดรุนแรง” (พคท. ส่วนใหญ่ ไม่ได้สนับสนุน หรือเห็นด้วยกับความคิดและการกระทำนี้) เราจะนำเรื่องนี้ มากล่าวถึง เพื่อให้เข้าใจต่อ เหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ได้อย่างถูกต้องเพื่อนำสรุปเป็นบทเรียนใหญ่ของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในอนาคตต่อไป
สมาชิกพรรคเพิ่มขึ้นมากหลังเหตุการณ์ ๖ ตุลา ๒๕๑๙ ทำให้มีนักศึกษาและปัญญาชนหนีเข้าป่าไปจำนวนมาก ท่ามกลางบรรยากาศการปราบปรามผู้มีความคิดฝ่ายซ้ายอย่างเข้มข้นในเวลานั้น แต่พรรค มีทั้งส่วนที่เป็นจุดแข็งและจุดอ่อนโดยเฉพาะปัญหาการนำทฤษฎีชี้นำแนวทางการต่อสู้ การพึ่งพาตนเองได้น้อย ฯลฯ และเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงในพรรค ระหว่าง “คนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่” โดยเฉพาะ “การประสานงานและการแก้ปัญหา ความขัดแย้งกับนักศึกษาและประชาชนที่เข้าไปร่วมฯ” ที่เป็นส่วน ทำให้เกิด “ช่องว่าง”และพัฒนาไปไกล ถึงกับ การไม่ยอมรับการนำของพรรค “ประกอบกับทางจีนและพรรคคอมมิวนิสต์จีน” มีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการต่อสู้ทางสากลหันไปร่วมมือกับทางรัฐบาล และลดการสนับสนุนพคท.และมีเหตุการณ์ความขัดแย้ง ระหว่าง “โซเวียต เวียดนาม ลาว กับ จีน” และ พคท.ยังคงยืดกับทางจีนทำให้ “ทางเวียดนามและลาว” บีบให้ พคท.เคลื่อนย้ายจาก “ลาว” กลับเข้าในประเทศซึ่งต้องเผชิญหน้ากับรัฐบาลไทยโดยตรง ซึ่ง พคท. ไม่มีความพร้อมพอฯ และค่อยๆลดบทบาทลงอย่างต่อเนื่อง ฯลฯ อย่างไรก็ตาม เมื่อปี ๒๕๒๓บทบาทของพรรคได้สิ้นสุดลงแล้วเป็นส่วนใหญ่จากการออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ ๖๖/๒๕๒๓ และอีกฉบับในปี ๒๕๒๕ นิรโทษกรรมสมาชิกพรรคที่ออกจากป่าให้มาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย นับเป็นการสิ้นสุดการเคลื่อนไหว ของ พคท.
( 6 ) บทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้กล่าวไปแล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี