พลันที่ศาลรัฐธรรมนูญโดยมีมติเอกฉันท์ วินิจฉัยว่า การกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ พรรคก้าวไกล เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และสั่งการ “เลิกการกระทำ” เลิกการแสดงความคิดเห็น เพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
สำนักข่าวต่างประเทศ อาทิ ซีเอ็นเอ็น บีบีซี รอยเตอร์ส เอเอฟพี และ เอพี เสนอข่าวในทำนองเดียวกันว่า “ศาลรัฐธรรมนูญไทยไม่ให้พรรคก้าวไกลแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเป็น ก.ม. ปกป้องสถาบัน” และให้รายละเอียดในเนื้อข่าวซึ่งเหมือนหรือใกล้เคียงกันว่า ก้าวไกล เป็นพรรคฝ่ายค้านที่ชนะเลือกตั้งมี สส.มากที่สุดในสภาเสนอแก้กฎหมายอาญามาตรา 112
ที่มีบทลงโทษร้ายแรงที่สุดในโลกคือโทษจำคุกสูง 15 ปี ผู้ละเมิดมาตรานี้บางคนถูกตัดสินจำคุกถึง 50 ปี ในห้วงเวลาสามปีที่ผ่านมามีจำเลยถูกดำเนินคดีด้วยกฎหมายนี้แล้ว 195 คน รวมทั้งเยาวชนอายุเพียง 14 ปี สื่อตะวันตกไม่มองข้ามไม่ขยายความที่ศาลวินิจฉัยว่า“#พรรคก้าวไกลเซาะกร่อนบ่อนทำลายฯลฯ ซึ่งรายละเอียดในพฤติกรรมเซาะกร่อนบ่อนทำลายอยู่หลายเหตุการณ์
นี่คือแนวทางที่สื่อตะวันตกนำเสนอให้ชาวโลกเห็นถึงบทลงโทษที่รุนแรงต่อผู้ที่มีความเห็นต่างทางการเมือง จะเห็นได้ว่าสื่อฝรั่งบิดเบือนการดูหมิ่นสถาบันสูงสุดของชาติให้เป็นความเห็นต่างทางการเมืองตามที่ฝรั่งตั้งธงไว้ล่วงหน้าว่า ต้องนำเสนอเฉพาะในแง่ลบ (Negative) ต่อสถาบันหลักของชาติไทย ที่ตะวันตกมีเป้าหมายทำลายความมั่นคงภายในเท่านั้น
จากประสบการณ์ทำงานกับสำนักข่าวต่างประเทศกว่า 34 ปี ทั้งกับสำนักข่าวยูพีไอของอเมริกา สำนักข่าวรอยเตอร์ส สมัยที่เป็นของอังกฤษ และสุดท้ายทำงานกับสำนักข่าวเอพี ของอเมริกา พบว่า ขบวนการลดทอน ซอนแซะบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น เป็นขบวนการใหญ่ ที่มีมหาอำนาจและสื่อตะวันตกเป็นตัวจักรสำคัญในขบวนการล้มล้างสถาบัน โชคดีสมัยที่ทำงานกับสำนักข่าวรอยเตอร์ส มีหัว แองกัส แมกซ์วาล กับ เควิน คูนี่ เป็นหัวหน้า ฝรั่งสองคนนี้มีศรัทธาในสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย จึงไม่ค่อยเสนอข่าวในแง่ลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เควิน คูนี่ ที่สั่งให้ผู้เขียนฟังกระแสพระราชดำรัสของในหลวง รัชกาลที่ 9 ในคืนวันที่ 4 ธันวาคมทุกปี แล้วจับประเด็นนำเสนอข่าววันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระองค์ท่านจำได้ในยุคนั้นรอยเตอร์สเสนอเรื่อง “เศรษฐกิจพอเพียงและโครงการแก้มลิง” ตามกระแสพระราชดำรัสของพระองค์ท่านติดต่อกันสามปี
มีอยู่ครั้งหนึ่งสำนักงานใหญ่ในลอนดอนส่งข้อความภายในมาให้รอยเตอร์สกรุงเทพฯขยายความข้อครหาหรือข่าวลือเกี่ยวกับครอบครัวหนึ่งที่พำนักอยู่ในอังกฤษหลายปี เควิน ตอบกลับไปสำนักงานใหญ่ว่า “เป็นข่าวลือไม่มีที่มาที่ไป และอีกอย่างเรามีหลายคนที่ต้องดูแลในกรุงเทพฯ (we have many mouth to feed here) ประกอบกับในยุคนั้นสงครามอินโดจีนยังร้อนแรงสำนักข่าวส่วนใหญ่จึงให้น้ำหนักข่าวไปทางอินโดจีน
เมื่อย้ายมาทำข่าวกับสำนักข่าวเอพีในต้นทศวรรษ 2540 พบว่าข่าวในแง่ลบต่อสถาบันสูงสุดของไทยเริ่มการปั่นกระแสขึ้นมา สำนักข่าวมักได้รับข้อความภายในจากนักวิชาการของสภาวิเทศสัมพันธ์ต่างประเทศ (Council of Foreign Relation=CFR) และ National Endowment For Democry=NED) ของสหรัฐ บทความส่วนใหญ่ของ CFR และ NED เขียนถึงการพัฒนาประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และในตอนท้ายมักอ้างถึงหนังสือเรื่อง The King Never Smiles ของพอล แฮนด์ลีย์
พอล แฮนด์ลีย์ ซึ่งเคยเป็นนักข่าวในเมืองไทย จึงส่ง Draft ที่ยังไม่ edit มาให้เพื่อนๆนักข่าวในเมืองไทยช่วยแก้ไขบ้าง พวกนักข่าวทั้งฝรั่งทั้งไทยอ่านกันสนุกสนานในบางครั้ง ขอให้เราวิจารณ์ว่าตอนนั้นตอนนี้เป็นอย่างไร เราในฐานะคนไทย ทนไม่ได้กับการบิดเบือนกักขฬะหยาบช้าฝรั่ง แต่หลายปีต่อมาพบว่าข้อความบิดเบือนในหนังสือเล่มนั้นกลายมาเป็นวาทกรรมปราศรัยในเวทีเสื้อแดงและมักใช้อ้างอิงในการเสนอข่าวของสื่อตะวันตก
เล่าเรื่องทำงานกับสำนักต่างประเทศมายืดยาวเพื่อให้ผู้อ่านได้รับรู้ว่า พฤติกรรมคณะราษฎร์ยุคใหม่หรือขบวนการสามนิ้วและพรรคก้าวไกลเหมือนหรือใกล้เคียงกับสิ่งที่ CFR และ NED ส่งมาให้สำนักข่าวในประเทศไทยขยายความ จึงพูดได้เต็มปากว่า ฝรั่งชาติยุโรป อเมริกัน และเอ็นจีโอไทยที่รับเงินจาก NED และ CFR ตลอดสื่อตะวันตกคือส่วนสำคัญในขบวนการ “บั่นทอน ซอนแซะ ทำลายล้มล้างสถาบัน”
จึงไม่ประหลาดใจที่สื่อต่างประเทศเลือกเสนอข่าวศาลรัฐธรรมนูญ ห้ามไม่ให้พรรคฝ่ายค้านที่ชนะเลือกตั้งมีที่นั่งมากที่สุดในสภา คือ พรรคก้าวไกล แก้กฎหมายอาญามาตรา 112 ที่มีบทลงโทษหนักที่สุดในโลก โดยไม่ได้ให้รายละเอียดตามที่ศาลวินิจฉัยว่าผู้ถูกร้องมีพฤติกรรม บั่นทอน ซอนแซะ ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เช่น การปลุกระดมให้ยกเลิก มาตรา 112 ประกันตัวจำเลย/ผู้ต้องหาคดี มาตรา 112 ตลอดถึงเสนอแก้กฎหมายให้นำมาตรา 112 ออกจากหมวดความมั่นคงแห่งชาติ ลดทอนพระราชสถานะพระมหากษัตริย์เท่ากับประชาชนทั่วไป ที่สำคัญสื่อต่างประเทศ ไม่ได้ฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ว่า แก้ไขมาตรา 112 ให้เป็นตาม#กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ
สื่อตะวันตกและฝรั่งยุโรป/อเมริกา เป็นแนวร่วมหรือตัวการสำคัญในขบวนการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่? พิสูจน์ได้จากพฤติกรรมที่พบว่าทุกครั้งที่สมาชิกพรรคก้าวไกลและพวกสามนิ้วถูกดำเนินคดีจะมีฝรั่งอ้างว่าเป็นนักการทูตบ้าง เป็นเจ้าหน้าที่ยูเอ็นบ้างแห่ไปฟังคำให้การหรือการพิจารณาในศาลนายรังสิมันต์ โรม หนึ่งใน 44 สส.พรรคก้าวไกล ที่ร่วมลงชื่อเสนอแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 ให้สัมภาษณ์หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำพิพากษาตอนหนึ่งว่า..“มาตรา 112 ก็เป็นหนึ่งในกฎหมายที่ใช้ดำเนินคดีกับ คนที่วิพากษ์วิจารณ์และเห็นต่างทางการเมืองมาโดยตลอด เป็นข้อเท็จจริงที่รับรู้โดยทั่วกัน แม้แต่ในต่างประเทศ #เราได้รับคำเสนอแนะจากต่างประเทศ ถึงปัญหาการบังคับใช้กฎหมายมาตรา 112 มาโดยตลอด..” คำพูดของนายรังสิมันต์จึงเป็นที่ยืนยันว่า ต่างชาติมีส่วนสำคัญในการเสนอแนะชี้นำพรรคก้าวไกลตลอดมาในประเด็นมาตรา 112
อีกเหตุการณ์หนึ่ง ที่ยืนยันว่าฝรั่งชาติยุโรป/อเมริกัน เป็นส่วนสำคัญของขบวนการ “บั่นทอนซอนแซะล้มล้างสถาบัน คือ เมื่อคราวที่ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นายอานนท์ นำภา และคณะ ประกาศเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2563 ว่ามีผู้ไปลงชื่อเสนอร่างกฎหมายยกเลิก มาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญากว่า 214,000 รายชื่อแล้ว สื่อต่างประเทศเสนอข่าวรับลูกการรณรงค์แก้ มาตรา 112 ของนายเพนกวินและคณะ ว่า ในระดับนานาชาติ ที่ประชุมการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษย์ชนตามระยะ” (Universal Periodic Review หรือ UPR) ครั้งที่ 3 ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ตัวแทนจากชาติประชาธิปไตยตะวันตกได้แก่ เบลเยียม แคนาดา ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี นอร์เวย์ สวีเดน และสวิตเซอร์แลนด์ ได้เรียกร้องในที่ประชุมให้ไทยดำเนินการแก้ไขหรือทบทวนประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่มักเรียกว่ากฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยชี้ว่ากฎหมายมาตรานี้เป็นเครื่องมือในการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก ขณะที่สหรัฐฯ แสดงความกังวลต่อ “การขยายขอบเขต” การใช้กฎหมายนี้ และผลกระทบที่มีต่อเสรีภาพในการแสดงออก
จะเห็นได้ว่า สื่อต่างประเทศและฝรั่งชาติตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่งอเมริกาประสานกับพรรคก้าวไกลและสามนิ้วในกรณีแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 ได้อย่างไร้รอยต่อ
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี