วันพฤหัสบดี ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ชาวจีนในปัจจุบันได้ทราบเรื่องราวของพระสมเด็จรุ่นสองแผ่นดินมากขึ้นโดยลำดับ และพยายามขวนขวายแสวงหามาบูชากันอย่างกว้างขวาง ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจถ้าพบปะนักธุรกิจชาวจีนมาลงทุนในประเทศไทยแล้วสืบถามหาพระสมเด็จวังหน้ารุ่นสองแผ่นดิน
เพราะชาวจีนเห็นว่าพระสมเด็จวังหน้ารุ่นสองแผ่นดินนั้นมีคุณลักษณะพิเศษเฉพาะที่ไม่เหมือนกับพระเครื่องอื่นๆ เลยคือ
ประการแรก เป็นพระเครื่องที่ใช้มวลสารหลักเป็นดินธรรมชาติจากมณฑลกังไส หรือมณฑลเจียงซี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เชื่อมโยงความสัมพันธ์สองแผ่นดินไทย-จีน
ประการที่สอง เป็นพระเครื่องรุ่นเดียวที่มีการประทับอักษรจีนไว้ด้านหลังองค์พระ หรือไม่ก็เป็นรูปลักษณะอันเป็นสัญลักษณ์แบบจีน ไม่ว่ารูปมังกร รูปกวนอู รูปไฉ่ซิ้ง หรือที่เป็นแบบพิมพ์รูปเจ้าแม่กวนอิม
ประการที่สาม เป็นพระเครื่องที่จัดทำขึ้นในโอกาสสำคัญเพื่อความมั่นคงยาวนานยั่งยืนของพระบรมราชจักรีวงศ์ ซึ่งเป็นหมุดหมายว่าผู้ใดมีพระสมเด็จรุ่นนี้จะมีอายุยืนนาน ธุรกิจจะมั่นคงมั่งคั่งไปถึงชั่วลูกหลานเหลนโหลน
ประการที่สี่ เป็นพระเครื่องที่จัดทำขึ้นในโอกาสสำคัญยิ่ง คือทำพิธีมหาพุทธาภิเษกในวาระที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ที่เป็นที่เคารพนับถือของชาวจีนโดยเฉพาะสมเด็จพระจักรพรรดิของราชวงศ์ชิง
ประการที่ห้า เป็นพระเครื่องที่ประทานปลุกเสกของพระมหากษัตริย์คือสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
พระสมเด็จวังหน้าปรากฏขึ้นในประเทศไทยในยุคใหม่นี้เมื่อ 17 ปีก่อน แต่น่าเสียดายที่เซียนพระใจคับแคบปฏิเสธว่าไม่มีอยู่จริง เป็นพระปลอม โดยไม่สามารถบอกได้ว่าพระจริงเป็นอย่างไร แต่ในปัจจุบันนี้ก็ไม่มีใครปฏิเสธความมีอยู่และความศักดิ์สิทธิ์ของพระสมเด็จวังหน้ารุ่นสองแผ่นดินได้อีกต่อไปแล้ว
แต่ทว่าพระสมเด็จวังหน้าหาได้มีอยู่แค่พระสมเด็จวังหน้ารุ่นสองแผ่นดินเท่านั้นไม่ ยังมีรุ่นสำคัญอีกสองรุ่น
รุ่นแรก เกิดขึ้นหลังจากกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญได้รับการสถาปนาเป็นวังหน้าแล้ว และเป็นช่วงเวลาปีที่ 1 ของการเสวยสิริราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทั้งนี้ด้วยแรงผลักดันของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินและสมุหกลาโหม
ดังนั้นน้ำพระทัยของสมเด็จกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญน่าจะมีความกริ่งพระทัยบางประการอยู่ เพราะทรงทราบเป็นอย่างดีว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ไม่โปรดให้สถาปนาวังหน้าขึ้นมาใหม่ตามที่ได้ปฏิบัติมาตลอดรัชกาลที่ 4 ซึ่งแม้แต่วังหลังที่ว่างลงนานแล้วก็มิได้โปรดเกล้าฯ สถาปนาแต่ประการใด
และทรงทราบเป็นอย่างดีว่าการที่ได้รับสถาปนาเป็นวังหน้านั้นเป็นเพราะพลังอำนาจกดดันทางการเมืองของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ในขณะที่น้ำใจลึกของพระบรมวงศานุวงศ์สำคัญและขุนนางผู้ใหญ่ก็มีความเห็นแตกแยกกันไปไม่เป็นอันเดียวกัน
ดังนั้นเพื่อถวายความจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่ประจักษ์ จึงมีพระราชดำริให้สร้างพระสมเด็จรุ่นจักรพรรดิขึ้นจำนวน 8 องค์ ทำจากทองคำล้วน ด้านหน้าเป็นลายดอกบวบเชื่อมโยงกันตลอดแนวด้านหน้า ด้านหลังประทับตรา พ.ศ. 2411
แต่ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าพระสมเด็จวังหน้ารุ่นจักรพรรดินี้จะมีกี่แบบพิมพ์กันแน่ มีข้อสังเกตว่าฝีมือในการจัดทำพระสมเด็จรุ่นจักรพรรดินี้ประณีตมาก เพราะด้านหลังองค์พระถ้าหากส่องด้วยกล้องขยาย 1,500 เท่า ก็จะเห็นลายยันต์หลายชนิดและมีลายพระนามาภิไธย ตลอดจนข้อความภาษาจีนปรากฏให้เห็นด้วย ซึ่งน่าจะเป็นการเขียนลงในแผ่นเหล็กสำหรับตัดน้ำทองหลังจากเททองลงในแบบพิมพ์แล้ว ดังนั้นจึงปรากฏร่องรอยให้เห็น แต่ไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าได้
ตราดอกบวบนั้นเป็นตราสัญลักษณ์ของวังหน้า มีรูปลักษณะคล้ายดอกบวบ และได้ใช้มาตั้งแต่สมัยกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทในรัชกาลที่ 1 และโปรดให้สร้างขึ้นเป็นประตูหน้าของพระประธานวัดบวรนิเวศและวัดชนะสงครามด้วย ดังนั้นถ้าผู้ใดอยากจะทราบรูปแบบลายดอกบวบ ก็ให้ไปดูลายดอกบวบด้านหน้าพระประธานวัดบวรนิเวศและวัดชนะสงครามก็จะเห็นประจักษ์
ว่ากันว่าพระสมเด็จรุ่นจักรพรรดินี้ได้นิมนต์เจ้าประคุณสมเด็จปลุกเสกเป็นการเฉพาะ ซึ่งเวลานั้นแม้เจ้าประคุณสมเด็จจะมีอายุพรรษามากแล้ว แต่เนื่องจากกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ
นั้นก็เป็นพระญาติที่นับศักดิ์ได้เป็นชั้นหลาน เพราะพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวพระบิดาของกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญนั้นทรงเป็นพี่น้องต่างพระมารดาของเจ้าประคุณสมเด็จด้วยเหตุนี้กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญจึงมีพระราชฐานะเทียบได้กับชั้นหลานของเจ้าประคุณสมเด็จ
เพื่อถวายและแสดงความจงรักภักดี กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายพระสมเด็จรุ่นจักรพรรดินี้แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในท่ามกลางสมาคม เพื่อให้เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าทรงมีความจงรักภักดีต่อวังหลวง ความงดงามพิสดารของพระสมเด็จรุ่นนี้เป็นที่ชอบอกชอบใจของพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการขุนนางทั้งหลายที่ได้ทราบเรื่องนี้จนเป็นข่าวลือลั่น
บรรดาเชื้อพระวงศ์และขุนนางข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เมื่อชอบใจแล้วก็ปรารภปรารถนาจะได้พระสมเด็จรุ่นจักรพรรดิบ้าง เมื่อแรงรบเร้ามากขึ้น กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญจึงโปรดให้สร้างพระสมเด็จเนื้อทองคำขึ้นอีกรุ่นหนึ่ง โดยครั้งแรกจัดทำขึ้นเพียง 400 องค์ แต่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงต้องทำเพิ่มอีก 400 องค์ รวมเป็น 800 องค์ และในเรื่องจำนวนนี้ยังเป็นเรื่องถกเถียงกันอยู่ว่าจำนวนที่แท้จริงจะเป็น 600 องค์ หรือ 800 องค์ หรือ 1,200 องค์กันแน่
ในการจัดทำ 400 องค์แรกนั้นไม่อาจทำเป็นเนื้อทองคำทั้งหมดได้เพราะมีเป็นจำนวนมาก จึงโปรดให้ทำขึ้นเป็นเนื้อทองดอกบวบ คือเนื้อทองคำส่วนหนึ่ง และฝังด้วยเหล็กสัตโลหะอีกส่วนหนึ่ง
เหล็กสัตโลหะคือเหล็กศักดิ์สิทธิ์ 7 ชนิด เช่น เหล็กน้ำพี้ เป็นต้น จัดเป็นของวิเศษตามตำราแต่โบราณมา นำมาหลอมตีเป็นแผ่นขนาดเล็กกว่าพระสมเด็จ เวลาจะทำพระก็จะเททองลงในเบ้าแบบพิมพ์พระก่อน พอทองท่วมองค์พระก็จะวางแผ่นเหล็กสัตโลหะลง แล้วเททองทับลงไปอีกครั้งหนึ่งจนเต็มหลังแบบพิมพ์ จากนั้นก็ใช้แผ่นเหล็กปาดหลังเพื่อให้แผ่นทองด้านหลังเรียบ จึงมีลายต่างๆ ที่ละเอียดประณีตที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
พระสมเด็จเนื้อทองดอกบวบนี้ได้มีการแกะแบบพิมพ์รวม 6 แบบ คือแบบพิมพ์เชียงแสน แบบพิมพ์สุโขทัย แบบพิมพ์อู่ทอง แบบพิมพ์พระพุทธชินราช แบบพิมพ์พระแก้ว และแบบพิมพ์พระประธานวัดระฆัง ด้านหน้าประทับตราดอกบวบ ซึ่งเป็นตราของวังหน้าดวงหนึ่ง ส่วนด้านหลังตีตรา พ.ศ. 2411
ในตราดอกบวบนั้นถ้าขยายขนาด 1,500 เท่า ก็จะเห็นว่ามีแฝงตัวอักษรอยู่ 2 ตัว คือ “ว” และ “จ” ซึ่งเป็นลักษณะลีลาที่ช่างผู้แกะแบบได้แฝงชื่อย่อของตัวไว้ตามวิสัยของศิลปิน แต่ “ว” และ “จ” นี้จะหมายถึงชื่อใครนี้ยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นชื่อย่อของหลวงวิจารณ์เจียรนัย หลวงวิจัยเจียระกิจ หรือหลวงวิจิตรเจียระการ หรือจะเป็นหลวงใดหลวงหนึ่งนอกจากนี้

'บิ๊กเล็ก'เป็น ปธ.พิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้า'จ.ส.อ.ดำรงเกียรติ แก้วกระจ่าง'
(คลิป) ถล่มกาสิโนที่พนมเปญ สะเทือน'นักการเมืองไทย'
‘แปลงเกษตรมีชีวิต’ สร้างทักษะอาชีพนักเรียน‘บ้านท่าแลหลา’ ผลสำเร็จ‘SKL ความสุขปลูกได้’
‘ตม.นครปฐม’ลุยตรวจค้นแคมป์คนงาน รวบผู้ให้ที่พักพิงไม่แจ้งที่พักต่างด้าว 139 ราย โทษปรับบาน
เปิด4รองนายกฯในฝัน 'พรรคส้ม' จินตนาการสูงส่ง เตรียมโชว์ครม.ทั้งชุด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี